“เกษตรกรรุ่นใหม่ ใส่ใจผู้บริโภค” ดุเดือด!!! สุดยอดรางวัลประกวดเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด ปีที่ 11
เวทีประกวดเกษตรกรสำนึกรักบ้ านเกิด ปีที่ 11 หนุนสร้าง “เกษตรกรรุ่นใหม่ ใส่ใจผู้บริโภค” สร้างความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและสังคม
19 พฤศจิกายน 2562 – ดีแทค กรมส่งเสริมการเกษตร และมูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึ กรักบ้านเกิด สนับสนุนแนวคิดสร้างเกษตรกรรุ่ นใหม่ที่ยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์ กลาง ส่งเสริมการผลิตอาหารที่ปลอดภัย สอดรับเทรนด์สุขภาพคนเมือง- ความต้องการของตลาดโลก
เวทีประกวดเกษตรกรสำนึกรักบ้ านเกิด พ.ศ.2562 ดำเนินมาถึงปีที่ 11 ภายใต้แนวคิด "เกษตรกรรุ่นใหม่ ใส่ใจผู้บริโภค" โดยเล็งเห็นถึงความสำคั ญของภาคการเกษตรที่เป็นมิตรต่ อทุกชีวิต มุ่งส่งเสริมให้เกษตรกรผลิ ตอาหารที่ปลอดภัยสู่ผู้บริโภค โดยเริ่มจากการสร้างความยั่งยื นให้กับตนเองแล้วส่งต่อให้กับผู้ อื่น ด้วยการเกษตรวิถีอินทรีย์ แบบครบวงจร ตั้งแต่ กระบวนการปลูก การแปรรูปเพิ่มมูลค่า การนำเทคโนโลยีนวัตกรรมมาปรั บใช้เพื่อลดต้นทุนเพิ่มผลผลิต รวมไปถึงการบริหารจัดการด้ านการตลาด โดยยึดหลักสำคัญทั้ง 4 ประการ คือ สุขภาพ(health) นิเวศวิทยา(ecology) ความเป็นธรรม(fairness) และการดูแลเอาใจใส่ (care) นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึ งการทำเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่ งแวดล้อม (eco-friendly) ตั้งแต่กระบวนผลิต การขนส่ง การบริโภค ไปจนถึงการจัดการและกำจั ดของเหลือใช้ในฟาร์ม
คุณสำราญ สาราบรรณ์ รองปลัด กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี
นายสำราญ สาราบรรณ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า อาหารปลอดภัยเป็นความท้าทายหนึ่ งของโลกที่กำลังเผชิญ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขทั้ งระบบ ตั้งแต่ผู้ผลิต ผู้บริโภค ตลอดจนการอนุรักษ์ทรั พยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่ างยั่งยืน
แนะนำ ผู้เข้ารอบสุดท้าย
ปัจจุบัน รัฐบาลได้เห็นความสำคัญในการผลั กดันประเด็นดังกล่าว โดยคณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่ วยงานหลัก ในการจัดทำยุทธศาสตร์การพั ฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ พ.ศ. 2560 - 2564 ทั้งนี้ ในกระบวนการขับเคลื่อนยุ ทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติ ได้มีการจัดตั้งกลไกการขับเคลื่ อนทั้งระดับชาติและระดับจังหวัด ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมื อจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคการศึกษา เกษตรกรและผู้บริโภค เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเพิ่มพื้ นที่และจำนวนเกษตรกรที่ ทำเกษตรอินทรีย์ เพิ่มสัดส่วนตลาดเกษตรอินทรีย์ ภายในประเทศ รวมทั้งยกระดับกลุ่มเกษตรอินทรี ย์วิถีพื้นบ้าน นำไปสู่การพัฒนาเกษตรอินทรีย์ ของประเทศไทย
ทั้งนี้ พื้นที่ทำการเกษตรอินทรีย์ที่มี อยู่ทั่วโลกรวมกันประมาน 436.53 ล้านไร่ ใน 173 ประเทศ มีมูลค่าทางการตลาดสูง 3 ล้านล้านบาท ประเทศไทยจัดว่าเป็นอันที่ 7 ของภูมิภาค ซึ่งมีพื้นที่รวม 360,000 ไร่ โดยรัฐบาลตั้งเป้าไว้ว่าจะต้ องมีพื้นที่เกษตรอินทรีย์ให้ได้ 1.3 ล้านไร่ ให้ได้ในปี 2565 ซึ่งการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติ การด้านเกษตรอินทรีย์นี้ จะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยเป็ นผู้นำในระดับภูมิภาคด้านการผลิ ต การค้า การบริโภคและการบริการเกษตรอิ นทรีย์ที่มีความยั่งยืนและเป็ นที่ยอมรับในระดับสากลได้ในอั นใกล้นี้อย่างแน่นอน
นายบุญชัย เบญจรงคกุล ประธานกรรมการ มูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรั กบ้านเกิด กล่าวว่า โครงการประกวดเกษตรกรสำนึกรักบ้ านเกิด มีความมุ่งหวังเชิดชูเกษตรกรตั วอย่าง และขยายแนวคิดการทำเกษตรอินทรี ย์ ที่ปลอดภัย ใส่ใจผู้บริโภค ภายใต้แนวคิด “เกษตรวิถีอินทรีย์แบบครบวงจร” โดยคำนึงถึงผลกระทบในทุกมิติ อันได้แก่ ชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งคำนึงถึงสุขภาพของผู้ บริโภคเป็นศูนย์กลาง
คุณบุญชัย เบญจรงคกุล ประธานกรรมการ มูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด กล่าว
ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการผู้ บริโภคยุคใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ การรับประทานอาหารจานด่วน อาหารแปรรูป และอาหารปรุงแต่งที่มีความเสี่ ยงต่อสุขภาพ และยากต่อการคัดเลือกวัตถุดิบ ดังนั้น การเลือกบริโภคอาหารที่มีวัตถุ ดิบอินทรีย์ถือเป็นทางเลื อกในการรับประทานอาหารของคนเมื อง เพื่อการรับประทานที่อุดมไปด้ วยโภชนาการและปราศจากสารปนเปื้ อน นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริม สนับสนุนและเป็นกำลังใจสำคัญให้ กับเกษตรกรในการประกอบอาชี พการเกษตรวิถีอินทรีย์ ที่ต้องใช้ความวิริยะ อุตสาหะและความประณีตอย่างสูง เพื่อสร้างอาหารปลอดภัยให้ผู้ บริโภค
“กว่าทศวรรษที่เราดำเนิ นโครงการประกวดเกษตรกรสำนึกรั กบ้านเกิด เราภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้เชิดชูเกษตรกรต้นแบบที่มี ศักยภาพ จนเกิดเป็นเครือข่ายเกษตรกรสำนึ กรักบ้านเกิด ที่กระจายอยู่ทั่วทุกพื้นที่ ของประเทศ พร้อมสร้างความเข้มแข็งให้กั บแผ่นดิน ร่วมกันขับเคลื่อนชุมชน สังคมและเศรษฐกิจของประเทศให้มั่ งคั่งยั่งยืน” นายบุญชัย กล่าว
นางอเล็กซานดรา ไรช์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่า “ดิจิทัลเทคโนโลยีมีบทบาทสำคั ญอย่างยิ่งต่อการเปลี่ยนผ่ านของอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรมอาหารที่ กำลังเผชิญกับความท้ าทายหลายประการ ได้แก่ ความมั่นคงทางอาหาร (Food security) จากการเพิ่มขึ้ นของจำนวนประชากรโลก และการเปลี่ยนรูปแบบของวิถีชีวิ ตจากชนบทสู่เมืองที่เพิ่มมากขึ้ น (Urbanization) โดยประชากรเมืองจะมีสัดส่วนเพิ่ มขึ้นเป็น 66% ภายในปี 30 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่ 50% ของประชากรทั้งประเทศ ส่งผลให้เกิดความตระหนั กในความปลอดภัยของอาหาร ซึ่งสามารถติดตามแหล่งที่ มาของวัตถุดิบในการผลิตได้ (Traceability)”
คุณอเล็กซานดรา ไรช์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าว
เพื่อให้สอดรับกับแนวโน้มความต้ องการของโลกที่เน้นความยั่งยื นทางอาหารมากขึ้น ประเทศไทยในฐานะเป็นผู้ผลิ ตทางการเกษตรรายใหญ่ของโลก จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ งในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ ามาทำให้ห่วงโซ่ทางการเกษตรมี ประสิทธิภาพผ่านการทำเกษตรอย่ างแม่นยำ (precision farming) ซึ่งผ่านการวิเคราะห์ข้อมูล (data) ที่ได้จากแปลงเกษตรจริง ทำให้ผลิตภัณฑ์ ทางการเกษตรปลอดภัยมากขึ้น ลดการพึ่งพาสารเคมี สร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภค
ดีแทคมีความมุ่งมั่นอย่างยิ่ งในการเป็นส่วนหนึ่งในการพั ฒนาสังคมอย่างยั่งยืนผ่ านเทคโนโลยีดิจิทัล โดยยึดหลักการสร้างคุณค่าร่วม (Creating Shared Value) หรือ CSV ระหว่างภาคธุรกิจ สังคมและประชาชน เพื่อเสริมศั กยภาพภาคการเกษตรไทย อันเป็นการตอกย้ำบทบาทของดี แทคที่มากกว่าการเป็น Mobile connectivity” นางอเล็กซานดร้า กล่าว
คุณสำราญ สาราบรรณ์ รองปลัด กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เกียรติมอบโล่รางวัลแก่เกษตรกรที่ได้รับรางวัล
ผลการตัดสินเกษตรกรสำนึกรักบ้ านเกิด พ.ศ.2562
• รางวัลชนะเลิศ
นายปรีชา หงอกสิมมา จ.ขอนแก่น
เกษตรกรรุ่นใหม่ผู้มีความมุ่งมั่ นในการพัฒนาและเป็นแบบอย่ างของการทำเกษตรแบบยั่งยืน หลังจากผ่านประสบการณ์อันเลวร้ ายจากการทำเกษตรแบบใช้สารเคมี และไม่ได้รับความเป็นธรรม
หลังจากสำเร็จการศึกษาด้ านเกษตรมาโดยตรงและเริ่ มทำงานในโครงการส่วนพระองค์ มูลนิธิชัยพัฒนา ทำหน้าที่เป็นวิทยากรฝึกอบรมให้ เกษตรกรและผู้สนใจแนวพระราชดำริ ก่อนจะลาออกแล้วหันหน้ายึดอาชี พเกษตรกร โดยนำความรู้พื้นฐานด้านเกษตรที่ ร่ำเรียนบวกกับความชอบเรื่ องระบบนิเวศน์ป่าและธรรมชาติ มาวางแผนในการทำแปลง โดยเน้นเรื่องป่าไม้ควบคู่กั บการทำเกษตร
ปรีชา ได้ยึดแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่ โดยแบ่งพื้นที่ 14 ไร่ เป็นแปลงเกษตรทฤษฎีใหม่ที่มี การผสมผสานกิ จกรรมทางการเกษตรอย่างครบวงจร ได้แก่ ธนาคารต้นไม้ พื้นที่ปลูกผักอินทรีย์ ฟาร์มไก่ไข่อารมณ์ดี การแปรรูปสมุนไพรและพื้นที่ที่ จัดสรรเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ ยวเชิงเกษตร นอกจากนี้ ยังได้นำผลผลิตจากป่ามาแปรรู ปเป็นสินค้าเกษตรอินทรีย์ พร้อมทั้งผลิตพืชผักและสมุ นไพรอินทรีย์ภายใต้แบรนด์ “WANAPHANW” (วนพรรณ)
ขณะเดียวกัน ได้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ ามาประยุกต์ใช้ โดยยึดความต้องการของลูกค้าเป็ นหลัก สามารถเลือกปลูกผลผลิตนำมาแปรรู ป เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้ าทางการเกษตรได้ ทำน้อย ได้มาก สร้างรายได้ให้ทั้งตัวเองและชุ มชน พัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุ มชนอย่างยั่งยืน
• รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1
ผู้คิดค้น ต่อยอด สร้างมูลค่าสินค้าเกษตรอินทรีย์ "กล้วยเสียบตอก" ด้วยการนำวัสดุพื้นบ้านมาใช้ สามารถสร้างงานสร้างรายได้ให้ชุ มชน
• รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2
นางกล้วย ดวงคำ จ.ยโสธร
ผู้นำกลุ่มนาข้าวอินทรีย์ที่เข้ มแข้ง มีเครือข่ายข้าวอินทรีย์ที่ได้ มาตรฐานออร์แกนิค สามารถส่งไปจำหน่ายในต่ างประเทศในนาม "ข้าวอินทรีย์บ้านเชียงเพ็ง”