เปิดตำราเลี้ยงลูกเชิงบวกแบบฉบับ “ผู้พันเบิร์ด” กับบทบาทคุณพ่อฮีโร่ตัวจริงของลูกชาย
หลายคนรู้จักพันเอก (พิเศษ) วันชนะ สวัสดี หรือ ผู้พันเบิร์ด จากการปฏิบัติหน้าที่ทหารรับใช้ชาติและบทบาทนักแสดงมากฝีมือ ยังมีอีกหนึ่งบทบาทหลักที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุด นั่นคือการเป็นคุณพ่อต้นแบบฮีโร่ในชีวิตจริงของน้องวิน ลูกชายวัย 6 ปี แม้ในแต่ละวันของผู้พันเบิร์ดจะมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบมากมาย แต่เขาก็พยายามจัดสรรเวลากับครอบครัวให้ได้มากที่สุด พร้อมคอยปลูกฝังพฤติกรรมที่เหมาะสมและเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับน้องวินอยู่เสมอ หลายๆ พฤติกรรมเชิงบวกของน้องวิน เช่น ช่วยคุณแม่ถือของทันทีในระหว่างช้อปปิ้งโดยไม่ต้องร้องขอ ช่วยคุณพ่อล้างจานหลังกินข้าวเสร็จด้วยความเต็มใจ หรือการพูดคุยกับพ่อแม่ด้วยเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์ ก็เป็นผลมาจากการสังเกตและปฏิบัติตามแบบอย่างที่ผู้พันเบิร์ดแสดงออกให้เห็นอยู่บ่อยๆ นั่นเอง
ภายในงาน “1 วันสร้างสุขให้ลูกเปลี่ยน ปี 3” โดย โครงการเนสท์เล่เพื่อเด็กสุขภาพดี (Nestlé for Healthier Kids) ซึ่งจัดโดย บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ร่วมกับพันธมิตรภาครัฐและเอกชน เพื่อจุดประกายให้ให้พ่อแม่และผู้ดูแลเด็กตระหนักถึงความสำคัญของการเลี้ยงลูกเชิงบวกให้มีความสุข และร่วมกันเป็นฮีโร่ต้นแบบเพื่อปลูกฝังพฤติกรรมเชิงบวกให้กับเด็กอายุ 3-12 ปี เพื่อปูรากฐานไปสู่การเติบโตที่เข้มแข็งทั้งด้านร่างกายและจิตใจ อีกทั้งสร้างสัมพันธภาพที่ดีภายในครอบครัวอย่างยั่งยืน ผู้พันเบิร์ดพร้อมด้วยคุณแม่ปามและน้องวิน ได้มาร่วมสร้างสีสันและแบ่งปันเทคนิคการเลี้ยงลูกเชิงบวกตามแบบฉบับของบ้าน “สวัสดี”
ปรับพฤติกรรมลูกดื้อด้วยการเสนอทางออกให้ลูกเลือก
แม้โดยปกติแล้วน้องวินจะเชื่อฟังพ่อแม่เสมอ แต่ก็มีบางครั้งที่งอแงและไม่ฟังใคร ผู้พันเบิร์ดเผยวิธีการรับมือกับสถานการณ์เมื่อลูกดื้อด้วยการพูดคุยกับลูกด้วยเหตุผลเพื่อให้เขาเข้าใจสิ่งที่พ่อแม่กำลังสื่อสาร รวมถึงใช้วิธีเล่นเกมง่ายๆ สนุกๆ เพื่อจูงใจให้ลูกทำในสิ่งที่พ่อแม่ต้องการ “ผมมักจะใช้เทคนิคการนำเสนอ 2 สิ่งที่เราต้องการให้ลูกทำให้เสร็จ แต่จะเปิดโอกาสให้เขาได้เลือกและตัดสินใจด้วยตัวเองว่าอยากจะทำสิ่งไหนก่อนหลัง เช่น ให้เลือกว่าอยากกินข้าวก่อนหรืออาบน้ำก่อน ซึ่งการเปิดโอกาสให้เขาได้เลือกลำดับการทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง ภายใต้สิ่งที่เราอยากให้เขาทำอยู่แล้วนั้น ผลลัพธ์ก็จะได้ตามที่เราตั้งใจไว้ทั้งสองอย่าง โดยที่เราไม่ต้องใช้วิธีบังคับหรือสั่งลูกแต่อย่างใด”
ปลูกฝังให้ลูกกินผักจากการกินข้าวพร้อมหน้ากัน
สำหรับหลายๆ บ้าน ลูกไม่กินผักคือปัญหาที่น่าหนักใจของพ่อแม่ ผู้พันเบิร์ดแนะเทคนิคง่ายๆ เพื่อปลูกฝังลูกให้กินผักว่า “สิ่งที่ทำให้วินซึมซับเรื่องการกินผัก ผลไม้ และอาหารครบ 5 หมู่ในทุกมื้ออาหาร มาจากการที่ครอบครัวของเรานั่งกินข้าวร่วมกันทุกวัน และเนื่องจากผมและแม่ปามชอบกินผักอยู่แล้ว วินจึงได้มีโอกาสเห็นพ่อแม่กินผักเป็นประจำ จนทำให้เขาอยากลองกินบ้าง การนั่งกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันทุกมื้ออาหารจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะลูกจะได้เห็นเราเป็นแบบอย่างที่ดีในการเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ และซึมซับพฤติกรรมการชอบกินผักและอาหารที่มีประโยชน์จากพ่อแม่ไปเองโดยไม่ต้องบังคับ”
ฝึกทักษะด้านกีฬาอย่างเป็นธรรมชาติโดยที่เขาไม่รู้ตัว
หลายคนคงทราบกันดีว่าผู้พันเบิร์ดมีความฝันที่จะผลักดันให้ลูกชายของเขาก้าวเข้าสู่วงการเทนนิสมืออาชีพ ซึ่งผู้พันเบิร์ดก็ได้เล่าถึงวิธีการปูพื้นฐานทักษะด้านกีฬาให้กับวินว่า “ตั้งแต่วินยังแบเบาะ ผมห้อยลูกเทนนิสให้ลูกดูแทนโมเดลปลาตะเพียน และให้เขาได้แตะจับแทนของเล่นอื่นๆ และเมื่อโตขึ้นก็เริ่มฝึกปฏิกิริยาตอบสนอง โดยให้เขาฝึกใช้ฝ่ามือตีลูกเทนนิส ซึ่งถือเป็นการฝึกฝนทักษะการเคลื่อนไหวร่างกายให้เขา โดยไม่ทำให้เขารู้สึกว่ากำลังถูกบังคับ ทำให้ลูกซึมซับทักษะด้านกีฬาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ปกติผมชอบออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว โดยเฉพาะการออกกำลังกาย ซึ่งวินก็มักจะตามออกมาเล่นด้วยเสมอ ผมจึงได้มีโอกาสสอนทักษะด้านกีฬาให้กับลูก โดยเริ่มจากการให้เล่นเกมง่ายๆ และเพิ่มความท้าทายมากขึ้นตามอายุและทักษะที่พัฒนาขึ้น พร้อมทั้งชวนแม่ปามออกมาเล่นด้วย การออกกำลังกาย นอกจากจะเป็นการใช้เวลาร่วมกันในครอบครัวแล้ว ยังทำให้วินไม่เป็นเด็กที่ติดหน้าจอโทรศัพท์อีกด้วย”
การที่น้องวินมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และจิตใจที่สดใสอย่างทุกวันนี้ได้ เป็นผลมาจากเทคนิคการสื่อสารเชิงบวก การสนับสนุนให้น้องวินมีส่วนร่วมกับกิจกรรมต่างๆ ของครอบครัว รวมไปถึงการที่คุณพ่อคุณแม่เป็นฮีโร่ต้นแบบของพฤติกรรมที่ดีให้น้องวินเห็นเป็นตัวอย่างอยู่เสมอนั่นเอง
เนสท์เล่ชวนคุณร่วมเป็นฮีโร่ต้นแบบพฤติกรรมเชิงบวกของลูก ร่วมกับครอบครัวผู้พันเบิร์ด และโครงการเนสท์เล่เพื่อเด็กสุขภาพดี ที่เฟซบุ๊กเพจ Nestle for Healthier Kids TH หรือ https://www.facebook.com/N4HKThailand/
ครอบครัวผู้พันเบิร์ดขณะร่วมกิจกรรมของเนสท์เล่เพื่อเด็กสุขภาพดี ในงาน “1 วันสร้างสุขให้ลูกเปลี่ยน ปี 3”
หมายเหตุ
เนสท์เล่เป็นบริษัทผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มรายใหญ่ที่สุดของโลก ครอบคลุม 191 ประเทศทั่วโลก พนักงานเนสท์เล่กว่า 328,000 คนต่างมีพันธสัญญาต่อเจตนารมณ์ของเนสท์เล่ในการเพิ่มพูนคุณภาพชีวิต เสริมสร้างสุขภาพดีสู่อนาคต เนสท์เล่นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับผู้คนและสัตว์เลี้ยงครอบคลุมในทุกช่วงวัย มากกว่า 2,000 แบรนด์ ทั้งที่เป็นแบรนด์ที่เป็น ที่รู้จักในระดับโลก เช่น เนสกาแฟ เนสเปรสโซ ตลอดจนแบรนด์ที่เป็นที่ชื่นชอบในท้องถิ่นอย่าง ตราหมี หรือมิเนเร่ บริษัทฯ ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยกลยุทธ์ด้านโภชนาการเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี ปัจจุบัน เนสท์เล่ก่อตั้งมานานกว่า 150 ปี โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองเวเวย์ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ภายในงาน “1 วันสร้างสุขให้ลูกเปลี่ยน ปี 3” โดย โครงการเนสท์เล่เพื่อเด็กสุขภาพดี (Nestlé for Healthier Kids) ซึ่งจัดโดย บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ร่วมกับพันธมิตรภาครัฐและเอกชน เพื่อจุดประกายให้ให้พ่อแม่และผู้ดูแลเด็กตระหนักถึงความสำคัญของการเลี้ยงลูกเชิงบวกให้มีความสุข และร่วมกันเป็นฮีโร่ต้นแบบเพื่อปลูกฝังพฤติกรรมเชิงบวกให้กับเด็กอายุ 3-12 ปี เพื่อปูรากฐานไปสู่การเติบโตที่เข้มแข็งทั้งด้านร่างกายและจิตใจ อีกทั้งสร้างสัมพันธภาพที่ดีภายในครอบครัวอย่างยั่งยืน ผู้พันเบิร์ดพร้อมด้วยคุณแม่ปามและน้องวิน ได้มาร่วมสร้างสีสันและแบ่งปันเทคนิคการเลี้ยงลูกเชิงบวกตามแบบฉบับของบ้าน “สวัสดี”
ปรับพฤติกรรมลูกดื้อด้วยการเสนอทางออกให้ลูกเลือก
แม้โดยปกติแล้วน้องวินจะเชื่อฟังพ่อแม่เสมอ แต่ก็มีบางครั้งที่งอแงและไม่ฟังใคร ผู้พันเบิร์ดเผยวิธีการรับมือกับสถานการณ์เมื่อลูกดื้อด้วยการพูดคุยกับลูกด้วยเหตุผลเพื่อให้เขาเข้าใจสิ่งที่พ่อแม่กำลังสื่อสาร รวมถึงใช้วิธีเล่นเกมง่ายๆ สนุกๆ เพื่อจูงใจให้ลูกทำในสิ่งที่พ่อแม่ต้องการ “ผมมักจะใช้เทคนิคการนำเสนอ 2 สิ่งที่เราต้องการให้ลูกทำให้เสร็จ แต่จะเปิดโอกาสให้เขาได้เลือกและตัดสินใจด้วยตัวเองว่าอยากจะทำสิ่งไหนก่อนหลัง เช่น ให้เลือกว่าอยากกินข้าวก่อนหรืออาบน้ำก่อน ซึ่งการเปิดโอกาสให้เขาได้เลือกลำดับการทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง ภายใต้สิ่งที่เราอยากให้เขาทำอยู่แล้วนั้น ผลลัพธ์ก็จะได้ตามที่เราตั้งใจไว้ทั้งสองอย่าง โดยที่เราไม่ต้องใช้วิธีบังคับหรือสั่งลูกแต่อย่างใด”
ปลูกฝังให้ลูกกินผักจากการกินข้าวพร้อมหน้ากัน
สำหรับหลายๆ บ้าน ลูกไม่กินผักคือปัญหาที่น่าหนักใจของพ่อแม่ ผู้พันเบิร์ดแนะเทคนิคง่ายๆ เพื่อปลูกฝังลูกให้กินผักว่า “สิ่งที่ทำให้วินซึมซับเรื่องการกินผัก ผลไม้ และอาหารครบ 5 หมู่ในทุกมื้ออาหาร มาจากการที่ครอบครัวของเรานั่งกินข้าวร่วมกันทุกวัน และเนื่องจากผมและแม่ปามชอบกินผักอยู่แล้ว วินจึงได้มีโอกาสเห็นพ่อแม่กินผักเป็นประจำ จนทำให้เขาอยากลองกินบ้าง การนั่งกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันทุกมื้ออาหารจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะลูกจะได้เห็นเราเป็นแบบอย่างที่ดีในการเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ และซึมซับพฤติกรรมการชอบกินผักและอาหารที่มีประโยชน์จากพ่อแม่ไปเองโดยไม่ต้องบังคับ”
ฝึกทักษะด้านกีฬาอย่างเป็นธรรมชาติโดยที่เขาไม่รู้ตัว
หลายคนคงทราบกันดีว่าผู้พันเบิร์ดมีความฝันที่จะผลักดันให้ลูกชายของเขาก้าวเข้าสู่วงการเทนนิสมืออาชีพ ซึ่งผู้พันเบิร์ดก็ได้เล่าถึงวิธีการปูพื้นฐานทักษะด้านกีฬาให้กับวินว่า “ตั้งแต่วินยังแบเบาะ ผมห้อยลูกเทนนิสให้ลูกดูแทนโมเดลปลาตะเพียน และให้เขาได้แตะจับแทนของเล่นอื่นๆ และเมื่อโตขึ้นก็เริ่มฝึกปฏิกิริยาตอบสนอง โดยให้เขาฝึกใช้ฝ่ามือตีลูกเทนนิส ซึ่งถือเป็นการฝึกฝนทักษะการเคลื่อนไหวร่างกายให้เขา โดยไม่ทำให้เขารู้สึกว่ากำลังถูกบังคับ ทำให้ลูกซึมซับทักษะด้านกีฬาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ปกติผมชอบออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว โดยเฉพาะการออกกำลังกาย ซึ่งวินก็มักจะตามออกมาเล่นด้วยเสมอ ผมจึงได้มีโอกาสสอนทักษะด้านกีฬาให้กับลูก โดยเริ่มจากการให้เล่นเกมง่ายๆ และเพิ่มความท้าทายมากขึ้นตามอายุและทักษะที่พัฒนาขึ้น พร้อมทั้งชวนแม่ปามออกมาเล่นด้วย การออกกำลังกาย นอกจากจะเป็นการใช้เวลาร่วมกันในครอบครัวแล้ว ยังทำให้วินไม่เป็นเด็กที่ติดหน้าจอโทรศัพท์อีกด้วย”
การที่น้องวินมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และจิตใจที่สดใสอย่างทุกวันนี้ได้ เป็นผลมาจากเทคนิคการสื่อสารเชิงบวก การสนับสนุนให้น้องวินมีส่วนร่วมกับกิจกรรมต่างๆ ของครอบครัว รวมไปถึงการที่คุณพ่อคุณแม่เป็นฮีโร่ต้นแบบของพฤติกรรมที่ดีให้น้องวินเห็นเป็นตัวอย่างอยู่เสมอนั่นเอง
เนสท์เล่ชวนคุณร่วมเป็นฮีโร่ต้นแบบพฤติกรรมเชิงบวกของลูก ร่วมกับครอบครัวผู้พันเบิร์ด และโครงการเนสท์เล่เพื่อเด็กสุขภาพดี ที่เฟซบุ๊กเพจ Nestle for Healthier Kids TH หรือ https://www.facebook.com/N4HKThailand/
ครอบครัวผู้พันเบิร์ดขณะร่วมกิจกรรมของเนสท์เล่เพื่อเด็กสุขภาพดี ในงาน “1 วันสร้างสุขให้ลูกเปลี่ยน ปี 3”
หมายเหตุ
เนสท์เล่เป็นบริษัทผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มรายใหญ่ที่สุดของโลก ครอบคลุม 191 ประเทศทั่วโลก พนักงานเนสท์เล่กว่า 328,000 คนต่างมีพันธสัญญาต่อเจตนารมณ์ของเนสท์เล่ในการเพิ่มพูนคุณภาพชีวิต เสริมสร้างสุขภาพดีสู่อนาคต เนสท์เล่นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับผู้คนและสัตว์เลี้ยงครอบคลุมในทุกช่วงวัย มากกว่า 2,000 แบรนด์ ทั้งที่เป็นแบรนด์ที่เป็น ที่รู้จักในระดับโลก เช่น เนสกาแฟ เนสเปรสโซ ตลอดจนแบรนด์ที่เป็นที่ชื่นชอบในท้องถิ่นอย่าง ตราหมี หรือมิเนเร่ บริษัทฯ ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยกลยุทธ์ด้านโภชนาการเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี ปัจจุบัน เนสท์เล่ก่อตั้งมานานกว่า 150 ปี โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองเวเวย์ประเทศสวิตเซอร์แลนด์