รมว. คลังมอบนโยบายให้รัฐวิสาหกิจเป็นกำลังหลักในการปฏิรูปประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตต่อเนื่อง
“รมว. คลัง นายอุตตม สาวนายน มอบนโยบายให้แก่ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ และกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลัง ใน 3 เรื่อง ได้แก่ เร่งพัฒนาโครงการลงทุนและบุคลากรของรัฐวิสาหกิจ เพื่อปฏิรูปและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เร่งโครงการลงทุนให้เป็นไปตามแผนเพื่อผลักดันเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 2562 และปี 2563 ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และให้กรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังและ สคร. ทำหน้าที่ให้เข้มข้นมากขึ้นในการสนับสนุนรัฐวิสาหกิจ”
นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังโดย สคร. ได้จัดสัมมนาเพื่อมอบนโยบายและทิศทางการพัฒนารัฐวิสาหกิจ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง (นายอุตตม สาวนายน) เป็นประธาน และได้เชิญผู้บริหารระดับสูงและกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังของรัฐวิสาหกิจเข้าร่วมรับมอบนโยบายของกระทรวงการคลังถึงแนวทางการพัฒนารัฐวิสาหกิจในปี 2563 ในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายของรัฐบาล โดยสรุปดังนี้
ประเด็นที่ 1 เร่งพัฒนาโครงการลงทุนและบุคลากรของรัฐวิสาหกิจ
การปฏิรูปประเทศเพื่อปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลที่ต้องการสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ดึงดูดการลงทุนเข้ามาให้ประเทศไทยมากขึ้น รวมทั้งสร้างคุณภาพชีวิต ของประชาชนให้ดีขึ้น
รัฐวิสาหกิจของประเทศไทยในฐานะหน่วยงานของรัฐ มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ จะต้องร่วมมือในการพัฒนาโครงการและแผนงานต่างๆ ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ นโยบายรัฐบาล และแผนพัฒนารัฐวิสาหกิจที่จะจัดทำขึ้นตามพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2562 ซึ่งจะช่วยให้การปฏิรูปประเทศเป็นไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ ในการพัฒนาประสิทธิภาพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ให้ความสำคัญในการใช้ข้อมูลจำนวนมากที่รัฐวิสาหกิจมีอยู่มาพัฒนาร่วมกัน ให้เกิด Big Data ที่จะสามารถมาพัฒนางานการให้บริการแก่ประชาชน และการพัฒนาบุคลากรของรัฐวิสาหกิจ ให้มีชุดความรู้ที่ตอบโจทย์ในการพัฒนาประเทศไปอีกระดับด้วย
ประเด็นที่ 2 สนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
จากครึ่งแรกของปี 2562 เศรษฐกิจไทยเผชิญความท้าทายรอบด้าน แต่ปัจจัยพื้นฐานยังคงมีความมั่นคง และมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทยดีขึ้นหลังจากที่มีการเลือกตั้ง ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวนมาก โดยมีเป้าหมายเศรษฐกิจไทยโตได้อย่างน้อย 3% ซึ่งต้องได้รับความร่วมมือในการขับเคลื่อนมาตรการทั้งจากสถาบันการเงินของรัฐและรัฐวิสาหกิจที่มีงบการใช้จ่ายและงบลงทุนที่สูง
ประเด็นสำคัญในช่วงนี้ คือ การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เน้นย้ำไว้ว่า สำหรับปี 2562 ที่มีเวลาเหลือไม่มาก ให้เร่งการลงทุนให้เป็นไปตามแผนและขอให้ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจและกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังติดตามอย่างใกล้ชิด โดยโครงการใดที่มีปัญหา ให้มาหารือ สคร. เพื่อร่วมแก้ไข และสำหรับโครงการในปี 2563 ให้เร่งจัดทำโครงการลงทุนเพิ่มเติม และให้มีการเบิกจ่ายในลักษณะ Front-loaded เพื่อให้มีเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ภาคเอกชนและประชาชนถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจประเทศ ทั้งนี้ ในเรื่องการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ได้มอบนโยบายให้ สคร. เข้าหารือกับรัฐวิสาหกิจเป็นรายแห่งในรายละเอียดด้วยแล้ว
ประเด็นที่ 3 หน้าที่ของกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังและ สคร.
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบนโยบายให้กรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังให้ความสำคัญ กับการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นผู้ส่งผ่านและติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงการคลัง ของรัฐวิสาหกิจ และให้ สคร. มีบทบาทในเชิงรุกมากขึ้น ซึ่งจำเป็นมากต่อสถานการณ์ในขณะนี้ รวมทั้งขอให้กรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังทำงานร่วมกับ สคร. อย่างใกล้ชิดเพื่อสนับสนุนการพัฒนารัฐวิสาหกิจให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้รัฐวิสาหกิจเป็นกลไกสำคัญของภาครัฐในการปฏิรูปประเทศได้ตามยุทธศาสตร์ชาติ
นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังโดย สคร. ได้จัดสัมมนาเพื่อมอบนโยบายและทิศทางการพัฒนารัฐวิสาหกิจ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง (นายอุตตม สาวนายน) เป็นประธาน และได้เชิญผู้บริหารระดับสูงและกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังของรัฐวิสาหกิจเข้าร่วมรับมอบนโยบายของกระทรวงการคลังถึงแนวทางการพัฒนารัฐวิสาหกิจในปี 2563 ในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายของรัฐบาล โดยสรุปดังนี้
ประเด็นที่ 1 เร่งพัฒนาโครงการลงทุนและบุคลากรของรัฐวิสาหกิจ
การปฏิรูปประเทศเพื่อปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลที่ต้องการสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ดึงดูดการลงทุนเข้ามาให้ประเทศไทยมากขึ้น รวมทั้งสร้างคุณภาพชีวิต ของประชาชนให้ดีขึ้น
รัฐวิสาหกิจของประเทศไทยในฐานะหน่วยงานของรัฐ มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ จะต้องร่วมมือในการพัฒนาโครงการและแผนงานต่างๆ ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ นโยบายรัฐบาล และแผนพัฒนารัฐวิสาหกิจที่จะจัดทำขึ้นตามพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2562 ซึ่งจะช่วยให้การปฏิรูปประเทศเป็นไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ ในการพัฒนาประสิทธิภาพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ให้ความสำคัญในการใช้ข้อมูลจำนวนมากที่รัฐวิสาหกิจมีอยู่มาพัฒนาร่วมกัน ให้เกิด Big Data ที่จะสามารถมาพัฒนางานการให้บริการแก่ประชาชน และการพัฒนาบุคลากรของรัฐวิสาหกิจ ให้มีชุดความรู้ที่ตอบโจทย์ในการพัฒนาประเทศไปอีกระดับด้วย
ประเด็นที่ 2 สนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
จากครึ่งแรกของปี 2562 เศรษฐกิจไทยเผชิญความท้าทายรอบด้าน แต่ปัจจัยพื้นฐานยังคงมีความมั่นคง และมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทยดีขึ้นหลังจากที่มีการเลือกตั้ง ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวนมาก โดยมีเป้าหมายเศรษฐกิจไทยโตได้อย่างน้อย 3% ซึ่งต้องได้รับความร่วมมือในการขับเคลื่อนมาตรการทั้งจากสถาบันการเงินของรัฐและรัฐวิสาหกิจที่มีงบการใช้จ่ายและงบลงทุนที่สูง
ประเด็นสำคัญในช่วงนี้ คือ การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เน้นย้ำไว้ว่า สำหรับปี 2562 ที่มีเวลาเหลือไม่มาก ให้เร่งการลงทุนให้เป็นไปตามแผนและขอให้ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจและกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังติดตามอย่างใกล้ชิด โดยโครงการใดที่มีปัญหา ให้มาหารือ สคร. เพื่อร่วมแก้ไข และสำหรับโครงการในปี 2563 ให้เร่งจัดทำโครงการลงทุนเพิ่มเติม และให้มีการเบิกจ่ายในลักษณะ Front-loaded เพื่อให้มีเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ภาคเอกชนและประชาชนถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจประเทศ ทั้งนี้ ในเรื่องการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ได้มอบนโยบายให้ สคร. เข้าหารือกับรัฐวิสาหกิจเป็นรายแห่งในรายละเอียดด้วยแล้ว
ประเด็นที่ 3 หน้าที่ของกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังและ สคร.
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบนโยบายให้กรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังให้ความสำคัญ กับการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นผู้ส่งผ่านและติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงการคลัง ของรัฐวิสาหกิจ และให้ สคร. มีบทบาทในเชิงรุกมากขึ้น ซึ่งจำเป็นมากต่อสถานการณ์ในขณะนี้ รวมทั้งขอให้กรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังทำงานร่วมกับ สคร. อย่างใกล้ชิดเพื่อสนับสนุนการพัฒนารัฐวิสาหกิจให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้รัฐวิสาหกิจเป็นกลไกสำคัญของภาครัฐในการปฏิรูปประเทศได้ตามยุทธศาสตร์ชาติ