คัดโอท็อปติดดาวปี 62 คึกคัก คาดมีกว่า 20,000 ผลิตภัณฑ์
ประกาศรับสมัครผู้ประกอบการ OTOP มาร่วมลงทะเบียน คัดสรรสุดยอดหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ไทย ปี 2562 ตั้งแต่วันที่ 10-17 พ.ค. สุดคึกคัก เปิดยอดตัวเลขผู้มาสมัครถึงวันที่ 13 พ.ค.มีผู้มาสมัคร 77 จังหวัดทั่วประเทศแล้วจำนวน 6,830 ราย กรมการพัฒนาชุมชมตั้งเป้าไว้จะมีผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP เข้ารับการคัดสรรฯ ไม่น้อยกว่า 20,000 ผลิตภัณฑ์ ความสำเร็จงานโอท็อปคัดสรรที่จัดมาตั้งแต่ปี 2547 ถึง 2561 มีรายได้สะสม 124,907,117,236 บาท มีผู้ประกอบการร่วมโครงการกว่า 78,960 กลุ่มราย มีผลิตภัณฑ์ 163,638 รายการ
นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการพัฒนาชุมชน กำหนดดำเนินการรับสมัครผลิตภัณฑ์ OTOP จากผู้ผลิตผู้ประกอบการ OTOP ที่ผ่านการลงทะเบียนในปี พ.ศ. 2557 – กันยายน 2561 ประเทศ โดยให้สำนักงานพัฒนาชุมชนทุกจังหวัดและกรุงเทพมหานครเปิดรับสมัครผู้ผลิต ผู้ประกอบ OTOP ในระหว่างวันที่ 10-17 พฤษภาคม เพื่อดำเนินการให้คะแนนในส่วน ก และ ส่วน ข ก่อนที่จะมีการนำส่งผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการคัดสรรฯ ในระดับจังหวัดทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการคัดสรรฯ ในระดับประเทศ ที่จะเกิดขึ้นในระหว่างวันที่ 24 พฤษภาคม – 2 มิถุนายน 2562 ณ ตลาดต่อยอด เออีซี เทรด เซ็นเตอร์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งในปีนี้กรมการพัฒนาชุมชน ตั้งเป้าไว้ว่าจะมีผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP เข้ารับการคัดสรรฯ ไม่น้อยกว่า 20,000 ผลิตภัณฑ์
ทั้งนี้ตั้งแต่เปิดรับสมัครมาจนถึงวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการ OTOP ทั่วประเทศเป็นอย่างดี โดยมีตัวเลขจากผู้สมัครเข้าร่วมคัดสรรสุดยอดหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ไทย ปี 2562 ระดับจังหวัด ใน 77 จังหวัด จำนวนทั้งสิ้น 6,830 ผลิตภัณฑ์ แบ่งเป็นกลุ่มอาหาร 2,035 ผลิตภัณฑ์ เครื่องดื่ม 301 ผลิตภัณฑ์ ผ้า 1,926 ผลิตภัณฑ์ ของใช้ 1,670 ผลิตภัณฑ์ สมุนไพร 898 ผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ตามยังมีเวลาที่ผู้ประกอบการโอท็อปเข้าร่วมสมัครได้ถึง 17 พ.ค. นี้
นายนิสิต กล่าวต่อว่า การดำเนินการคัดสรรสุดยอดหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ไทย ปี พ.ศ. 2562 (OTOP Product Champion : OPC) กำหนดให้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการที่จะเข้าสมัครรับการคัดสรรฯ จะต้องผ่านการลงทะเบียนผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ในปี พ.ศ. 2557 – 30 กันยายน 2561 และผลิตภัณฑ์ที่จะเข้ารับการคัดสรรฯ นั้น จะต้องผ่านการรับรองมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนดอย่างใดอย่างหนึ่ง ก่อนวันสมัครเข้ารับการคัดสรรฯ ทั้งนี้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP สามารถส่งผลิตภัณฑ์เข้ารับการคัดสรรฯ ได้รายละ 3 ผลิตภัณฑ์ (กรณีผลิตภัณฑ์เดี่ยว) หรือ 3 ชุด (กรณีชุดผลิตภัณฑ์)
ในการดำเนินการคัดสรรฯ นั้น กำหนดให้มีการดำเนินการใน 2 ระดับ คือในระดับจังหวัด และระดับประเทศ โดยได้กำหนดให้มีการจัดระดับผลิตภัณฑ์ เพียงระดับเดียว คือ ระดับประเทศเท่านั้น โดยใช้หลักเกณฑ์เฉพาะแต่ละประเภทผลิตภัณฑ์ (Specific Criteria) ซึ่งกำหนดคะแนนรวมไว้ 100 คะแนน ประกอบด้วย หลักเกณฑ์ในการพิจารณา 3 ด้าน คือ 1. หลักเกณฑ์ด้านผลิตภัณฑ์และความเข้มแข็งของชุมชน 2. หลักเกณฑ์ด้านการตลาด และความเป็นมาของผลิตภัณฑ์ 3. หลักเกณฑ์ด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์
ทั้งนี้จะมีคณะกรรมการตรวจและให้ค่าคะแนนการคัดสรรฯ ระดับประเทศ จาก 6 หน่วยงานที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน รวมทั้งสิ้น 400 คน ประกอบด้วยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข เป็นหน่วยงานหลักที่ดำเนินการตรวจให้ค่าคะแนนในแต่ละประเภทผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะดำเนินการระหว่างวันที่ 24 พฤษภาคม – 2 มิถุนายน 2562 ณ ตลาดต่อยอด เออีซี เทรด เซ็นเตอร์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาคาดว่าจะมีการประกาศผลการคัดสรรรอบแรก สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ต้องรอผลการตรวจวิเคราะห์ ในวันที่ 10 มิถุนายน 2562 และในวันที่ 25 มิถุนายน 2562 จะมีการประกาศผลรอบที่สอง
สำหรับโครงการคัดสรรฯ ในปี พ.ศ.2562 นี้คาดว่าจะทำให้สินค้า OTOP ที่ผ่านการคัดสรรฯ มีโอกาสเข้าสู่การจัดระดับผลิตภัณฑ์ (Product Level) ที่จะนำไปสู่การพัฒนาต่อไป ตลอดจนยังเป็นการจัดระบบฐานข้อมูลผลิตภัณฑ์ (Profile) ที่จะนำไปใช้ในการทำงานเชิงบูรณาการของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกัน และผลิตภัณฑ์ที่เข้าคัดสรรฯ ทุกผลิตภัณฑ์จะได้รับการประชาสัมพันธ์ และเสริมสร้างคุณค่าของผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่ยอมรับแก่บุคคลทั่วไปทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนั้นยังก่อให้เกิดการกระตุ้นกระบวนการมีส่วนร่วมของผู้ผลิต/ผู้ประกอบการ OTOP และชุมชนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อไปอีกด้วย
ด้านความสำเร็จเชิงประจักษ์ที่เห็นผลชัดเจนคือ ความสำเร็จงานโอท็อปคัดสรรที่จัดมาตั้งแต่ปี 2547 ถึง 2561 มีรายได้สะสม 124,907,117,236 บาท มีผู้ประกอบการร่วมโครงการกว่า 78,960 กลุ่มราย มีผลิตภัณฑ์ 163,638 รายการ งานปีนี้คาดมีผู้ร่วมโครงการกว่า 2 หมื่นราย ผลักดันสินค้าโอท็อป 4-5 ดาวสู่ตลาดอินเตอร์ โดยร่วม กับ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุุตสาหกรรม ยกระดับสินค้า แบ่งงานตามหน้าที่รับผิดชอบ โดยมีสินค้ากว่า 20,000 รายการที่ทำการยกระดับมาตรฐาน