"จีทีเอ-บุรีรัมย์" คอนเฟิร์มจัด "ซูเปอร์จีที 2019" ช่วงเดิมปีหน้า ปูทางอนาคตความยิ่งใหญ่มอเตอร์สปอร์ต “ไทย-ญี่ปุ่น”
จีทีเอ เจ้าของลิขสิทธิ์ศึก ซูเปอร์ จีที จากประเทศญี่ปุ่น จับมือกับ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ยืนยันร่วมจัดการแข่งขัน ซูเปอร์ จีที ระยะยาวในเมืองไทย ล็อกโปรแกรมช่วงเดียวกันในปีหน้ า ชี้เจรจา ดีทีเอ็ม ลงตัวก่อนชิมลางหนึ่งสนามปี 2019 ขณะไทยเป็นตัวเลือกสำคัญ เผยความร่วมมือ “ไทย-ญี่ปุ่น” และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนข องไทย เป็นปัจจัยสร้างความสำเร็จ
ภาพความตื่นตัวของวงการมอเตอร์ส ปอร์ตไทย ณ ปัจจุบัน ราวกับหนังคนละฉากจากเมื่อ 5 ปีผ่านมา การลงทุนของผู้ผลิต การขยับตัวของทีมแข่ง การให้ความสนใจจากแฟนๆ คือสิ่งล้ำค่าที่ปลุกให้เกิดการ เติบโตแบบก้าวกระโดด และหนึ่งปัจจัยสำคัญคือการเกิดขึ้ นของสนามแข่งรถระดับโลกในเมื องไทย รวมถึงเกมการแข่งขันระดับโลกที่ ร่วมสร้างความยิ่งใหญ่ไปด้วยกัน
ศึก ซูเปอร์ จีที เดินทางมาเปิดประวัติศาสตร์หน้า ใหม่ในเมืองไทยเป็นครั้งแรกเมื่ อเดือนตุลาคมปี 2014 พร้อมกับที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ได้ถูกจารึกเป็นสนามแข่งรถมาตรฐ านโลก แห่งแรกของเมืองไทยในปีเดียวกัน
ปีแรกของการแข่งขัน “ซูเปอร์ จีที” นับเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญ เพราะนี่คือการเปิดโลกมอเตอร์สป อร์ตให้แฟนๆ ที่ไม่เคยรู้จักเลยได้เข้ามาสัม ผัส ขณะที่แฟนพันธุ์แท้ของกีฬาความเ ร็วนั้นไม่ต้องพูดถึง ความตื้นตันมันเอ่อล้น... เพราะซีรีส์อย่าง ซูเปอร์ จีที นั้นมีทั้งความเข้มข้นของการแข่ งขัน รถแข่งที่ล้ำสมัย แถมยังทรงคุณค่าด้วยตำนานในแบบฉ บับของแดนอาทิตย์อุทัย
แม้ในปีแรกของ “ซูเปอร์ จีที” ในเมืองไทยจะยังไม่ได้รับการสนั บสนุนจากภาครัฐมากนัก แต่การตบเท้าเข้ามาร่วมเคียงบ่า เคียงไหล่โดยภาคเอกชนก็ถือเป็นห นึ่งในสัญญาณที่ดี ว่าเราจะได้เห็นการเติบโตอย่างมั่ นคงของมอเตอร์สปอร์ตในเมืองไทย
จากวันนั้นถึงวันนี้ สนามช้าง เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ซูเปอร์จีที มาแล้วทั้งสิ้น 5 ครั้ง และเปลี่ยนมาใช้ชื่อรายการว่า “ช้าง ซูเปอร์ จีที เรซ”มาแล้ว 4 ครั้ง พร้อมกับบรรยากาศแห่งความยิ่งให ญ่ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในเ มืองไทย
โดย ศึก ช้าง ซูเปอร์ จีที เรซ 2018 เพิ่งดวลความเร็วเมื่อสุดสัปดาห์ ที่ผ่านมา โดยนับเป็นปีที่ 5 ติดต่อกันที่ศึกมอเตอร์สปอร์ตระ ดับตำนานของประเทศญี่ปุ่นจัดขึ้ นในเมืองไทย พร้อมกับภาพการแข่งขันสุดเข้มข้ น แฟนๆ หลายหมื่นคนเข้าชมไม่แตกต่างจาก ทุกๆ ปี ที่สำคัญกิจกรรมที่ย้อมให้ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต กลายเป็นญี่ปุ่นขนาดย่อมก็สร้าง ความตื่นตาตื่นใจให้กับแฟนๆ ทั้งไทยและเทศที่เดินทางเข้าชมก ารแข่งขัน
ล่าสุด นายเนวิน ชิดชอบ ประธานที่ปรึกษา บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จำกัด และ มร.มาซากิ บันโดะห์ ซีอีโอของ จีทีเอ ฝ่ายจัดการแข่งขัน ซูเปอร์จีที ได้ร่วมกันแถลงข่าวความสำเร็จใน รอบ 5 ปี ที่จัดการแข่งขันในเมืองไทย และความร่วมมือในอนาคต
นายเนวิน ชิดชอบ กล่าวว่า “ซูเปอร์จีที และ สนามช้างฯ อยู่คู่กันมา 5 ปี นับตั้งแต่เราเปิดใช้สนามในปี 2014 พัฒนาการต่างๆ ของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยเติบโต ขึ้นมาก โดยเฉพาะฐานแฟนชาวไทยที่มีความนิ ยมต่อ ซูเปอร์จีที นั้นมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง มียอดชมผ่านการถ่ายทอดสดพุ่งสูง ขึ้น และแน่นอนว่ามีนักท่องเที่ยวชาว ญี่ปุ่นมาเยือนจังหวัดบุรีรัมย์ มากขึ้นในช่วงการแข่งขัน ทำให้เศรษฐกิจและเมือง มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบที่คล่ องตัวสูงขึ้น สร้างรายได้ให้กับชาวเมืองได้อย่ างมาก”
ด้าน มร.มาซากิ บันโดะห์ เผยว่า “การแข่งขันในเมืองไทยถือเป็นหนึ่ งอีเวนต์ที่สำคัญของ ซูเปอร์จีที มีการเก็บคะแนนสะสมเช่นเดียวกับ ทุกๆ สนาม และแน่นอนว่าทุกอย่างเข้มข้นไม่ ต่างจากสนามอื่นๆ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นการเติบโตขึ้นของเมือ งบุรีรัมย์ โดยเฉพาะในปีนี้จะมีโมโตจีพีมาใ นเดือนตุลาคม สร้างความคึกคักและทำให้ทุกอย่า งพัฒนาขึ้นเร็วมากๆ โดย จีทีเอ พร้อมที่จะสนับสนุนทุกอย่างที่ทำ ได้ เพื่อให้ บุรีรัมย์ พัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ”
มร.บันโดะห์ กล่าวถึงการแข่งขัน ซูเปอร์จีที ในเมืองไทยสำหรับปี 2019 ว่า “ปีหน้าสนามในประเทศไทยยังคงเป็ นหนึ่งในอีเวนต์สำคัญของเรา โดยโปรแกรมฤดูกาลหน้ายังอยู่ระห ว่างการจัดสรรเวลาและยื่นต่อสมา พันธ์แข่งรถในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งประเทศไทยจะแข่งขันในช่วงเว ลาเดียวกันกับปีนี้”
นอกจากนี้ มร.บันโดะห์ ยังกล่าวถึงความร่วมมือกับ ดีทีเอ็ม สุดยอดการแข่งขันซูเปอร์คาร์สุด โหดของประเทศเยอรมนีว่า “เราได้ลงนามความร่วมมือเบื้องต้ นด้านกฎเทคนิคของตัวรถแล้ว โดยปี 2019 จะมี 1 สนามที่ชิมลางแข่งขันร่วมกันระห ว่าง ซูเปอร์จีที และ ดีทีเอ็ม เพื่อหาความเหมาะสมต่อไปในอนาคต โดยตั้งเป้าว่าจะร่วมแข่งขันด้ว ยกันอย่างจริงจังในปี 2021 ซึ่งหนึ่งในสนามที่เล็งไว้คือที่บุรีรัมย์นั่นเอง”
ทั้งนี้ นายเนวิน ได้ทิ้งท้ายว่า “เราอยู่กันมา 5 ปี และจะร่วมงานกันต่อไปในอนาคต หวังว่าจะสร้างประโยชน์กับวงการ มอเตอร์สปอร์ตในประเทศไทยมากขึ้ นครับ อนาคตเราจะไปจัดโร้ดโชว์ โปรโมทการแข่งขันของไทยที่ประเท ศญี่ปุ่น และแฟนๆ ชาวญี่ปุ่นจะหลั่งไหลเข้ามาที่ บุรีรัมย์ มากขึ้น”
นอกจากการเติบโตของมอเตอร์สปอร์ ตไทยแล้ว เศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมยานยนต์ก็เติบโตตา มไปด้วย
“ในไทยมีโรงงานของค่ายรถยนต์ และชิ้นส่วนจากญี่ปุ่น ซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่าง คนไทยกับคนญี่ปุ่น และแน่นอนว่าจุดนี้ทำให้อุตสาหก รรมยานยนต์พัฒนาขึ้นในเมืองไทย การมาของ ซูเปอร์จีที ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำใ ห้ค่ายรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ กล้าที่จะลงทุนเพิ่มในเมืองไทย 5 ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นการพัฒนาของเมืองบุรี รัมย์ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่ อง จีทีเอ ชื่นชมในการพัฒนานี้ และพร้อมจะช่วยผลักดันให้ บุรีรัมย์เติบโตในทุกๆ ด้าน”
ขณะที่ นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ กล่าวถึงภาพรวมการแข่งขันว่า “เราได้เห็นพัฒนาการของทีมแข่งไ ทยที่ถือว่าติดอยู่ในท็อป 5 ของ ซูเปอร์จีที ได้แล้ว ผมเชื่อว่าทีมแข่งไทยจะพัฒนาขึ้ นไปได้อีก และอยากเห็นทีมไทยในซูเปอร์จีที แบบเต็มฤดูกาลมากขึ้น”
“ส่วนการตอบรับในปีนี้ถือว่ายัง คงมีความคึกคักเหมือนเดิม แฟนๆ ยังหลั่งไหลมาอย่างต่อเนื่อง น่าเสียดายที่ในวันเสาร์มีฝนตกล งมาอย่างหนัก ทำให้แฟนๆ บางส่วนเข้ามาชมที่สนามไม่ได้ แต่โดยรวมในวันแข่งขันก็มีจำนวน ผู้ชมเต็มแกรนด์สแตนด์และหนาแน่ นเช่นเคย”
นายตนัยศิริ กล่าวถึงการร่วมงานในอนาคตของ ซูเปอร์จีที และ จีที500 ซึ่งจะเริ่มมีความชัดเจนในปี 2019 ว่า “เราได้คุยเรื่องนี้กับ จีทีเอ มา2-3 ปี แล้ว ในปีหน้าทาง จีทีเอ จะยกทีมแข่ง จีที500 ไปแข่งขัน 1 สนามในรายการดีทีเอ็ม และอีก 1 สนามในเอเชียซึ่งจะไม่ใช่เพียงญี่ ปุ่น โดยเขาบอกว่าเล็งสนามช้างฯ ของเราไว้ เพราะเชื่อว่าจะช่วยสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับการแข่งขันเป็นอ ย่างมาก”
“ผมค่อนข้างมั่นใจว่าในปีหน้า เราจะได้เห็นการแข่งขัน จีที500 กับ ดีทีเอ็ม มาดวลความเร็วในเมืองไทย ซึ่งเมื่อถึงวันนั้นแฟนๆ ดีทีเอ็มในเมืองไทยจะตื่นตัวขึ้ นมาก ขณะที่แฟนๆ ซูเปอร์จีที ก็จะเต็มอิ่มมากขึ้นกับการแข่งขั นที่ดุดันและโหดมากกว่าเดิม แน่นอนว่าสิ่งที่เราพยายามพัฒนา ต่อเนื่องนั่นคือการได้มอบความสุ ขให้กับแฟนๆ ชาวไทยอย่างแท้จริง”
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการจะเกิดอีเ วนต์ระดับโลกเช่นนี้ขึ้นนั้น ต้องอาศัยปัจจัยและความร่วมแรงร่ วมใจของทุกภาคส่วน ในช่วงเริ่มต้นของ ช้าง ซูเปอร์ จีที เรซ นั้น ภาคเอกชนตบเท้ามามีส่วนร่วมอย่า งพร้อมหน้า หลังจากนั้นไม่นานภาครัฐทั้ง การกีฬาแห่งประเทศไทย และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ก็เข้ามามีส่วนร่วมเช่นกัน ส่งผลให้เกิดความแข็งแกร่งขึ้นอ ย่างมาก
และสิ่งหนึ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญ ที่สุด คือการให้ความสำคัญในกีฬามอเตอร์ สปอร์ตของ “แฟนๆ ชาวไทย” ที่ขยายวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ การมีส่วนร่วมนี้สร้างความมั่นใ จให้ภาคเอกชน และภาครัฐที่เข้ามาร่วมเดินทาง กับ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต สร้างความเชื่อมั่นให้ จีทีเอ ฝ่ายจัดการแข่งขันว่าเมืองไทยคื อประเทศที่เขามองข้ามไม่ได้
เพราะฉะนั้น “ช้าง ซูเปอร์ จีที เรซ” จึงนับเป็นอีเวนต์กีฬาที่ประสบค วามสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่จากความร่ วมมือของ “ไทย” กับ “ญี่ปุ่น” ที่คนไทยทุกภาคส่วนก้าวเข้ามามี ส่วนร่วม