ดีแทคประกาศจ่ายเงินปันผล 0.24 บาทต่อหุ้น
ณ สิ้นปี 2560 ดีแทคมีฐานลูกค้าอยู่ที่ 22.7 ล้านราย โดย 98% ลงทะเบียนอยู่ภายใต้บริษัทดีแทค ไตรเน็ต จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือดีแทค และถือใบอนุญาตใช้คลื่น 2100 MHz จาก กสทช.จำนวนผู้ใช้บริการ 4G เพิ่มขึ้นเป็น 7.2 ล้านราย ส่วนอัตราการใช้งานอุปกรณ์โทรศั พท์ที่รองรับเทคโนโลยี 4G เพิ่มขึ้นเป็น 51% ดีแทคยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่ องในการขยายโครงข่าย โดยเพิ่มจำนวนสถานีฐานภายใต้ ระบบใบอนุญาตขึ้น 32% ในปี 2560 ครอบคลุม 94% ของจำนวนประชากรทั้งหมด นอกจากนี้ ดีแทคกำลังรอการอนุมัติเพื่อเปิ ดให้บริการไร้สายความเร็วสู งบนคลื่นความถี่ 2300 MHz ภายใต้ความร่วมมือกับบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เพื่อเพิ่มจำนวนแบนด์วิดท์สำหรั บบริการ 4G
รายได้จากการให้บริการไม่รวมค่ าเชื่อมต่อโครงข่ายในปี 2560 อยู่ที่ 64,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.2% จากปีก่อน อันเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้ นของรายได้จากบริการข้อมูล ส่วน EBITDA อยู่ที่30,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากปีก่อน อันเป็นผลมาจากการขยายตั วของรายได้จากการให้บริการ ในขณะที่ค่าธรรมเนียมและส่วนแบ่ งรายได้ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการขายและบริ หารได้ลดลง แต่ก็มีผลกระทบเล็กน้อยจากค่ าใช้จ่ายการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้ นจากการขยายโครงข่ายภายใต้ ระบบใบอนุญาต
แม้ว่าค่าเสื่อมราคาและค่าตั ดจำหน่ายจะเพิ่มสูงขึ้นอย่ างมากในปี 2560 แต่กำไรสุทธิก็ยังเพิ่มขึ้นเป็น 2,100 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตอันแข็ งแกร่งของ EBITDA และผลประโยชน์ทางด้านภาษี จากการตัดค่าเสื่อมราคาพิ เศษของเงินลงทุนในปี 2560 นอกจากนี้ กระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนิ นงาน (คำนวณจาก EBITDA หักด้วยเงินลงทุน) ก็ขยายตัวเกือบเท่าตัวจากปีก่ อนเป็น 13,900 ล้านบาทในปี 2560
อุตสาหกรรมโทรคมนาคมไร้ สายของไทยยังคงขยายตัวและมีขี ดความสามารถในการแข่งขันที่สูง ดีแทคยังคงมุ่งมั่นในการเสริ มสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รับรู้ และก้าวขึ้นเป็นดิจิทัลแบรนด์อั นดับ1 ของประเทศภายในปี 2563 เราจะปรับเปลี่ยนการดำเนิ นงานของเราให้เข้าสู่รูปแบบดิจิ ทัล ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิ ภาพและพัฒนาบริการให้ตรงกั บความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่ งขึ้น พร้อมกับช่วยลดค่าใช้จ่ายลงอย่ างมาก เมื่อเทียบกับการให้บริการผ่ านหน้าร้านแบบเดิม เราคาดหวังว่าลูกค้าจะเพิ่ มการยอมรับในรูปแบบและช่ องทางการให้บริการดิจิทั ลของเรามากยิ่งขึ้น
สำหรับปี 2561 ดีแทคคาดการณ์ว่ารายได้ จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่ อมต่อโครงข่าย และ EBITDA (ไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้ องกับข้อตกลงการให้บริการ 2300 MHz ที่มีกับทางทีโอที) จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีที่ ผ่านมา นอกจากนี้ยังคาดว่าบริษัทจะใช้ เงินลงทุนในปี 2561 จะอยู่ที่ระดับ 15,000 -18,000 ล้านบาท
นายลาร์ส นอร์ลิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของดี แทค กล่าวว่า “ผลประกอบการของเราในปี 2650 ค่อนข้างใกล้เคียงกั บการคาดการณ์ของเรา ซึ่งมองว่า EBITDA มีโอกาสเติบโตสูง โดยปี2561 จะเป็นปีที่สำคัญมากสำหรับดีแทค เนื่องจากสัญญาสัมปทานคลื่ นความถี่จะสิ้นสุดลง โดยเรามุ่งมั่นที่จะจัดหาคลื่ นความถี่เพิ่มเติม เพื่อเพิ่มศักยภาพของโครงข่ ายในการให้บริการดิจิทัลที่ดีที่ สุดให้กับลูกค้า ดีแทคได้มีส่วนร่วมสำคัญในการร่ วมปรึกษาหารือและให้คำแนะนำแก่ กสทช. และภาครัฐในการจัดการประมูลคลื่ นความถี่จากสัญญาสัมปทานที่ หมดลง ในขณะเดียวกัน เราจะลงทุนในโครงข่ายอย่างต่ อเนื่อง เพื่อรองรับการเติบโตอย่ างรวดเร็วของบริการข้อมูล และสร้างคุณค่าสูงสุดให้แก่ลู กค้า พร้อมทั้งมุ่งเดินหน้าเพื่อก้ าวขึ้นสู่ความเป็นผู้นำในธุรกิ จดิจิทัลของประเทศไทย”