วีเอ็มแวร์ เร่งปรับโฉมองค์กรในประเทศไทย
พัฒนานวัตกรรมใหม่เพื่อสร้างความสำเร็จให้ลูกค้าในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยแอพพลิเคชั่นและคลาวด์หลายรูปแบบยิ่งขึ้น
(บรรยายภาพ) นายเอกภาวิน สุขอนันต์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท วีเอ็มแวร์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยวิสัยทัศน์องค์กรและกล่าวถึงบทบาทของคลาวด์ในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่การเป็นองค์กรดิจิตอลในงาน vFORUM Thailand 2017
ที่งาน vFORUM Thailand 2017 ที่จัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ วีเอ็มแวร์ อิงค์ (NYSE: VMW) ผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์และบิสสิเนสโมบิลิตี้ ประกาศวิสัยทัศน์ เกี่ยวกับการปรับโฉมองค์กรธุรกิจในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยแอพพลิเคชั่นและคลาวด์หลากหลายรูปแบบยิ่งขึ้น ในยุคที่มีผู้นำทางธุรกิจและไอทีจำนวนมากขึ้นเล็งเห็นถึงความสำคัญของการปฏิวัติสู่การเป็นองค์กรดิจิตอล วีเอ็มแวร์ได้นำเสนอโซลูชั่นต่างๆ ที่จะช่วยให้องค์กรบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาดาต้าเซ็นเตอร์ให้ทันสมัย ผนวกคลาวด์สาธารณะ (public cloud) เข้ากับระบบขององค์กร ตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถของการทำงานแบบดิจิตอล (digital workspace)
เมื่อธุรกิจในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่างเร่งพัฒนากลยุทธ์เพื่อผลักดันธุรกิจสู่การเป็นองค์กรดิจิตอล แผนกไอทีจึงมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับลูกค้าควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนธุรกิจ จากผลการสำรวจความคิดเห็นของซีไอโอโดยการ์ทเนอร์ (Gartner) พบว่า บริษัทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการจัดสรรงบประมาณด้านไอทีกว่า 1 ใน 4 สำหรับการลงทุนด้านเทคโนโลยีดิจิตอล และคาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10 เปอร์เซ็นต์ในปี 2561
นายเอกภาวิน สุขอนันต์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท วีเอ็มแวร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ธุรกิจต่างๆ เริ่มเห็นผลของการปฏิวัติสู่การเป็นองค์กรดิจิตอลอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น และนับเป็นเรื่องน่ายินดีที่องค์กรจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ นำเทคโนโลยีมาพัฒนานวัตกรรมที่ก้าวออกจากกรอบเดิมๆ วีเอ็มแวร์ยังคงมุ่งมั่นสนับสนุนให้ธุรกิจใช้ประโยชน์จากโอกาสที่มีได้อย่างเต็มที่ ด้วยการนำเสนอเครื่องมือหลากหลายสำหรับใช้งาน จัดการ เชื่อมต่อและรักษาความปลอดภัยของทุกแอพพลิเคชั่น บนทุกคลาวด์และจากทุกอุปกรณ์
บทบาทของคลาวด์ในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่การเป็นองค์กรดิจิตอล
คลาวด์ถือเป็นหัวใจสำคัญของการปฏิวัติสู่การเป็นองค์กรดิจิตอลอย่างเต็มรูปแบบ โดยบริษัทกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีแผนจะติดตั้งคลาวด์ ทั้งระบบภายในองค์กร (on-premise) และโมเดลที่มีพื้นฐานอยู่บนคลาวด์ (cloud-based) ซึ่งผลสำรวจดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าสภาพแวดล้อมที่มีคลาวด์หลากหลายสำหรับใช้งานนั้นเป็นแรงผลักดันความสำเร็จทางธุรกิจที่มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ
ความสำเร็จของ อีซี่บาย ผู้นำด้านการให้บริการสินเชื่อบุคคลชั้นนำในประเทศไทย ในการนำคลาวด์มายกระดับธุรกิจ ถือเป็นตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นความสำคัญของคลาวด์ได้เป็นอย่างดี เพื่อพัฒนาธุรกิจให้คล่องตัวขึ้น จัดการกับข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ รวมถึงวางกลยุทธ์ด้านโมบิลิตี้ที่ช่วยให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อีซี่บายได้เลือกใช้ VMware vCloud® Suite Enterprise ในการวางรากฐานโมเดลโครงสร้างด้านไอทีในรูปแบบบริการตามการใช้งานจริง (Infrastructure-as-a-Service หรือ IaaS) เพื่อสนับสนุนการทำงานของพนักงานกว่า 2,500 คน ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าในด้านบริการที่รวดเร็วและมั่นใจได้เท่านั้น แต่ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านปฏิบัติการของบริษัทได้ถึง 3.6 ล้านบาทต่อปีจากการใช้ไฟฟ้าที่ลดลง และ 10 ล้านบาทจากค่าใช้จ่ายด้านการบำรุงรักษาฮาร์ดแวร์
เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์บริการคลาวด์รูปแบบใหม่ๆ ที่มีคุณภาพสูงสุด วีเอ็มแวร์ยังได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ที่งาน VMworld ที่สหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ด้วยเป้าหมายหลักในการทำให้การใช้งานคลาวด์เป็นเรื่องง่ายขึ้นผ่านการร่วมมือกับผู้ให้บริการระบบคลาวด์สาธารณะ ไม่ว่าจะเป็น Amazon Web Services (AWS), IBM Cloud และผู้ให้บริการอีกกว่า 4,300 รายทั่วโลก เพื่อช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถใช้งานโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ (consistent infrastructure) บนทุกๆ คลาวด์ แม้ว่าจะไม่ได้ใช้เทคโนโลยีของวีเอ็มแวร์ก็ตาม
บริการใหม่ภายใต้ VMware Cloud Provider™ Program และ VMware Cloud™ Services ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถจัดการ รักษาความปลอดภัย ตรวจสอบ และทำให้โครงสร้างพื้นฐานและแอพพลิเคชั่นของระบบคลาวด์ทำงานได้อัตโนมัติ ผ่านการทำงานแบบรวมศูนย์ที่ช่วยให้มองเห็นการใช้งานระบบคลาวด์ ค่าใช้จ่าย และการทำงานของเครือข่ายครบทั้งกระบวนการได้อีกด้วย
เส้นทางสู่โมบิลิตี้ที่คำนึงถึงผู้ใช้งานเป็นลำดับแรก
เมื่อลักษณะการทำงานเปลี่ยนแปลงไป โดยงานไม่ได้ผูกติดกับสถานที่ตายตัว วิธีการทำงานแบบเคลื่อนที่ซึ่งคำนึงถึงผู้ใช้งานเป็นลำดับแรกจึงมีความจำเป็นยิ่งขึ้น จากเดิมที่ระบบแอพพลิเคชั่นและการจัดการอุปกรณ์มักแยกขาดจากกัน และมีปลายทางกระจายอยู่ในหลายสถานที่ ฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ ในอนาคตแพลตฟอร์มของการทำงานแบบดิจิตอลจะมอบประสบการณ์ที่ง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับทั้งผู้ใช้งานและแผนกไอที
ทิสโก้ สถาบันการเงินชั้นนำของประเทศไทย ตระหนักถึงความสำคัญของกระบวนการทำงานแบบใหม่ และต้องการจะพลิกโฉมโครงสร้างด้านไอทีของบริษัทเพื่อทำให้การดำเนินธุรกิจในแต่ละวันมีโมบิลิตี้มากขึ้น ด้วยการสนับสนุนจากวีเอ็มแวร์ พนักงานของทิสโก้สามารถทำงานร่วมกันได้ทุกที่ ทุกเวลา และจากทุกอุปกรณ์ ตลอดจนมอบบริการให้กับลูกค้าทั่วประเทศไทยรวดเร็วยิ่งขึ้น ในขณะที่ยังสามารถควบคุมความปลอดภัยและดำเนินงานตามนโยบายของบริษัทไปได้พร้อมกัน
เพื่อเพิ่มศักยภาพของการทำงานแบบดิจิตอลสำหรับอนาคต วีเอ็มแวร์ได้พัฒนาโซลูชั่นใหม่ๆ ภายใต้ VMware Workspace ONE™ เพื่อนำเสนอแพลตฟอร์มและการให้บริการหลังการขายที่ครอบคลุมขึ้นแก่ผู้ใช้งานและแผนกไอที โดยโซลูชั่นใหม่ของ Workspace ONE นี้จะสามารถใช้งานได้ทั้งบน iOS, Android, macOS, Windows 10 และ Chromebooks ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้ผ่านการรวมศูนย์การทำงานแบบดิจิตอล และยังช่วยลดความยุ่งยากในการทำงานของแผนกไอที ผ่านการรวมศูนย์การจัดการบริบท ตัวบุคคล และอุปกรณ์ ให้เป็นหนึ่งเดียว
ดาต้าเซ็นเตอร์สำหรับอนาคต
การยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า การสนับสนุนให้พนักงานมีส่วนร่วม และการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน จะสามารถเป็นจริงได้ก็ต่อเมื่อองค์กรมีโครงสร้างด้านไอทีที่มีความพร้อมสำหรับการทำงานในอนาคต โดยมีดาต้าเซ็นเตอร์ที่ทันสมัยเป็นหัวใจสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถและประสิทธิภาพของทรัพยากรไอที ตลอดจนเสริมพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่สำคัญต่างๆ ให้ใช้งานได้ดีและปลอดภัยยิ่งขึ้น
กระทรวงสาธารณสุข เล็งเห็นถึงประโยชน์ของโครงสร้างด้านไอทีที่ทันสมัยต่อการขับเคลื่อนพันธกิจขององค์กรในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทย ภายใต้ยุทธศาสตร์เทคโนโลยีสารสนเทศสุขภาพ (eHealth Strategy) เพื่อพัฒนาการให้บริการสุขภาพในประเทศไทยผ่านบริการด้านสุขภาพผ่านไอทีกว่า 10,000 หน่วย และบุคลากรด้านสาธารณสุขกว่า 300,000 คน กระทรวงฯ ได้ติดตั้งโซลูชั่นของวีเอ็มแวร์ในการรวมศูนย์โครงสร้างด้านไอทีขององค์กร เพื่อพัฒนาการจัดการ เพิ่มขีดความสามารถ และลดค่าใช้จ่ายด้านการปฏิบัติงาน ซึ่งส่งผลให้แผนกไอทีของกระทรวงฯ สามารถติดตาม จัดการ จัดสรร และให้บริการด้านไอทีได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีเวอร์ช่วลไลเซชั่น วีเอ็มแวร์ได้เปิดตัว Integrated OpenStack และ VMware vRealize® Network Insight™ ซึ่งเป็นโซลูชั่นที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถพัฒนาดาต้าเซ็นเตอร์ให้ทันสมัย เพื่อเพิ่มความคล่องตัวให้กับธุรกิจและนักพัฒนา ควบคู่ไปกับศักยภาพด้านเครือข่ายและความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ วีเอ็มแวร์ยังได้เปิดตัว VMware vSAN ซึ่งจะเข้ามาช่วยลดค่าใช้จ่าย และความยุ่งยากในการรวบรวม จัดเก็บ และประมวลผลข้อมูล เพื่อขับเคลื่อนโครงการต่างๆ ด้านอินเตอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (IoT) โดยเฉพาะในกิจการทหาร พลังงาน การผลิต และค้าปลีกอีกด้วย
กระบวนทัศน์ใหม่ในยุคดิจิตอล
เทคโนโลยีไม่ได้มีเอาไว้เพียงเพื่อเป็นเครื่องมือในการจัดหาต้นทุนการเป็นเจ้าของและการบริหารจัดการองค์กรให้มีประสิทธิภาพอีกต่อไป แต่เทคโนโลยียังเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและการเติบโตทางธุรกิจ และการนำคลาวด์เข้ามาใช้ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของระบบคลาวด์ขององค์กร (private cloud) ระบบคลาวด์สาธารณะ (public cloud) หรือในรูปแบบของไฮบริดคลาวด์ ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยหลายบริษัทได้นำระบบคลาวด์เข้ามาเสริมสร้างความรวดเร็วและความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการธุรกิจ แต่การจัดการผู้ใช้งาน ทรัพยากรแอพพลิเคชั่นบนระบบคลาวด์ในรูปแบบที่หลากหลายนั้น ได้สร้างความท้าทายในรูปแบบใหม่ขึ้นมา ซึ่งรวมถึงการกำกับดูแลและควบคุม การจัดการภาระงาน การบริหารขีดความสามารถ ความสามารถในการย้ายระบบ ความต้องการในการตรวจสอบประสิทธิภาพในการทำงาน และความโปร่งใสด้านราคาบนระบบคลาวด์ด้วย
“กระบวนทัศน์ใหม่ในยุคดิจิตอลนี้จึงต้องการโซลูชั่นที่ออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการของธุรกิจและอุตสาหกรรมนั้นๆ โดยเรามีวิสัยทัศน์ในการช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถดำเนินธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ และการบริหารจัดการคลาวด์แบบรวมศูนย์จะช่วยให้องค์กรสามารถทำงานบนระบบคลาวด์ที่หลากหลายได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีความยืดหยุ่นสูงและยังมีอิสระในการเลือกใช้งานด้วย ด้วยผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับระบบคลาวด์และโซลูชั่นส์โครงสร้างพื้นฐานของวีเอ็มแวร์ เราพร้อมที่จะสนับสนุนพันธมิตรทางธุรกิจของเราในประเทศไทยให้สามารถพลิกโฉมองค์กร และก้าวสู่อนาคตด้านดิจิตอลของประเทศไทยได้” นายเอกภาวิน กล่าว
###
เกี่ยวกับวีเอ็มแวร์
วีเอ็มแวร์ คือผู้นำระดับโลกด้านโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์และบิสสิเนสโมบิลิตี้ ซึ่งช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถพลิกโฉมสู่การเป็นองค์กรดิจิทัลได้อย่างรวดเร็ว โซลูชั่นต่างๆ ของวีเอ็มแวร์พร้อมช่วยให้องค์กรดำเนินธุรกิจได้อย่างมีความคล่องตัวมากขึ้นด้วยการพัฒนาให้ศูนย์ข้อมูลมีความทันสมัยและบูรณาการการทำงานของระบบคลาวด์สาธารณะเข้าด้วยกัน, ผลักดันให้เกิดนวัตกรรมด้วยแอพพลิเคชั่นอันทันสมัย, สร้างประสบการณ์ที่โดดเด่นด้วยการเสริมสร้างขีดความสามารถของการทำงานแบบดิจิตอล (digital workspace) และเพิ่มความไว้วางใจจากลูกค้าด้วยการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการรักษาความปลอดภัย ในปี 2559 วีเอ็มแวร์มีรายได้ 7.09 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ พาโลอัลโต แคลิฟอร์เนีย และมีลูกค้ากว่า 500,000 ราย และ 75,000 พาร์ทเนอร์ทั่วโลก
VMware, vFORUM, vCloud, Cloud Provider Program, Cloud Services, Workspace ONE, vRealize, Network Insight และ vSAN เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนหรือเครื่องหมายการค้าของ VMware, Inc. ในสหรัฐอเมริกาและเขตอำนาจศาลอื่น ๆ เครื่องหมายการค้าหรือชื่ออื่น ๆ ที่กล่าวถึงในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง
บทความนี้อาจมีการเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ที่ไม่ใช่ของวีเอ็มแวร์สร้างขึ้นและดูแลโดยบุคคลที่สามซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบต่อเนื้อหาในเว็บไซต์ดังกล่าว