เลือกบัญชีเงินฝากที่ใช่กับสไตล์คุณ
ไม่ว่าดอกเบี้ยเงินฝากจะต่ำเตี้ยแค่ไหน คนไทยส่วนใหญ่ก็ยังคุ้นชินกับการเก็บออมไว้ในรูปแบบ “บัญชีเงินฝาก” ด้วยเหตุที่มีสภาพคล่องทางการเงินและมีความปลอดภัยกว่าการออมรูปแบบอื่น ซึ่งบัญชีเงินฝากนั้นมีหลากหลายรูปแบบ รายละเอียดและเงื่อนไขแตกต่างกันออกไป แต่หลายคนกลับทิ้งเงินไว้ในบัญชีเงินฝากแบบไม่ใส่ใจ แทนที่จะเปิดหูเปิดตามองหาเงื่อนไขการฝากเงินที่ดีและเหมาะกับสไตล์ของตัวเอง
ยิ่งในยุคที่ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำติดดิน สวนทางกับค่าใช้จ่ายที่พุ่งไม่หยุดเช่นนี้ หากเราสามารถบริหารจัดการเงินให้คุ้มค่าก็น่าจะเป็นหาทางที่ดีไม่น้อย โดยเฉพาะคนที่ไม่ชอบความสุ่มเสี่ยง ไม่อยากลงทุน คิดแค่เรื่องการฝากเงินไว้กับแบงก์กินดอกเบี้ย ก็ต้องใส่ใจในรายละเอียดของบัญชีเงินฝากที่จะเลือกเก็บออมกันไว้สักหน่อย
อย่างที่บอกไปแล้วบัญชีเงินฝากมีหลากหลายรูปแบบ และแต่ละแบงก์ก็มีเงื่อนไขที่แตกต่างกันไป แต่โดยหลักๆ คือ บัญชีเงินฝากออกทรัพย์, บัญชีเงินฝากประจำ และบัญชีเงินฝากเพื่อเป้าหมายด้านหนึ่งด้านใดโดยเฉพาะ แต่ไม่ว่าจะเป็นเงินฝากรูปแบบไหนก็เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการฝากของเรา
ก่อนที่เราจะเลือกบัญชีเงินฝากให้เหมาะสมกับตัวเอง ก็ต้องสำรวจตัวเองก่อนว่าที่มาของรายได้ทั้งหมดของเรามีเท่าไหร่ มีพฤติกรรมการใช้จ่ายเป็นอย่างไร จะสามารถแบ่งสัดส่วนของรายได้ที่มีนำมาเก็บออมเงินได้มากน้อยแค่ไหน ที่สำคัญต้องมีการตั้งเป้าหมายในการฝากไว้ให้ชัดเจน เพื่อเป็นกำลังใจให้ฮึดสู้ในการเดินไปสู่ความต้องการของตัวเองให้ได้ งั้นมาสำรวจดูความแตกต่างแต่ละบัญชีเงินฝากว่ามีประเภทไหนบ้าง และคุณจะได้เลือกว่า แบบที่ใช่ในสไตล์คุณเสียที
บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ถือเป็นบัญชีที่มีสภาพคล่องสูงนั่นคือ สามารถฝาก-ถอนได้ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านช่องทางออนไลน์ และอีกหลายช่องทางรวมถึงช่องทางสาขา ตู้เอทีเอ็ม สะดวกสบายสุดๆ แต่การฝากเงินแบบนี้ไม่ใช่ตัวช่วยที่ดีในการเก็บออมมากนัก เพราะดอกเบี้ยที่จะได้จะค่อนข้างน้อย และที่สำคัญด้วยความที่เบิกถอนทำได้ง่ายเกินไป ใครที่อดใจไม่ไหวไร้วินัย บัญชีนี้คงไม่ค่อยเหมาะกับคนที่มีเป้าหมายต้องการเก็บออมมากนัก
บัญชีเงินฝากประจำ เป็นทางเลือกที่ช่วยสร้างวินัยได้ดี เพราะเป็นบัญชีที่มีกำหนดระยะเวลาในการฝาก ตั้งแต่ 3 6 12 24 ถึง 36 เดือน ก็มี จากการที่มีกำหนดระยะเวลาการฝากเงินที่แน่นอนนี้ จึงไม่สามารถถอนเงินออกมาใช้ก่อนถึงกำหนดระยะเวลาได้ ไม่เช่นนั้นจะไม่ได้ดอกเบี้ยจากเงินฝาก และจะได้อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ด้วย ซึ่งบัญชีเงินฝากแบบนี้มี 2 รูปแบบ คือ รูปแบบแรกเป็นการฝากครบจำนวนจนครบระยะเวลา ส่วนอีกแบบเป็นการทยอยฝากเงินเป็นจำนวนเท่าๆ กันจนครบระยะเวลา ดังนั้น ควรสำรองเงินก้อนอื่นไว้ใช้ยามจำเป็นด้วย เพื่อจะได้ไม่ต้องถอนเงินจากบัญชีนี้ให้ผิดเงื่อนไข ทำให้ไม่ได้รับดอกเบี้ยเลย
บัญชีเงินฝากเพื่อเป้าหมายด้านใดด้านหนึ่งโดยเฉพาะ จะเป็นการฝากเงินรูปแบบพิเศษ ที่อยากส่งเสริมให้คนออมเงิน อาจจะเฉพาะเจาะจงไปที่กลุ่มผู้สูงวัย บัญชีเพื่อการศึกษา เป็นต้น ซึ่งเงื่อนไขก็จะอยู่ที่แบงก์แต่ละแห่งกำหนดไว้ ถือเป็นอีกทางเลือกในการฝากเงินอีกรูปแบบหนึ่ง ที่จะได้ดอกเบี้ยมากกว่าปกติ แต่ระยะเวลาห้ามเบิกถอนก็จะนานกว่าปกติเช่นกัน ถือเป็นการบังคับให้มีวินัยในการออมอย่างสม่ำเสมอ
แม้เราจะคุ้นเคยกับการฝากเงินกันมาตั้งแต่วัยเด็ก จนไม่ได้ให้ความสำคัญในการเลือกใช้บริการที่มีอยู่หลากหลายรูปแบบ แต่เพียงแค่เสียเวลาศึกษาข้อมูลกันสักนิด เพื่อเลือกใช้บัญชีเงินฝากให้เหมาะกับสไตล์ของเราเอง ก็อาจเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้ได้รับประโยชน์คุ้มค่ามากขึ้นและเงินทองก็งอกเงยตามไปด้วย ตัวอย่าง เช่น ธนาคารทีเอ็มบี มีบัญชีออมทรัพย์ที่แยกประเภทการใช้งานกันเลย คือ บัญชีออมทรัพย์เพื่อใช้ บัญชี ออลล์ ฟรี เป็นบัญชีที่ให้โอนต่างแบงก์ กดต่างตู้ หรือจ่ายบิลแบบฟรีค่าธรรมเนียมจริงๆ ไม่มีเงื่อนไข ไม่ต้องคิดเยอะ และอีกบัญชีเพื่อออม ทีเอ็มบี โน ฟิกซ์ ให้ดอกเบี้ยสูง เหมือนฝากประจำ แต่ยืดหยุ่นและถอนได้ ให้ดอก 1.3% และที่สำคัญ หากคุณเปิดทั้ง 2 บัญชี และมีการบริหารเงินที่ดี ทั้งเพื่อใช้ และเพื่อออม ยิ่งใช้ ทีเอ็มบี ออลล์ ฟรี เป็นประจำ อย่างน้อย 5 ครั้ง/เดือน รับดอกเบี้ย ทีเอ็มบี โน ฟิกซ์ เพิ่มเป็น 1.6%
ไม่ว่าจะเป็นเงินฝากแบบไหน ก็เอื้อประโยชน์แก่ผู้ฝากเงินทั้งนั้น แต่ทั้งนี้ควรจะดูจุดประสงค์ของการฝากเงินของคุณเองด้วย เพื่อจะได้เลือก บัญชีเงินฝาก ที่ตรงกับความต้องการของคุณมากที่สุดนั่นเอง