บลจ.วรรณ รุกสร้างแบรนด์ใหม่ นำเทคโนโลยี เสริมทัพช่องทางซื้อขาย
บลจ.วรรณ ปรับทัพใหม่สร้างแบรนด์ นำเทคโนโลยีเพิ่มช่องทางซื้อขายกองทุนรวม เปิดตัว ONEAM Mobile Application ซื้อขาย สับเปลี่ยน พอร์ตการลงทุน ง่ายแค่ปลายนิ้ว รองรับลูกค้าบุคคล โดยเฉพาะกลุ่ม Young Generation มั่นใจเป้าเอยูเอ็มปีหน้าเติบโตกว่า 10% พร้อมนำเทคโนโลยีเสริมบริการ รุกธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเพิ่มขึ้น
นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจของบลจ.วรรณ บริษัทยังคงรักษาความเป็นผู้นำในการพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์กองทุนรวมในรูปแบบใหม่ๆ ของอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง ในลักษณะ Innovative Product Investment ทั้งในและต่างประเทศ พร้อมปรับกลยุทธ์ทางการตลาดด้วยการสร้างการรับรู้ผ่านแบรนด์ใหม่ โดยการนำเทคโนโลยี Mobile Application ภายใต้ชื่อ “ONEAM” เพื่อเพิ่มช่องทางการทำธุรกรรมการซื้อขายกองทุนกับบริษัทรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตามเทคโนโลยี โดยเฉพาะลูกค้าบุคคล
“การพัฒนาระบบ Mobile Application นอกจากจะเพิ่มความสะดวกสบายให้ลูกค้าแล้ว ยังเปรียบเสมือนการเพิ่มสาขาหรือช่องทางการขายให้กับบริษัท เพราะลูกค้าสามารถทำรายการ ซื้อ ขาย สับเปลี่ยนหน่วยลงทุน และติดตามราคา NAV รวมถึงมุมมองของตลาดภาพการลงทุนได้ทุกวันและทันสถานการณ์ลงทุนในช่วงต่างๆ ทั้งนี้ เพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Young Generation ซึ่งเน้นที่ความคล่องตัว ความสะดวก ซึ่งลูกค้าที่ down load ONEAM Mobile Application และลงชื่อเข้าใช้จะได้รับคะแนน The 1Card 800 คะแนน ซึ่งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวในกลยุทธ์ทางการตลาดของบริษัทที่เราได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับเซ็นทรัล กรุ๊ป เพื่อส่งเสริมให้ระบบ Mobile Application ของบลจ.วรรณเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขว้างควบคู่กับการขยายพันธมิตรด้านตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการเงินของบลจ.วรรณที่นอกเหนือจากบริษัทหลักทรัพย์และธนาคารพาณิชย์ โดยปีหน้าเรายังจะเพิ่มพันธมิตรผ่านสถาบันการเงินอื่นๆ อาทิ การเสนอขายกองทุนผ่านบริษัทประกันชีวิต” นายพจน์กล่าว
นายพจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงปลายปี คาดว่า มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร(AUM) น่าจะแตะระดับ 100,000 ล้านบาท ตามที่เป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยมีสัดส่วนของธุรกิจกองทุนรวมประมาณ 40% กองทุนสำรองเลี้ยงชีพประมาณ 30% และกองทุนส่วนบุคคลประมาณ 30% จากสัดส่วนฐานเดิมประมาณ 47% 23% และ 30%ตามลำดับ และในปี 2561 บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร(AUM) ประมาณ 10% หรือ เพิ่มขึ้นอย่างน้อยอยู่ที่ประมาณ 110,000 ล้านบาท
