โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ชูความสำเร็จคลินิกภาวะหัวใจล้มเหลว พร้อมขยายองค์ความรู้สู่โรงพยาบาลทั่วไทย
กรุงเทพฯ,วันที่ 28 พฤศจิกายน 2560 - โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ประกาศความสำเร็จคลินิกภาวะหั วใจล้มเหลว ชี้ช่วยลดอัตราการนอนรั กษาในโรงพยาบาล การเสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้ มเหลวได้ถึง 70-80% ทั้งยังพบครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ ป่วยทั้งหมดมีอายุน้อยกว่า 45 ปี พร้อมเดินหน้าตอบรั บนโยบายของกระทรวงสาธารณสุ ขในการผลักดันให้จัดตั้งคลินิ กผู้ป่วยหัวใจล้ มเหลวภายในโรงพยาบาลหลักทั่ วประเทศไทย ด้วยโครงการ “Heart Connect” จัดอบรมองค์ความรู้สำหรับการจั ดตั้งคลินิกผู้ป่วยหัวใจล้ มเหลวสู่โรงพยาบาลทั่วประเทศไทย
ศ. นพ. วิชัย เบญจชลมาศ หัวหน้าศูนย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า ภาวะหัวใจล้มเหลว คือ ภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลื อดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ตามที่ต้องการ จากผลกระทบของโรคหลอดเลือดหั วใจอุดตัน โรคลิ้นหัวใจตีบหรือรั่ วโรคความดันโลหิตสูง และ กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแอ เป็นต้น ซึ่งนับเป็นภัยเงียบที่ใกล้ตั วของคนไทยในช่วงวัยสูงอายุ รวมถึงวัยทำงานที่มักพบกั บสภาพแวดล้อมที่ต้องเผชิญกั บความเร่งรีบ จนอาจละเลยการออกกำลังกาย พักผ่อนไม่เพียงพอและมีความเครี ยดสูง ที่ล้วนส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่ างกายและจิตใจจนนำไปสู่ความเสี่ ยงต่อภาวะหัวใจล้มเหลวได้ทั้งสิ้ น โดยคาดว่าจำนวน 1 ใน 5 ของประชากรไทยจะมีผู้ป่วยภาวะหั วใจล้มเหลวแฝงอยู่ ซึ่งผู้ป่วยจำนวนกว่า 50% มักจะเสียชีวิตภายใน 5 ปี ภายหลังจากตรวจพบอาการภาวะหั วใจล้มเหลว นอกจากนี้ผู้ป่วยภาวะหัวใจล้ มเหลวจำนวน 1 ใน 4 ต้องกลับมานอนโรงพยาบาลด้ วยภาวะน้ำท่วมปอดภายใน 30 วันแรกหลังออกจากโรงพยาบาล และประมาณ 50% ต้องกลับมานอนโรงพยาบาลซ้ำภายใน 6 เดือน
ผศ.พญ.ศริญญา ภูวนันท์ หัวหน้าคลินิกผู้ป่วยหัวใจล้ มเหลว และ หัวหน้าอนุสาขาวิชาภาวะหัวใจล้ มเหลวและอายุรศาสตร์การปลูกถ่ ายหัวใจ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า ศูนย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ตระหนักถึงความสำคัญของภาวะหั วใจล้มเหลวในสังคม จึงได้จัดตั้งคลินิกภาวะหัวใจล้ มเหลว (Heart Failure Clinic) ขึ้นในปี 2555 โดยมีพันธกิจในการรักษาผู้ป่ วยอย่างละเอียดและใกล้ชิด เพื่อลดอัตราการนอนรั กษาในโรงพยาบาล การเสียชีวิต พร้อมสร้างความเข้าใจที่ถูกต้ องเกี่ยวกับภาวะล้มเหลวให้แก่ผู้ ป่วยด้วย 5-6 ขั้นตอนการตรวจเช็คผู้ป่ วยภาวะหัวใจล้มเหลวของคลินิกฯ ดังนี้
1. การเดินบนพื้นราบ 6 นาที (6-minute walk test) เพื่อประเมิ นความสามารถและสมรรถนะการออกกำลั งของผู้ป่วย
2. การตรวจเช็คการรับประทานยาของผู้ ป่วย เพื่อตรวจเช็คการรับประทานยาที่ ถูกต้องอย่างสม่ำเสมอ
3. การตรวจเช็คสมุดจดน้ำหนัก เพื่อตรวจสอบว่าผู้ป่วยมีน้ำหนั กขึ้นเร็วหรือไม่ อาทิ การมีน้ำหนักขึ้นมากกว่า 2 กิโลกรัม ภายใน 2 วัน เนื่องจากน้ำหนักเป็นข้อมูลสำคั ญในการบ่งบอกถึงภาวะน้ำคั่ง ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าหัวใจไม่ สามารถบีบตัวหรือปั๊มเลือดได้ เพียงพอ ดังนั้นผู้ป่วยภาวะหัวใจล้ มเหลวจำเป็นต้องชั่งน้ำหนักทุ กวัน
4. การพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินการตรวจร่างกาย การวินิจฉัยและให้การรักษา
5. การรับคำแนะนำเพื่อการดูแลตนเอง โดย
§ พยาบาลเฉพาะทาง เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ ยวกับภาวะหัวใจล้มเหลวและโรคต้ นเหตุ พร้อมสอนวิธีการปฏิบัติตัว ได้แก่ การชั่งน้ำหนักทุกวันเพื่อดู ภาวะน้ำคั่ง การตรวจเช็คตัวเองเพื่อทราบว่ าเมื่อใดควรต้องมาพบแพทย์ทันที การรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย การตรวจเพิ่มเติมพิเศษ การมาตามนัด และ ติดตามอาการของผู้ป่วยที่บ้ านอย่างใกล้ชิดรวมถึงเป็นผู้ ประสานระหว่างแพทย์และผู้ป่วย
§ นักโภชนาการ เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการบริ โภคโซเดี ยมในอาหารและประกอบอาหาร รวมถึงสอนการอ่านฉลากเพื่อควบคุ มปริมาณโซเดียมในร่างกาย
§ เภสัชกร เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ ยวกับยา ความสำคัญของยา และ ตรวจสอบการรับประทานยาที่ถูกต้ องและสม่ำเสมอ
6. การตรวจเช็คครื่องกระตุ้นไฟฟ้ าหัวใจในบางราย สำหรับผู้ที่มีการฝังเครื่ องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ
นพ. สราวุฒิ ศิวโมกษธรรม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาวะหั วใจล้มเหลวและอายุรศาสตร์การปลู กถ่ายหัวใจ และรองหัวหน้าภาควิชาอายุ รศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า ภายหลังการดำเนิ นงานมาตลอดระยะเวลากว่า 5 ปี คลินิกฯ ภาวะหัวใจล้มเหลว โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ฯ พบว่าสถิติผู้ป่วยที่ได้เข้ารั บการรักษาจำนวนกว่า 70% - 80 % เป็นเพศชาย และหากแบ่งกลุ่มผู้ป่วยตามช่ วงอายุโดยไม่แบ่งเพศก็จะเห็นได้ ว่ามีผู้ป่วยในช่วงอายุระหว่าง 45-55 ปีมากที่สุด ซึ่งจำนวนครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ ป่วยทั้งหมดมีอายุน้อยกว่า 45 ปี ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่ในผู้ป่ วยอายุน้ อยมาจากผลกระทบของโรคกล้ามเนื้ อหัวใจอ่อนแรง ขณะที่สาเหตุภาวะหัวใจล้ มเหลวในผู้ป่วยสูงอายุ มาจากโรคหลอดเลือดหัวใจ ทั้งนี้จากการรักษาหรือดูแลผู้ ป่วยอย่างครอบคลุมและใกล้ชิ ดของคลินิกฯ นั้นสามารถช่วยลดอัตราการนอนรั กษาในโรงพยาบาล การเสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้ มเหลวของผู้ป่วยได้มากถึง 80%
นพ. เอกราช อริยะชัยพาณิชย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาวะหั วใจล้มเหลวและอายุรศาสตร์การปลู กถ่ายหัวใจ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้ริเริ่มนโยบายผลักดันให้จั ดตั้งคลินิกผู้ป่วยหัวใจล้ มเหลวภายในโรงพยาบาลหลักทั่ วประเทศไทยในปี 2559 โดยมุ่งลดอัตราเพิ่มการเสียชีวิ ตและการเจ็บป่วยด้วยภาวะหัวใจล้ มเหลว อีกทั้งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ได้มีองค์ความรู้และความเชี่ ยวชาญในการจัดตั้งคลินิกภาวะหั วใจล้มเหลวได้อย่างเหมาะสม จึงมีความตั้งใจที่จะเป็นอีกหนึ่ งกลไกในการผลักดันนโยบายฯ ให้กลายเป็นจริงและก่อประโยชน์ สูงสุดต่อผู้ป่วยผ่านการจัดตั้ งโครงการ “Heart Connect” ด้วยการเปิดอบรมขยายองค์ความรู้ ในการจัดตั้งคลินิกผู้ป่วยหั วใจล้มเหลวสู่โรงพยาบาลทั่ วประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนิ นการอบรมไปแล้วกว่า
15 โรงพยาบาล อาทิ รพ.มหาราชนครราชสีมา รพ.ชลบุรี รพ. พิจิตร รพ.
พระนครศรีอยุธยา และ รพ. พระปกเกล้าจันทบุรี เป็นต้น