งานสัมมนา Women’s Leadership Forum 2017 – Thailand
สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย หรือ TMA จัดเวที Women’s Leadership Forum 2017 – Thailand โดยร่วมกับสถาบัน International Association of Exhibitions and Events (IAEE) ประเทศสหรัฐอเมริกา เชิญผู้หญิงประสบความสำเร็จจากหลากหลายสาขาอาชีพ เผยมุมมอง และแนวคิดจากประสบการณ์ ทั้งการทำงานและการดำเนินชีวิต เพื่อช่วยเปิดมุมมองให้ได้เข้าใจแนวคิดของผู้หญิงในยุคปัจจุบัน ที่มีความมั่นใจ มีความสามารถ โดยจะช่วยสะท้อนให้เกิดการตระหนักถึงศักยภาพของตนเองในการเดินทางก้าวข้ามผ่านอุปสรรคต่างๆ และประสบความสำเร็จได้ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทหน้าที่ใดก็ตาม
นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการและกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารระดับสูงที่ประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการธุรกิจมีความหลากหลายตลอดระยะเวลากว่า 40 ปี ได้เปิดแนวคิดว่า ความก้าวหน้าของผู้หญิงอยู่ที่ตัวเองเป็นที่ตั้ง การเป็นหัวหน้างานนั้น ต้องแสดงความเป็นผู้นำให้ชัดเจน ต้องทำให้ได้ทุกอย่าง แบบไร้ข้อจำกัด อาทิเช่น การบริหารบุคคลในทีม หากมีความจำเป็นต้องให้คนในองค์กรโยกย้าย หรือปรับเปลี่ยน แม้จะเป็นเรื่องทำให้เกิดภาวะเครียดหรือลำบากใจก็ตาม ก็ต้องทำให้สำเร็จบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ การตัดสินใจผิดพลาดนั้น ให้มองเป็นเรื่องปกติ แต่ควรเกิดการเรียนรู้จากข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น และแก้ไขให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด
ปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลา ทุกคนต้องปรับตัวและไม่หยุดที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทุกคนตระหนักรู้เสมอว่า” ทัศนคติการทำงานของคนรุ่นใหม่คนเจเนอเรชั่นเอ็กซ์และวายไม่มี ความเชื่อมั่นและภักดี (Loyalty) ต่อองค์กร” ในฐานะผู้นำองค์กรจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแนวคิด เพื่อก้าวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง โดยทำให้คนทำงานมีความสุข มีอิสระในการทำงาน มอบหมายงานที่มีความท้าทาย ให้อำนาจคิดและตัดสินใจ จะทำให้คนทำงานอยู่ในองค์กรนานขึ้น
ในการทำงานนั้น ผู้หญิงต้องเข้าใจความต้องการของตัวเอง ระหว่างหน้าที่การงานและครอบครัว หากเลือกครอบครัวมาก่อน ต้องยอมรับว่าโอกาสในการก้าวหน้าอาจจะมีน้อยกว่า แต่ถ้าต้องการความก้าวหน้าต้องแสดงตัวตนให้ชัดเจนหากมีโอกาสที่เหมาะสม และจำเป็นต้องมีเครือข่าย การทำงานจำเป็นต้องพิจารณาจากขีดความสามารถของตัวเองทั้งในปัจจุบัน และอนาคต ไม่ควรพิจารณาจากเรื่องเพศชายเพศหญิง เพราะชายกับหญิงมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง แต่ไม่ได้มากจนเกินไป
หลักการทำงานคือจริงจังและเต็มที่กับการทำงานเมื่ออยู่ออฟฟิศ ไม่นำงานกลับมาทำที่บ้าน เพราะจะทำให้เกิดความเครียด ควรพักผ่อนให้เต็มที่ และกลับมาทำงานในวันถัดไป งานและครอบครัวจะต้องสมดุลกัน แม้ในความเป็นจริง ผู้ที่เป็นผู้นำองค์กรจะมีเวลาอยู่กับครอบครัวน้อยลง แต่ต้องพยายามใช้เวลาทีมีอยู่อย่างจำกัดให้คุ้มค่าเกิดประโยชน์มากที่สุด
นางสาววิไลพร ทวีลาภพันทอง หุ้นส่วนสายงานที่ปรึกษา บริษัท PwC Consulting (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึง PwC ว่า จากการที่องค์การสหประชาชาติมีโปรแกรม He for She Bob Moritz Global มุ่งมั่นแนวคิดปฏิบัติสู่ความเสมอภาคทางเพศ เพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมกันให้มากขึ้น พบว่าประเทศที่ยอมให้ผู้หญิงเข้ามาทำงานและสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำได้คือไอซ์แลนด์และนอร์เวย์ ส่วนอีก 2 ประเทศที่เปิดโอกาสให้ผู้หญิงทำงานน้อยคือเกาหลีและเยอรมนี ทั้งนี้จากการสำรวจผู้บริหารทั่วโลก 6.3 หมื่นคน จาก 170 ประเทศ แนวโน้มองค์กรต่างๆ เปิดรับสมัครผู้หญิงเข้าทำงานมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ผู้บริหารบริษัทฯได้ขานรับแนวคิดของโปรแกรมดังกล่าว บริษัท PwC Consulting ทุกประเทศได้ส่งเสริมและเพิ่มโอกาสให้กับผู้หญิงที่ร่วมงานกับองค์กร เริ่มจากการเปิดรับสมัครพนักงานหญิงเพิ่มมากขึ้น และให้โอกาสผู้หญิงได้ทำงานเท่าเทียมกับผู้ชาย โดยเพิ่มความยืดหยุ่นเวลาทำงานให้กับผู้หญิงที่เป็นคุณแม่ที่ต้องแบ่งเวลาให้กับการดูแลครอบครัว ไม่จำเป็นต้องลาออกจากงานเมื่อมีลูก เปิดโอกาสให้สามารถเลือกเวลาและสถานที่ทำงาน จะเป็นเวลาไหน ที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเข้ามาปฏิบัติงานที่ออฟฟิศ โปรแกรมนี้ช่วยให้คุณแม่ที่จำเป็นต้องใช้เวลารับผิดชอบหน้าที่และการงานนอกบ้าน สามารถบริหารจัดการได้อย่างลงตัว ไร้ปัญหาชีวิต จุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มระดับความสุขแก่พนักงาน จะนำพามาซึ่งประสิทธิภาพในการทำงาน ขึ้นกับเงื่อนไขที่ตกลงไว้ ถือเป็นแรงจูงใจที่ดีต่อทุกคน
ทั้งนี้ สิ่งที่จะช่วยผลักดันให้ผู้หญิงก้าวขึ้นเป็นผู้นำในองค์กรได้นั้น คือ การสร้างเครือข่ายพันธมิตรเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดคอนเนกชั่นในการทำงานเพิ่มมากขึ้น หลังเลิกงานผู้หญิงควรได้มีโอกาสใช้เวลาสังสรรค์นอกบ้านบ้าง เพื่อพบปะพูดคุย เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับตัวเอง สำหรับแนวคิดดังกล่าวประเทศในแถบอาเซียนยังมีน้อย เนื่องจากหลังเลิกงานผู้หญิงจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับครอบครัวมากกว่า