TCMC ทุ่มกว่า 3 พันล้านบาท ซื้อกิจการต่อเนื่อง ขึ้นแท่นผู้ผลิตพรมยักษ์ใหญ่ พร้อมรีแบรนด์ชื่อบริษัท และ ใช้แบรนด์“รอยัล ไทย” บุกตลาดพรมต่างประเทศ มุ่งสู่การเป็นบริษัทระดับโลก
บริษัท อุตสาหกรรมพรมไทย จำกัด มหาชน (TCMC) ประสบความสำเร็จขยายการลงทุนต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้เข้าซื้อธุรกิจผลิตและจำหน่ายพรมเพื่อการพาณิชย์ (Commercial Carpet Business) จาก Tai Ping Carpets International Limited ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง โดยครั้งนี้ทางบริษัทได้ใช้เงินลงทุนรวมกว่า 3 พันล้านบาท (ประมาณ 94 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ในการเข้าซื้อกิจการ ทำให้บริษัท อุตสาหกรรมพรมไทย จำกัด มหาชน ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้ผลิตและจำหน่ายพรมรายใหญ่อันดับต้น ๆ ของโลกพร้อมใช้ธุรกิจใหม่เป็นช่องทางขยายธุรกิจ และ ประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น TCM Corporation ชูแบรนด์ รอยัลไทย (Royal Thai) สู่การเป็นแบรนด์สินค้าพรมระดับโลก
นายพิมล ศรีวิกรม์ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท อุตสาหกรรมพรมไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการเข้าซื้อกิจการครั้งล่าสุด ว่า การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้เป็นอีกครั้งสำคัญของบริษัท เพราะใช้เงินลงทุนกว่า 3.14 พันล้านบาท เพื่อซื้อธุรกิจพรมเพื่อการพาณิชย์ (Commercial Carpet Business) จาก Tai Ping Carpets International Limited ทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วยบริษัทผลิตและจำหน่ายพรมในประเทศไทย คือ Carpets International และบริษัทจัดจำหน่ายพรมที่จดทะเบียนในหลายประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเก๊า และอินเดีย เพื่อช่วยทำการตลาดและประชาสัมพันธ์ แบรนด์ รอยัลไทย ให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก ซึ่งการเข้าซื้อครั้งนี้จะช่วยเข้ามาเสริมทัพความแข็งแกร่งให้บริษัทที่มีธุรกิจหลักคือ พรม และ ยังมีในส่วนของธุรกิจผ้าหุ้มเบาะและพรมสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์และ เฟอร์นิเจอร์ที่ได้เข้าซื้อกิจการมาก่อนหน้านี้
โดยหลังจากเข้าซื้อครั้งนี้ ทาง บมจ.อุตสาหกรรมพรมไทย (TCMC) จะสามารถนำรายได้ของบริษัทใหม่ รายงานเข้าพอร์ตภายในไตรมาสที่ 4 ซึ่งจะทำให้ รายได้ของบริษัทในปีนี้ สูงกว่า 7.4 พันล้านบาท และในปีหน้าคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มกว่า 30 % โดยจะมีมูลค่าราว 10,000 ล้านบาท โดยเป็นยอดจากรายได้รวมจากการเข้าซื้อธุรกิจครั้งนี้ ผนวกกับรายได้ของบริษัทฯ และบริษัทลูกที่ได้เข้าซื้อธุรกิจมาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา คือ บริษัท ที.ซี.เอซ ซูมิโนเอะ ผู้ผลิตที่ทำธุรกิจ ผ้าหุ้มเบาะและพรมในรถยนต์ รวมถึง อัลสตันส์ และ บริษัท ดีเอ็มเอ็ม ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ในประเทศอังกฤษ นับเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด หลังจากที่ทางบริษัทได้เริ่มใช้กลยุทธ์การควบรวมกิจการ (M&A) ตลอดช่วง 4 ปีที่ผ่านมา
“ ด้วยสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง บริษัทอุตสาหกรรมพรมไทย พร้อมที่จะขยายกิจการและลงทุนผ่านกลยุทธ์การควบรวมกิจการอย่างต่อเนื่อง โดยการลงทุนครั้งนี้แม้ต้องใช้เม็ดเงินจำนวนมากแต่ถือเป็นการเข้าลงทุนในกิจการที่มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ และมีความเกื้อหนุนเป็นประโยชน์ซึ่งกันและกันกับธุรกิจปัจจุบันเป็นอย่างมาก ทำให้บริษัทฯ มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุน โดยธุรกิจ Commercial Carpet Business ที่เราเข้าซื้อ ได้ดำเนินการมาอย่างยาวนาน และเป็นที่รู้จักในกลุ่มลูกค้าทั่วโลก มีฐานะการเงินและผลการดำเนินงานที่ดีมาโดยตลอด ดังนั้นมั่นใจได้ว่า บริษัทฯ จะได้รับประโยชน์จากการประสานความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างกันในอนาคต เช่น ฐานลูกค้า ช่องทางการจัดจำหน่าย วัตถุดิบ และการผลิต และยังจะสามารถใช้เป็นช่องทางส่งเสริม แบรนด์รอยัลไทย ซึ่งเป็นแบรนด์ที่บริษัทสร้างเองเพื่อนำไปสู่การเป็นแบรนด์ระดับโลกในอนาคต ” นายพิมลกล่าว
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์พรมเพื่อการพาณิชย์ (Commercial Carpet Business) ที่บริษัทซื้อมาครั้งนี้ จะประกอบด้วย พรมแอ็กซ์มินสเตอร์ (Axminster) พรมทอเครื่อง (Broadloom Tufted) และ พรมทอมือ เพื่อจำหน่ายให้ลูกค้าโครงการใหญ่ ๆ อาทิ โรงแรม คาสิโน หอประชุม และเรือสำราญขนาดใหญ่ และ ผลิตภัณฑ์พรมแผ่น (Carpet Tile) สำหรับลูกค้าอาคารสำนักงาน
สำหรับแบรนด์ที่จะใช้ในการขายพรมหลังการควบรวมกิจการในครั้งนี้ บริษัทตัดสินใจที่มุ่งทำการตลาดโดยชูแบรนด์ รอยัลไทย (Royal Thai) และ คาร์เปทอินเตอร์ (Carpets Inter) ซึ่งเป็นแบรนด์ของคนไทย เพื่อใช้เจาะตลาดทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทย โดยบริษัทจะเลิกใช้แบรนด์ไทปิงที่ถือลิขสิทธิ์ในประเทศไทยมาตลอดระยะเวลา 50 ปี
นายพิมล กล่าวว่า บริษัทฯ ต้องการที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้เกิดกับแบรนด์ รอยัลไทย ที่ได้สร้างมาเอง เพื่อให้เป็นที่ยอมรับและรู้จักไปทั่วโลก ทั้งในเรื่องคุณภาพการผลิตและจุดแข็งของแบรนด์ที่มีมาอย่างช้านาน สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมพรม และจะทำให้แบรนด์ รอยัลไทย เป็นแบรนด์ระดับโลก ที่ทุกคนยอมรับในคุณภาพที่เป็นเลิศ การออกแบบและความหลากหลาย
โดยแผนงานดำเนินธุรกิจหลังจากควบรวมกิจการ Commercial Carpet Business บริษัทฯ มีแผนจะขยายฐานลูกค้าและช่องทางการจัดจำหน่ายให้มากขึ้น และโดยบริษัทจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดิมมาก จึงช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพ ทำให้ธุรกิจมีต้นทุนต่อหน่วยที่ลดลงจากการขยายขนาดการผลิตที่มากขึ้น (Economy of Scale) เช่น การซื้อวัตถุดิบในราคาที่ถูกลง หรือการใช้เครื่องจักรในการผลิตให้เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ภายใต้กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจระดับโลก หลังจากควบรวมกิจการครั้งใหญ่นี้ ทางคณะกรรมการของบริษัทฯและผู้ถือหุ้นจึงได้มีมติที่จะเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ จากเดิมที่ใช้ชื่อ Thailand Carpet Manufacturing Public Company Ltd PLC (TCMC) เป็น ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) TCM Corporation PLC (TCMC) โดยมีการสร้างโลโก้บริษัทขึ้นใหม่ เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ และสะท้อนถึงความเป็นธุรกิจที่นำสมัย ไม่หยุดนิ่งที่จะเติบโตสู่อนาคตที่ยั่งยืน
พร้อมกันนี้ บริษัท ยังได้เปิดตัว โลโก้ ใหม่ของแบรนด์ รอยัล ไทย แสดงถึงความล้ำหน้าโดดเด่นและแสดงถึงความเป็นไทยที่ทันสมัย และสะท้อนถึงความมั่นคงของบริษัท โดยนับจากนี้ แบรนด์ รอยัลไทย จะเป็นแบรนด์หลัก ที่จะใช้ในการขายพรม แอ็กซ์มินสตอร์ พรมทอเครื่อง และทอมือ เพื่อการพาณิชย์ทั่วโลก ทั้งนี้ตราสัญลักษณ์ใหม่นี้ จะสื่อความหมายว่า รอยัล ไทย คือแบรนด์ระดับโลก และเป็นผู้นำในด้านการออกแบบและสร้างสรรค์ดีไซน์พรม เพื่อตอบโจทย์และเหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ซึ่งรอยัลไทย จะมุ่งหน้าสู่การเป็นแบรนด์สำหรับพรม ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ดีไซน์และความหลากหลายของสินค้า
ด้าน มร. วิลเลียม เจมส์ พาล์มเมอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมในกลุ่มธุรกิจวัสดุปูพื้น TCM Corporation PLC (Mr. William James Palmer: Co-CEO, Flooring business) ที่จะมาร่วมงานกับทางบริษัท กล่าวว่า มีความยินดีที่ได้ร่วมงานกับทางบริษัทอุตสาหกรรมพรมไทย ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจวัสดุปูพื้นและพรมของเราให้ก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดโลก และด้วยความเชี่ยวชาญทั้งด้านการผลิตและช่องทางด้านการตลาดที่แข็งแกร่งที่ตนได้สร้างมาเป็นเวลากว่า 20 ปี จะช่วยส่งเสริมให้สินค้าภายใต้แบรนด์ รอยัล ไทย ของบริษัทเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก สร้างเสริมให้ TCM Corporation เติบโตอย่างมั่นคงในก้าวต่อๆ ไป
มร. มาร์ค โรเบิร์ต จอห์นสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมในกลุ่มธุรกิจวัสดุปูพื้น TCM Corporation PLC (Mr. Mark Robert Johnson: Co-CEO, Flooring business) กล่าวว่า หวังจะเห็นการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนากระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่องหลังจากการควบรวมกิจการครั้งนี้ ซึ่งทำให้ TCMC กลายเป็นผู้ผลิตพรมทอเครื่องแอ๊กซ์มินสเตอร์ รายใหญ่เป็นอันดับ 1 ของโลกนอกจากนี้ยังเล็งเห็นถึงศักยภาพของโรงงานผลิตในประเทศไทยที่สามารถเติบโตขึ้นอย่างมาก โดยกำลังการผลิตพรมแอ็กซ์มินสเตอร์ และ ทอมือ รวมถึง Carpet Tile จะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว ทำให้เกิดการใช้ประสิทธิภาพ และทรัพยากรอย่างสูงสุด ทั้งยังจะช่วยส่งเสริมพัฒนาด้านการออกแบบสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
บริษัท TCM Corporation PLC พร้อมที่จะเติบโตสู่การเป็นบริษัทระดับโลก ด้วยประสบการณ์การดำเนินธุรกิจมากกว่า 50 ปีและกลยุทธ์การเติบโตที่เน้นการควบรวมอย่างมีวิสัยทัศน์ จะทำให้ ธุรกิจพรม และ วัสดุปูพื้น ผลิตภัณฑ์ในรถยนต์ และเฟอร์นิเจอร์ พร้อมทั้งธุรกิจอื่น ๆ ภายใต้การดูแลของเราเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ภายใต้สโลแกน "Embarking on a Global Journey"
นายพิมล ศรีวิกรม์ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท อุตสาหกรรมพรมไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการเข้าซื้อกิจการครั้งล่าสุด ว่า การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้เป็นอีกครั้งสำคัญของบริษัท เพราะใช้เงินลงทุนกว่า 3.14 พันล้านบาท เพื่อซื้อธุรกิจพรมเพื่อการพาณิชย์ (Commercial Carpet Business) จาก Tai Ping Carpets International Limited ทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วยบริษัทผลิตและจำหน่ายพรมในประเทศไทย คือ Carpets International และบริษัทจัดจำหน่ายพรมที่จดทะเบียนในหลายประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเก๊า และอินเดีย เพื่อช่วยทำการตลาดและประชาสัมพันธ์ แบรนด์ รอยัลไทย ให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก ซึ่งการเข้าซื้อครั้งนี้จะช่วยเข้ามาเสริมทัพความแข็งแกร่งให้บริษัทที่มีธุรกิจหลักคือ พรม และ ยังมีในส่วนของธุรกิจผ้าหุ้มเบาะและพรมสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์และ เฟอร์นิเจอร์ที่ได้เข้าซื้อกิจการมาก่อนหน้านี้
โดยหลังจากเข้าซื้อครั้งนี้ ทาง บมจ.อุตสาหกรรมพรมไทย (TCMC) จะสามารถนำรายได้ของบริษัทใหม่ รายงานเข้าพอร์ตภายในไตรมาสที่ 4 ซึ่งจะทำให้ รายได้ของบริษัทในปีนี้ สูงกว่า 7.4 พันล้านบาท และในปีหน้าคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มกว่า 30 % โดยจะมีมูลค่าราว 10,000 ล้านบาท โดยเป็นยอดจากรายได้รวมจากการเข้าซื้อธุรกิจครั้งนี้ ผนวกกับรายได้ของบริษัทฯ และบริษัทลูกที่ได้เข้าซื้อธุรกิจมาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา คือ บริษัท ที.ซี.เอซ ซูมิโนเอะ ผู้ผลิตที่ทำธุรกิจ ผ้าหุ้มเบาะและพรมในรถยนต์ รวมถึง อัลสตันส์ และ บริษัท ดีเอ็มเอ็ม ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ในประเทศอังกฤษ นับเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด หลังจากที่ทางบริษัทได้เริ่มใช้กลยุทธ์การควบรวมกิจการ (M&A) ตลอดช่วง 4 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์พรมเพื่อการพาณิชย์ (Commercial Carpet Business) ที่บริษัทซื้อมาครั้งนี้ จะประกอบด้วย พรมแอ็กซ์มินสเตอร์ (Axminster) พรมทอเครื่อง (Broadloom Tufted) และ พรมทอมือ เพื่อจำหน่ายให้ลูกค้าโครงการใหญ่ ๆ อาทิ โรงแรม คาสิโน หอประชุม และเรือสำราญขนาดใหญ่ และ ผลิตภัณฑ์พรมแผ่น (Carpet Tile) สำหรับลูกค้าอาคารสำนักงาน
สำหรับแบรนด์ที่จะใช้ในการขายพรมหลังการควบรวมกิจการในครั้งนี้ บริษัทตัดสินใจที่มุ่งทำการตลาดโดยชูแบรนด์ รอยัลไทย (Royal Thai) และ คาร์เปทอินเตอร์ (Carpets Inter) ซึ่งเป็นแบรนด์ของคนไทย เพื่อใช้เจาะตลาดทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทย โดยบริษัทจะเลิกใช้แบรนด์ไทปิงที่ถือลิขสิทธิ์ในประเทศไทยมาตลอดระยะเวลา 50 ปี
นายพิมล กล่าวว่า บริษัทฯ ต้องการที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้เกิดกับแบรนด์ รอยัลไทย ที่ได้สร้างมาเอง เพื่อให้เป็นที่ยอมรับและรู้จักไปทั่วโลก ทั้งในเรื่องคุณภาพการผลิตและจุดแข็งของแบรนด์ที่มีมาอย่างช้านาน สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมพรม และจะทำให้แบรนด์ รอยัลไทย เป็นแบรนด์ระดับโลก ที่ทุกคนยอมรับในคุณภาพที่เป็นเลิศ การออกแบบและความหลากหลาย
โดยแผนงานดำเนินธุรกิจหลังจากควบรวมกิจการ Commercial Carpet Business บริษัทฯ มีแผนจะขยายฐานลูกค้าและช่องทางการจัดจำหน่ายให้มากขึ้น และโดยบริษัทจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดิมมาก จึงช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพ ทำให้ธุรกิจมีต้นทุนต่อหน่วยที่ลดลงจากการขยายขนาดการผลิตที่มากขึ้น (Economy of Scale) เช่น การซื้อวัตถุดิบในราคาที่ถูกลง หรือการใช้เครื่องจักรในการผลิตให้เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ภายใต้กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจระดับโลก หลังจากควบรวมกิจการครั้งใหญ่นี้ ทางคณะกรรมการของบริษัทฯและผู้ถือหุ้นจึงได้มีมติที่จะเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ จากเดิมที่ใช้ชื่อ Thailand Carpet Manufacturing Public Company Ltd PLC (TCMC) เป็น ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) TCM Corporation PLC (TCMC) โดยมีการสร้างโลโก้บริษัทขึ้นใหม่ เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ และสะท้อนถึงความเป็นธุรกิจที่นำสมัย ไม่หยุดนิ่งที่จะเติบโตสู่อนาคตที่ยั่งยืน
พร้อมกันนี้ บริษัท ยังได้เปิดตัว โลโก้ ใหม่ของแบรนด์ รอยัล ไทย แสดงถึงความล้ำหน้าโดดเด่นและแสดงถึงความเป็นไทยที่ทันสมัย และสะท้อนถึงความมั่นคงของบริษัท โดยนับจากนี้ แบรนด์ รอยัลไทย จะเป็นแบรนด์หลัก ที่จะใช้ในการขายพรม แอ็กซ์มินสตอร์ พรมทอเครื่อง และทอมือ เพื่อการพาณิชย์ทั่วโลก ทั้งนี้ตราสัญลักษณ์ใหม่นี้ จะสื่อความหมายว่า รอยัล ไทย คือแบรนด์ระดับโลก และเป็นผู้นำในด้านการออกแบบและสร้างสรรค์ดีไซน์พรม เพื่อตอบโจทย์และเหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ซึ่งรอยัลไทย จะมุ่งหน้าสู่การเป็นแบรนด์สำหรับพรม ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ดีไซน์และความหลากหลายของสินค้า
ด้าน มร. วิลเลียม เจมส์ พาล์มเมอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมในกลุ่มธุรกิจวัสดุปูพื้น TCM Corporation PLC (Mr. William James Palmer: Co-CEO, Flooring business) ที่จะมาร่วมงานกับทางบริษัท กล่าวว่า มีความยินดีที่ได้ร่วมงานกับทางบริษัทอุตสาหกรรมพรมไทย ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจวัสดุปูพื้นและพรมของเราให้ก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดโลก และด้วยความเชี่ยวชาญทั้งด้านการผลิตและช่องทางด้านการตลาดที่แข็งแกร่งที่ตนได้สร้างมาเป็นเวลากว่า 20 ปี จะช่วยส่งเสริมให้สินค้าภายใต้แบรนด์ รอยัล ไทย ของบริษัทเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก สร้างเสริมให้ TCM Corporation เติบโตอย่างมั่นคงในก้าวต่อๆ ไป
บริษัท TCM Corporation PLC พร้อมที่จะเติบโตสู่การเป็นบริษัทระดับโลก ด้วยประสบการณ์การดำเนินธุรกิจมากกว่า 50 ปีและกลยุทธ์การเติบโตที่เน้นการควบรวมอย่างมีวิสัยทัศน์ จะทำให้ ธุรกิจพรม และ วัสดุปูพื้น ผลิตภัณฑ์ในรถยนต์ และเฟอร์นิเจอร์ พร้อมทั้งธุรกิจอื่น ๆ ภายใต้การดูแลของเราเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ภายใต้สโลแกน "Embarking on a Global Journey"