ADS


Breaking News

“คริส เวลส์” เอ็มดีคนใหม่ นำทัพ “วอลโว่” สู่แบรนด์รถยนต์พรีเมี่ยม ที่เติบโตเร็วที่สุดในประเทศไทย

     นาย คริส เวลส์ (Mr. Chris Wailes) กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “วอลโว่เป็นแบรนด์รถยนต์หรูสัญชาติสวีเดนที่คนทั่วโลกรู้จักมายาวนานกว่า 90 ปี ด้วยศักยภาพและจุดแข็งที่ชัดเจนในการเป็นผู้นำระดับโลกด้านวัตกรรมความปลอดภัยที่ปกป้องทุกชีวิตบนท้องถนนทำให้ได้รับความเชื่อถือและไว้วางใจจากลูกค้าวอลโว่ทั่วโลก สำหรับในประเทศไทยเราจัดเป็นแบรนด์รถหรูอันดับที่ 3 และเราวางเป้าหมายชัดเจนว่า วอลโว่จะเป็นแบรนด์รถยนต์พรีเมี่ยมที่เติบโตเร็วที่สุดในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นภารกิจท้าทายที่วอลโว่จะขับเคลื่อนให้ธุรกิจเติบโตด้วยการนำเสนอประสบการณ์ใหม่ที่เหนือใครแก่ลูกค้าในประเทศไทย

     แผนดำเนินการในปีนี้เราได้ปรับแผนให้สอดรับกับกระบวนการในการซื้อสินค้าและบริการ  พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้การซื้อสินค้าในปัจจุบันก็เปลี่ยนไปด้วย จะพบว่ามีช่องทางในการซื้อขายใหม่ๆ เกิดขึ้น คนส่วนใหญ่นิยมซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์และผ่านสมาร์ทโฟนมากขึ้น

     เพื่อจัดการกับสภาพแวดล้อมทางการตลาดที่เปลี่ยนไป วอลโว่จะสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ โดยผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามามีส่วนร่วม ที่จะทำให้เราเข้าถึงลูกค้าและให้บริการได้ใกล้ชิดขึ้นเพื่อมอบประสบการณ์และมาตรฐานการบริการที่เหนือระดับในการให้บริการ

     โดยแบ่งกลยุทธ์ออกเป็น 3 ด้าน ดังนี้


    1) กลยุทธ์ด้านงานขาย เป้าหมายที่จะเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในการสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้า ผ่านทางผู้จัดจำหน่ายที่มีมาตรฐานการให้บริการระดับโลก ในปีนี้เราได้มีการปรับกลยุทธ์ในการขายที่แข็งแกร่งและเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น โดยการเพิ่มผู้จัดจำหน่ายในกรุงเทพมหานครถึง 2 แห่ง บนถนนวิทยุ และถนนแจ้งวัฒนะ ซึ่งดำเนินการโดย บริษัท เพรสทีจ มอเตอร์คาร์ส จำกัด และ บริษัท เมอร์ค ออโต้ จำกัด โชว์รูมใหม่จะมีการออกแบบภายใต้คอนเซปท์ Volvo Retail Experience (VRE) ซึ่งสอดรับกับหลักการสร้างประสบการณ์ใหม่แห่งการให้บริการผ่านโชว์รูมหลังปรับโฉมแบรนด์ในปี 2557 เป็นต้นมา นับเป็นมาตรฐานเรื่องการดีไซน์โชว์รูมสำหรับวอลโว่ทั่วโลก โดยคอนเซปท์ใหม่ของโชว์รูมในครั้งนี้คือมีพื้นที่การจัดแสดงรถวอลโว่ในรูปแบบใหม่ รวมถึงบริเวณรับรองลูกที่สะดวกสบาย มีมุมให้บริการกาแฟและเครื่องดื่มและมีการจัดแสดงอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์อีกด้วย

2) กลยุทธ์ด้านบริการหลังการขาย สำหรับวอลโว่กลุยุทธ์ด้านบริการหลังการขายถือเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ในปีนี้เราได้แนะนำปรากฏการณ์ใหม่ของการให้บริการรถยนต์ที่เรียกว่า ‘Volvo Personal Service” (VPS) ซึ่งเป็นรูปแบบการให้บริการใหม่ภายใต้หลักการสำคัญ 3 ข้อคือ Personal Service Technician (PST), Multi-skilled Team (MST) และLean Management (LEAN) เพื่อยกระดับการบริการให้ดียิ่งขึ้น วอลโว่นับเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกที่กำหนดนิยามใหม่ของการนำการบริการรูปแบบนี้เข้ามาอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า นับเป็นการพลิกโฉมการให้บริการและการบำรุงรักษารถยนต์ครั้งใหญ่ ซึ่งมั่นใจว่าการเปิดตัว VPS นี้จะช่วยกระดับการบริการหลังการขายของวอลโว่ให้สมบูรณ์และเป็นมืออาชีพ

     “การให้บริการรูปแบบใหม่นี้จะช่วยร่นระยะเวลาไปกว่าครึ่ง ซึ่งจะสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าได้ยิ่งขึ้น เนื่องจากเรามีทีมช่างผู้เชี่ยวชาญที่ทำงานผสานกันเป็นทีม แทนที่การทำงานแบบเดิมที่รถหนึ่งคันจะใช้ช่างเพียงคนเดียว วิธีการนี้จะทำให้งานสำเร็จอย่างที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและถูกต้อง 100% ตั้งแต่ต้น”

     อีกทั้งบริการนี้ยังสร้างความพิเศษให้ลูกค้าเสมือนมีช่างส่วนตัว (Personal Service Technician) มาดูแล เนื่องด้วยระยะเวลาให้บริการที่เร็วขึ้นลูกค้าจึงสามารถรอรับรถได้เลย ลูกค้าสามารถผ่อนคลายระหว่างรอรับรถได้ที่บริเวณรับรองลูกค้าของเราซึ่งมีบริการทั้งเครื่องดื่ม กาแฟ หนังสือ และ Wi-Fi รวมถึงสามารถทดลองขับรถรุ่นใหม่ๆและสอบถามพูดคุยกับพนักงานได้อย่างเป็นส่วนตัวอีกด้วย

     นอกจากนี้เรายังเตรียมแผนในการฝึกอบรมพนักงานให้มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของแบรนด์รวมถึงความรู้ด้านเทคนิคซึ่งจะอันเป็นประโยชน์ต่อลูกค้า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและมอบความไว้วางใจให้กับลูกค้าตั้งแต่ครั้งแรกที่ก้าวเข้ามาภายในโชว์รูม

3) กลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ วอลโว่เป็นที่ยอมรับเสมอมาในฐานะบริษัทที่มีเป้าหมายและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน ทุกๆ สิ่งที่เราคิด เราคำนึงถึงคนเป็นสำคัญ เราเข้าใจในผู้คน เราปกป้องสิ่งที่สำคัญสำหรับพวกเขาและเราต้องการสร้างประสบการณ์พิเศษให้พวกเขา วอลโว่ภาคภูมิใจในบทบาทความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ที่จะทำให้ชีวิตของผู้คนนั้นดีขึ้น การออกแบบโดยคำนึงถึงคนเป็นศูนย์กลางนับเป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวของวอลโว่และเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างสรรค์ผลงานของเราเสมอมา

วิสัยทัศน์ที่ทำให้วอลโว่มุ่งสู่จุดหมายมีดังนี้
  • ในปี ค.ศ. 2020 จะต้องไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตในรถยนต์
  • วอลโว่มุ่งพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป
  • ตั้งเป้าที่จะมีรถยนต์ไฟฟ้าของวอลโว่วิ่งอยู่บนท้องถนน 1 ล้านคัน ในปี 2568

     นาย คริส เวลส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “วอลโว่เป็น  แบรนด์รถยนต์ที่มีศักยภาพที่สูงที่สุดในการเติบโตในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถรุ่นใหม่ๆที่สะท้อนเอกลักษณ์ความพิถีพิถันในแบบฉบับสแกนดิเนเวียนพร้อมกับนวัตกรรมความปลอดภัยอันล้ำสมัย ที่สำคัญที่สุดเรามุ่งมั่นที่จะก้าวไปสู่วิสัยทัศน์ของเพื่อสร้างรถยนต์แห่งอนาคตอย่างแท้จริง เราเป็นค่ายรถยนต์เจ้าแรกที่ออกมาประกาศว่าตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป รถวอลโว่ที่ออกสู่ตลาดจะเป็นรถที่ใช้เครื่องยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด หรือรถไฟฟ้าทั้งคัน และเราวางเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำในด้านระบบความปลอดภัยอันล้ำสมัย ระบบการขับขี่ อัตโนมัติ และรถยนต์ไฟฟ้า
     วอลโว่ทั่วโลกได้มีการปรับกลยุทธ์ในการสร้างแบรนด์ ตั้งแต่ปี 2558 และสำหรับประเทศไทย นายฌอง-เดวิด ฮาเรล  ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและผลิตภัณฑ์ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “เราต้องการให้ผู้คนได้รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงและเรากำลังก้าวไปข้างหน้า โดยเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาวอลโว่เปิดตัวกลยุทธ์แบรนด์ใหม่ ภายใต้ชื่อ “We go forward, for you.” หรือ “ก้าวไปไกลกว่า...เพื่อคุณ” ซึ่งเห็นได้ชัดจากการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆที่มอบประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับ เต็มเปี่ยมด้วยระบบความปลอดภัยและความหรูหรา ล้วนเป็นความตั้งใจและมุ่งมั่นพัฒนาของวอลโว่ที่จะนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าเสมอ”

     ภายใต้ทิศทางแบรนด์ใหม่ “We go forward, for you.” หรือ “ก้าวไปไกลกว่า...เพื่อคุณ” สร้างพลังขับเคลื่อนแก่แบรนด์ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวซีดานสุดหรู S90 และรถพรีเมี่ยมเอสเตท V90 รวมถึงเมื่อเดือนสิงหาคมที่เพิ่งเปิดตัวรถรุ่น S90 T8 Twin Engine AWD plug-in hybrid ให้พละกำลังสูงถึง 407 แรงม้า”

    “วอลโว่มีความตั้งใจที่จะให้การมาของ S90 T8 Twin Engine AWD plug-in hybrid ครั้งนี้เป็นที่สนใจของตลาดเมืองไทยอีกครั้งในฐานะผู้นำแบรนด์รถหรูที่ออกมาประกาศจุดยืนเรื่องการส่งเสริมรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในวาระระดับโลกพร้อมทั้งขานรับนโยบายของรัฐบาลไทยอย่างจริงจัง ในขณะเดียวกันรถยนต์รุ่น S90 ได้ตั้งราคาได้เป็นที่น่าสนใจอย่างมาก โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 3.09 ล้านบาท ซึ่งน่าจะตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าระดับพรีเมี่ยมที่ชื่นชอบในรูปโฉมรถที่มีเอกลักษณ์เฉพาะแบบสวีเดนได้เป็นอย่างดี”

     “การเปิดตัว S90 Twin Engine AWD plug-in hybrid ในครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของวอลโว่ประเทศไทยกับการเร่งนำเข้ารถเครื่องยนต์ไฟฟ้าใหม่ๆเข้ามาให้คนไทยได้เป็นเจ้าของ และเพื่อเป็นการสร้างการรับรู้แบรนด์ที่ดียิ่งขึ้น เราได้เปิดตัวแคมเปญทางการตลาดที่สะท้อนทิศทางของวอลโว่ในเรื่องพลังงานสะอาดและความทรงพลังของเครื่องยนต์ T8 Twin Engine plug-in hybrid โดยใช้แฮชแท็ก #s90t8 เป็นสื่อกลางที่จะให้ผู้บริโภคได้แชร์ข้อความออกไปอย่างกว้างขวาง โดยเชื่อว่าแคมเปญทางการตลาดนี้จะเปิดโอกาสให้ผู้คนสื่อสารกับแบรนด์ได้มากขึ้นผ่านทางเว็บไซต์และช่องทางการสื่อสารแบรนด์ที่หลากหลายขึ้น สามารถสร้างประสบการณ์การซื้อของลูกค้าผ่านช่องทางใหม่ๆทั้งเว็บไซต์และอีคอมเมิร์ซ

     ปี 2561 นี้นับเป็นปีที่น่าตื่นเต้นของวอลโว่ ประเทศไทย กับการเปิดตัวรถและแคมเปญใหม่ๆ เพื่อให้คนไทยได้สัมผัสกับประสบการณ์อันยอดเยี่ยมและเป็นเอกลักษณ์ในรูปแบบของ “Volvo Way” 
     สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 02-305-4499 หรือ WWW.VOLVOCARS.COM/TH


นาย คริส เวลส์
กรรมการผู้จัดการ ประจำ วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย
    นายคริส เวลส์ ร่วมงานกับ วอลโว่ คาร์ มานานกว่า 28 ปี โดยเริ่มงานในฐานะตัวแทนขายในดีลเลอร์ วอลโว่ ที่ประเทศอังกฤษเมื่อปี พ.ศ. 2532 และได้ขึ้นรับตำแหน่งใหญ่ในดีลเลอร์อย่างรวดเร็ว จนกระทั่งปี ปี พ.ศ.2544-2550 คริสได้ร่วมงานกับ วอลโว่ คาร์ ประเทศอังกฤษ ในฐานะผู้จัดการด้านปฏิบัติการของ ดีลเลอร์ส่วนภูมิภาค (Regional Dealer Performance Manager) ซึ่งรับผิดชอบดูแลการบริหารและการปฏิบัติงานของดีลเลอร์ 20 แห่งในขณะนั้น
     ปี พ.ศ. 2551-2555 คริสได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์และราคา (Product and Pricing Manager) ในภูมิภาคยุโรปและสหราชอาณาจักร รับผิดชอบครอบคลุมทั้งในด้านผลิตภัณฑ์รวมถึงข้อเสนอทางการตลาดของรถในทุกเซกเมนต์ เพื่อเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายและยอดขาย ส่งผลให้ในช่วงนั้น  วอลโว่ทำยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 78% ภายในปีเดียว
     ปี พ.ศ. 2555 คริสได้รับตำแหน่งผู้จัดการภาคพื้น (Market Manager) และยังเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการเปิดตัวรถยนต์วอลโว่ปลั๊กอิน ไฮบริดเครื่องยนต์ดีเซลคันแรกของโลก โดยผสานความร่วมมือจากตลาดยุโรปอื่นๆ ช่วยกันกำหนดทิศทางการทำการตลาดของผลิตภัณฑ์ให้น่าสนใจ รับผิดชอบเรื่องการอบรมทั้งทางเทคนิคและการขาย จนทำให้รถรุ่นนี้มียอดจองเข้ามาเป็นจำนวนมากก่อนที่รถคันแรกจะเริ่มผลิตออกสู่ตลาด
     ปี พ.ศ. 2556 เขาได้ย้ายไปรับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์สินค้า (Global Product and Carline Performance Director) ที่วอลโว่ คาร์ ณ เมืองโกเทนเบิร์ก ประเทศสวีเดน รับผิดชอบเรื่องผลิตภัณฑ์ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก ตั้งแต่การบริหารจัดการรถที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ ไปจนถึงการจัดจำหน่ายในรูปแบบต่างๆ
     และล่าสุด ปี พ.ศ. 2558 เขาได้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการตลาดภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค (Market Area Director) ประจำ ณ นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน รับผิดชอบฝ่ายปฏิบัติการพาณิชย์ภูมิภาค และริเริ่มธุรกิจใหม่ในเวียดนาม เมียนมาร์ อินโดนีเซีย และศรีลังกา โดยภายใน 2 ปี สามารถสร้างการเติบโตในระดับปฏิบัติการในตลาดดังกล่าวได้สูงกว่า 20 % ต่อปี
     จากประสบการณ์ในการดำรงตำแหน่งล่าสุด ในฐานะผู้อำนวยการตลาดภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค (Market Area Director)  ทำให้คริสต้องรับผิดชอบดูแลธุรกิจในหลายตลาด ซึ่งส่วนนี้เองที่ทำให้เป็นประโยชน์อย่างมากต่อการเข้ารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ประจำประเทศไทย โดยมีผลตั้งแต่ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2560