กทปส. ร่วมกับ ม.นเรศวร พัฒนาระบบแพทย์ทางไกลกับเทคโนโลยีดิจิทัลแห่งอนาคต หวังลดช่องว่างทางการแพทย์ พื้นที่ห่างไกลเข้าใกล้แพทย์เฉพาะทาง
กองทุนวิจัยและพัฒนากิ จการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือ กทปส. เดินหน้าพัฒนาระบบแพทย์ฉุกเฉิ นทางไกลในชนบท
โดยผ่านเครือข่ายดิจิทัลความเร็ วสูง ร่วมกับ มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก
พัฒนาโครงการต้นแบบต่ อยอดระบบแพทย์ไกลจากเดิมให้เชื่ อมโยงบน smart phone สู่ระบบ
Mobile Application
เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ทางการแพทย์ในประเทศไทย ลดการกระจุกตัวของแพทย์ผู้เชี่ ยวชาญ
ลดภาระค่าใช้จ่ายของประเทศ และที่สำคัญคือลดปัญหาด้านผู้ป่ วย
ประชาชนของประเทศเป็นสำคัญ
นายนิพนธ์
จงวิชิต รักษาการผู้จัดการกองทุนวิจั ยและพัฒนาฯ กล่าวว่า ปัญหาของระบบทางการแพทย์ไทยที่ ผ่านมาและในปัจจุบัน คือ
การขาดแคลนแพทย์ผู้เชี่ ยวชาญในพื้นที่ชนบท พื้นที่ห่างไกล
เนื่องด้วยจำนวนแพทย์ที่ไม่เพี ยงพอและแพทย์ส่วนใหญ่อยู่ ในโรงพยาบาลศูนย์ฯ
โรงพยาบาลส่วนกลาง และโรงพยาบาลขนาดใหญ่ในเขตเมือง ทำให้จำนวนแพทย์เข้าไม่ถึ งจำนวนผู้ป่วยในเขตพื้นที่ห่ างไกล ดังนั้น กทปส. ได้เดินหน้าพัฒนาต่อยอด โครงการพัฒนาคุณภาพการให้บริ การทางการแพทย์ฉุกเฉิ นทางไกลในชนบท
โดยผ่านเครือข่ายดิจิทัลความเร็ วสูง เพื่อลดช่องว่างทางการแพทย์ที่ เกิดขึ้น
โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลความเร็ วสูง ศักยภาพของเทคโนโลยีไร้สาย
สร้างจุดแข็งในการเชื่ อมโยงโครงข่ายระบบแพทย์ทางไกล
และให้แพทย์ผู้เชี่ ยวชาญสามารถเข้าถึงผู้ป่วยได้ทุ กพื้นที่ ทุกเวลาแบบ real time
“โดย
โครงการดังกล่าว ได้ร่วมพัฒนากับมหาวิทยานเรศวร
ต่อยอดการพัฒนาระบบแพทย์ ทางไกลให้สามารถเชื่อมโยง รับส่งข้อมูล
อีกทั้งเข้าถึงฐานข้อมูลผู้ป่ วยได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งระบบเทคโนโลยีดิจิทัลความเร็วสู ง จะเชื่อมต่อภาพจากการรักษา ให้กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่ อตรวจรักษาผ่านระบบเชื่อมโยงด้ านโทรคมนาคมเข้าสู่โรงพยาบาลศู นย์
โรงพยาบาลในพื้นที่ หรือทำการเชื่อมต่อกับ smart
phone ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญปลายทาง ทำให้ลดปัญหาการขาดแคลนแพทย์
ทุกพื้นที่ในประเทศเกิดความเท่ าเทียม ลดปัญหาการเสียชีวิตของประชาชน โดยการนำเอาเทคโนโลยีด้ านโทรคมนาคมดิจิทัลความเร็วสูงมาพั ฒนาร่วมกับระบบทางการแพทย์
ให้เกิดการพัฒนาต่อยอดอย่างมี ประสิทธิภาพ
เพื่อประโยชน์ต่อวงการแพทย์ ไทยและประชาชนในประเทศอีกด้วย” นายนิพนธ์ กล่าวสรุป
รศ.ดร.ไพศาล มุณีสว่าง อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ในฐานะหัวหน้าโครงการวิจัย กล่าวว่า โครงการพัฒนาคุณภาพการให้บริ การทางการแพทย์ฉุกเฉิ นทางไกลในชนบท
โดยผ่านเครือข่ายดิจิทัลความเร็ วสูง ถือได้ว่าเป็น Model
ต้นแบบให้กับโรงพยาบาลในพื้นที่ ชนบท พื้นที่ห่างไกล กับโรงพยาบาลศูนย์ฯ โรงบาลใหญ่ในพื้นที่เขตเมือง
หรือ กรุงเทพมหานคร ปัจจุบันได้ทำการทดลองวางระบบ
เชื่อมต่อการทำงานเข้ากั บโรงยาบาลภายใต้ การทำงานของมหาวิทยาลัยนเรศวร
โรงพยาบาลในจังหวัดพิษณุโลก 9 แห่ง โรงพยาบาลศูนย์อีก 2 แห่ง รวมแล้ว 12 โรงพยาบาล ซึ่งมีจำนวนผู้ป่วยในระบบฐานข้ อมูลกว่า
3.6 ล้านราย โดยได้ทำการศึกษาวิเคราะห์ และนำโจทย์ด้านเทคโนโลยีเข้ ามาผนวกใช้
ซึ่งจากปัญหาที่ได้ทำการศึกษา คือ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญไม่ได้อยู่กั บที่ มีการเดินทางอยู่ตลอดเวลา
ผู้ป่วยไม่สามารถที่จะรอได้ ต้องการการรักษาอย่างทันที ดังนั้น
ระบบแพทย์ทางไกลที่ดีตอบโจทย์ คือ ระบบโทรศัพท์ทางไกล หรือที่เรียกว่า Mobile Application บน smart
phone ที่สามารถให้แพทย์ผู้เชี่ ยวชาญเชื่อมต่อ
สามารถให้คำปรึกษาได้ตลอดเวลา
รศ.ดร.ไพศาล กล่าวอีกว่า ระบบแพทย์ไกลในการพัฒนาโครงการ ร่วมกับ กทปส. ได้ทำการศึกษาวิเคราะห์ถึงปั ญหาด้านการสื่อสาร
การใช้และแก้ไขด้ วยระบบเทคโนโลยี
การเข้าถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้ เหมาะสมทุกช่วงเวลา
และพฤติกรรมส่วนใหญ่ของแพทย์ที่ พร้อมให้คำปรึกษาแบบเร่งด่วนฉุ กเฉิน ดังนั้น
การผลักดันระบบแพทย์ทางไกลผ่ านเทคโนโลยีดิจิทัล ผ่าน Mobile Application บน smart
phone เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์
และด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารปั จจุบันและในอนาคตที่มี ความรวดเร็วมากขึ้น
ซึ่งการพัฒนาระบบดังกล่าวได้ ทำการศึกษาและให้ความสำคัญทั้ งสิ้น คือ
-
Data Center ระบบสัญญาณภาพ
เสียง ความคมชัดและเป็นปัจจุบัน อาทิ การรักษาการอ่านภาพระบบ DICOM (Digital Imaging
and Communications in Medicine) ของผู้ป่วยในลักษณะดิจิตอล
โดยสามารถสื่อสารแลกเปลี่ยนข้ อมูลระหว่างการรักษาได้
- Consultant โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญผ่านโทรศั พท์
หรือ แท็บเล็ต ผ่าน VDO Call อาจเป็นการผ่าตัด หรือ
กรณีผิดปรกติทางร่างกาย การตรวจครรภ์ทางไกล ด้วยเทคโนโลยี Augmented
Reality (AR) ทำให้อำนวยความสะดวกในการสื่ อสารระหว่างผู้รับคำปรึกษา
(พยาบาล) และผู้ให้คำปรึกษา (แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ) แบบทันทีทันใด เปรียบเสมือนทั้งผู้ขอและผู้รั บคำปรึกษาอยู่ในสถานที่เดียวกัน
-
E-Learning
การสื่อสารผ่านระบบมัลติมีเดี ยสามารถถ่ายทอดเรื่องราวและเนื้ อหาทางการรักษา
ซึ่งนักเรียนแพทย์สามารถสื่ อสารกับแพทย์ที่กำลังทำการรั กษาผู้ป่วยได้
และสามารถเก็บเป็นฐานข้อมู ลในการศึกษาหรือตัวอย่ างโรคในครั้งต่อไป
“แนวทางในการต่อยอด การพัฒนาโครงการในอนาคต หากระบบแพทย์ทางไกลได้รับการส่ งเสริมพัฒนาถึงขีดสุด
คาดว่าจะสามารถลดปัญหาด้านทรั พยากรบุคคลทางการแพทย์ งบประมาณ
ช่องว่างทางการรักษาได้ อาจเรียกได้ว่า “สามารถสร้างโรงพยาบาล
ที่ไม่ต้องก่อสร้างอาคาร ไม่ต้องทุ่มงบประมาณ” เทคโนโลยีถือเป็นบทบาทสำคั ญในการพัฒนาวงการแพทย์
ในอนาคตหากได้รับการพัฒนาอย่ างต่อเนื่อง
เทคโนโลยีการสื่อสารอาจช่วยให้ ผู้ป่วยที่อยู่ที่บ้านสื่อสารกั บแพทย์ได้โดยตรง
แพทย์ที่เกษียณอายุอาจใช้ความรู้ ความสามารถรักษาผู้ป่วยผ่านเครื่ องมือการสื่อสาร
หรืออาจเกิดคลินิกออนไลน์มี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสื่อสารกับผู้ ป่วย
พิมพ์เอกสารสั่งยาผ่าน application บน smart
phone ซึ่งทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ ตราบที่เทคโนโลยียังคงเดินหน้า
บุคลากร นักคิด นักวิจัยยังคงขับเคลื่อน ภาครัฐ ภาคเอกชน
ภาคการศึกษายังให้การสนับสนุ นเดินหน้าพัฒนาต่อไป” รศ.ดร.ไพศาล กล่าวทิ้งท้าย