รู้ให้ทันปี 2030 - เดลล์ เทคโนโลยีส์ เผยงานวิจัย สำรวจความร่วมมือระหว่างมนุษย์แล ะเครื่องกลในยุคถัดไป
ประเด็นที่น่าสนใจ
·
ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกกว่า
20 ราย คาดการณ์ถึงเทคโนโลยีเกิดใหม่
ว่าจะเปลี่ยนโฉมสังคมและการทำงา นในปี 2030 ได้อย่างไร
·
เทคโนโลยีเกิดใหม่จะสร้างสัมพัน ธภาพใหม่ระหว่างมนุษย์และเครื่อ งกล
สร้างความร่วมมือที่แน่นแฟ้นมาก ขึ้น ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
·
มนุษย์จะทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุม ดิจิทัล
และวิธีที่เราทำธุรกิจ ค้นหาความสามารถพิเศษรวมถึงเรีย นรู้จะแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง
ในปี 2030 องค์กรทุกแห่งจะกลายเป็นองค์ กรด้านเทคโนโลยี
และด้วยเหตุนี้ องค์กรธุรกิจจึงต้องเริ่มคิดตั้ งแต่วันนี้ว่าจะทำให้ ระบบโครงสร้างพื้ นฐานและคนทำงานสามารถรองรับอนาค ตได้อย่างไร
สอดคล้องตามรายงานที่เผยแพร่โดย เดลล์ เทคโนโลยีส์ ในวันนี้ การวิจัยซึ่งนำโดยสถาบันเพื่ออ นาคต (IFTF-Institute
for the Future) พร้อมผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจ
ด้านวิชาการและด้านเทคโนโลยี 20 รายจากทั่วโลก
ได้พิจารณาเกี่ยวกับเทคโนโลยี เกิดใหม่ เช่นปัญญาประดิษฐ์ (Artificial
Intelligence) วิทยาการหุ่นยนต์ (Robotics) เทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือน
(Virtual Reality) เทคโนโลยีเออาร์ (Augmented
Reality) และ คลาวด์ คอมพิวติ้ง ว่าจะพลิกโฉมการใช้ชีวิ ตและการทำงานของเราภายในทศวรรษห น้าอย่างไรบ้าง รายงานในหัวข้อ “The Next Era of
Human-Machine Partnerships” เกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างมนุ ษย์และเครื่องกลในยุคถัดไป
ยังให้มุมมองเชิงลึกว่าผู้บริโภ คและองค์กรธุรกิจสามารถเตรี ยมพร้อมรับมือกับการเปลี่ ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสังคมอย่ างต่อเนื่องได้อย่างไรเช่นกัน
ตามรายงานได้คาดการณ์ว่า เทคโนโลยีเกิดใหม่ที่ได้แรงสนับ
·
ให้ประสิทธิภาพและความเป็นไปได้ มากขึ้นกว่าที่เคยมีมา
ช่วยให้มนุษย์อยู่เหนือข้อจำกัด ทั้งปวง
·
มนุษย์
จะมีบทบาทคือเป็น “ผู้ควบคุมดิจิทัล” โดยมีเทคโนโลยีทำหน้าที่เป็นส่ว นขยายอีกภาค
ช่วยให้ควบคุมและจัดการชีวิตประ จำวันได้ดียิ่งขึ้น
·
งานจะวิ่งเข้าหาผู้คน
การนำเทคโนโลยีจับคู่ที่ล้ำหน้า และขับเคลื่อนด้วยข้อมูล จะช่วยให้องค์กรเฟ้นหาและว่าจ้า งผู้ที่มีความสามารถพิเศษจากทั่ วโลกที่เหมาะกับงานได้
·
ผู้คนจะเรียนรู้กับคำว่า
“ในตอนนี้” เพราะย่างก้าวของการเปลี่ยนแปลง จะเกิดขึ้นเร็วจนก่อให้เกิดอุตส าหกรรมใหม่ขึ้น
พร้อมกับที่ต้องอาศัยทักษะใหม่ๆ มาช่วยให้อุตสาหกรรมนั้นอยู่รอด ได้
เดลล์ เทคโนโลยีส์
สนับสนุนการจัดทำการศึกษาขึ้ นเพื่อช่วยให้องค์กรมีเข็มทิ ศในการก้าวไปสู่โลกที่ไม่แน่ นอนและเตรียมพร้อมรับอนาคต ปัจจุบันการปฏิรูปสู่ดิจิทัลทำใ ห้อุตสาหกรรมต่างๆ
มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิ ง
เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สมั ยใหม่ที่ผู้นำโลกไม่สามารถทำนาย ได้ว่าอุตสาหกรรมจะดำเนินต่อไปต ามเส้นทางอย่างไร
สอดคล้องตาม ดัชนีการปฏิรูปสู่ดิจิทัลของเดล ล์ ที่ว่า 61
เปอร์เซ็นต์ของผู้นำธุรกิจในภาค พื้นเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นมีป ระสบการณ์ครั้งสำคัญจากการปฏิรู ปที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมของตนอั นเป็นผลพวงมาจากเทคโนโลยีดิจิทั ล
และกว่าครึ่งขององค์กรธุรกิจเชื่ อว่ามีความเป็นไปได้ที่บริษัทขอ งตนจะถูกทิ้งให้อยู่ข้างหลังภาย ใน
3 ถึง 5 ปีข้างหน้า
“เราได้รับรู้ภาพรวมที่สุดโต่งใ น 2 มุมมองเกี่ยวกับเครื่องกลและอนา คต
ปัญหาที่เกิดจากความกังวลเรื่อง การว่างงานเนื่องจากความก้าวหน้ าทางเทคโนโลยี (Technological
Unemployment) หรือมุมมองในแง่บวกเกินไปที่ว่า เทคโนโลยีจะรักษาอาการป่วยของสั งคมและสภาพแวดล้อมทั้งหมดได้”
ราเชล แมคไกวร์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย สถาบันแห่งอนาคต กล่าว “ในทางกลับกัน เราต้องเน้นที่ความสัมพันธ์รูปแ บบใหม่ระหว่างเทคโนโลยีและผู้คน ว่าจะเป็นยังไงมากกว่า
และเราจะเตรียมรับมือเรื่องนี้ไ ด้อย่างไร ซึ่งถ้าเราได้มีส่วนร่วมในการทำ งานอย่างหนักเพื่อสร้างขุมพลังแ ห่งความร่วมมือระหว่างมนุษย์และ เครื่องกลได้สำเร็จ
ผลกระทบต่อสังคมก็จะช่วยให้ทุกค นได้รับประโยชน์”
“องค์กรธุรกิจทั่วภาคพื้นเอเชีย แปซิฟิกไม่ควรเพิกเฉย
และควรคิดซะตั้งแต่วันนี้ว่ าจะร่วมมือและใช้เครื่องกลอย่ างไรในอนาคต
ความร่วมมือระหว่างมนุษย์ และเครื่องกลจะกลายเป็นหั วใจสำคัญในการผลักดันให้เกิดข้ อได้เปรียบทางการแข่งขันในอี กไม่กี่ปีที่จะถึงนี้”
เดวิด เว็บสเตอร์ ประธานฝ่ายเอ็นเตอร์ไพร์ซประจำภ าคพื้นเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น
เดลล์ อีเอ็มซี กล่าว “เทคโนโลยีเกิดใหม่เหล่านี้ จะช่วยสร้างความร่วมมือดังกล่าว
ซึ่งองค์กรเอ็นเตอร์ไพร์ซเองต้อ งมั่นใจว่ามีระบบโครงสร้างพื้นฐ านไอทีสมัยใหม่ซึ่งเป็นสิ่ งจำเป็นในการเร่งสร้ างอนาคตในโลกดิจิทัลได้”
รายงานยังได้เน้นให้เห็นถึงประเ ด็นต่อไปนี้
·
ในปี
2030 การพึ่งพาเทคโนโลยีของมนุษย์
จะพัฒนาไปสู่ความร่วมมืออย่ างจริงจัง อันจะนำมาซึ่งทักษะ เช่นความคิดสร้างสรรค์
ความปรารถนา และกรอบความคิดของการเป็นผู้ประ กอบการ ที่จะดำเนินไปอย่างสอดคล้องกับค วามสามารถของเครื่องกลที่มาพร้อ มความเร็ว
ระบบออโตเมชัน และประสิทธิภาพ และจะให้ผลลัพธ์ในแง่ของผลผลิ ตที่จะช่วยสร้ างบทบาทและโอกาสใหม่ๆ
ให้กับอุตสาหกรรม
·
เมื่อถึงปี
2030 ผู้ช่วยที่เป็น
AI (Artificial Intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์ซึ่งทำหน้าที่ ได้แบบบูรณาการและให้ความช่วยเห ลือได้ตรงความต้องการเฉพาะ
จะช่วยงานได้มากกว่าที่ผู้ช่วยจ ริงๆ ทำได้ในปัจจุบัน โดยผู้ช่วยที่เป็นปัญญาประดิษฐ์ นี้จะอาศัยการคาดการณ์และการดำเ นินการในแบบอัตโนมัติเข้ามาช่วย ดูแลเรา
·
เทคโนโลยีไม่จำเป็นว่าจะเข้ามาแ ทนที่คนทำงาน
แต่กระบวนการในการหางานจะเปลี่ย นไป การทำงานจะไม่ใช่เรื่ องของสถานที่แต่จะเป็นเรื่ องของงานที่ต้องทำต่อๆ
ไป
เทคโนโลยีการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ของเครื่องกลจะทำให้สามารถค้นหา ทักษะของแต่ละคนรวมถึงความสามาร ถในการแข่งขันได้
และองค์กรก็จะตามหาผู้ที่มีความ สามารถพิเศษที่โดดเด่นที่สุดสำห รับงานแต่ละงาน
·
จาก
85 เปอร์เซ็นเตอร์ของงานที่ประเมิน ในปี
2030 ยังไม่เกิดขึ้น ก้าวย่างแห่งความเปลี่ยนแปลงจะเ กิดขึ้นรวดเร็วจนผู้คนเรียนรู้คำ ว่า
“ในตอนนี้” ในการใช้เทคโนโลยีใหม่เช่น AR และ VR ทั้งนี้ ความสามารถในการได้มาซึ่งความรู้ ใหม่จะมีค่ามากว่าตัวความรู้เอง
“ผู้คนทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กั บเครื่องกลมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ
โดยในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกและญี่ ปุ่น เราเห็นว่ามีการนำเทคโนโลยีเกิด ใหม่มาใช้อย่างรวดเร็ว
เช่น VR คลาวด์ และ AI ทำให้เกิดการปฏิวัติด้านความร่ว มมือและเกิดพลังระหว่างมนุษย์แล ะเครื่องกล”
อมิท มิธา ประธาน ฝ่ายคอมเมอร์เชียลประจำภาคพื้นเ อเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น เดลล์
อีเอ็มซี กล่าว “ความร่วมมือนี้จะเป็นสิ่งที่ต้ องอยู่ร่วมกันไป
เครื่องกลให้ความเร็ว ให้การทำงานในแบบอัตโนมัติ และมนุษย์เป็นผู้ตัดสิน
ที่มีความคิดสร้างสรรค์ และมีความสามารถในการแก้ปัญหา
เกี่ยวกับเดลล์ เทคโนโลยีส์
เดลล์เทคโนโลยีส์ ประกอบด้วยกลุ่มธุร กิจที่มีลักษณะเฉพาะที่มอบโครงส ร้างพื้นฐานที่จำเป็นและสำคัญใน การสร้างอนาคตดิจิทัลให้แก่องค์ กรธุรกิจ
ทั้งเปลี่ยนรูปแบบของไอที และให้การปกป้องข้อมูลที่ถือเป็ นสินทรัพย์สำคัญ เดลล์
เทคโนโลยีส์ให้การดูแลสนับสนุ นลูกค้าทุกขนาดองค์กรใน 180 ประเทศ - เริ่มตั้งแต่ 98 เปอร์เซ็นต์ของบริษัทที่จัดอั นดับใน Fortune 500 ไปจนถึงลูกค้ารายย่อย
–
ด้วยสายผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่ สมบูรณ์พร้อมที่สุดตั้งแต่ ปลายทางสู่ส่วนกลางตลอดจนคลาวด์ เดลล์
เทคโนโลยีส์ ประกอบด้วยแบรนด์ต่างๆ ดังต่อไปนี้ เดลล์ เดลล์ อีเอ็มซี พิโวทอล อาร์เอสเอ
ซิเคียวเวิร์คส์ เวอร์ทุสสตรีม และวีเอ็มแวร์
เกี่ยวกับสถาบันเพื่ออนาคต
สถาบันเพื่ออนาคต (IFTF -- Institute for the Future) คือองค์กรอิสระที่ไม่แสวงหากำไร 501(c)(3)ด้านการวิจัยเชิงกลยุท ธ์และการศึกษาที่มีประสบการณ์กา รคาดการณ์ล่วงหน้ามาเกือบ 50 ปี หัวใจในการทำงานของเราคือการจำแ นกแนวโน้มที่เกิดขึ้นใหม่ (emerging trend) และภาวะการขาดการต่อเนื่องที่จะ เปลี่ยนแปลงสังคมและตลาดธุรกิ จทั่วโลก
งานวิจัยของเราก่อให้เกิดการมอง การณ์ไกลล่วงหน้าที่จำเป็นต่อกา รสร้างมุมมองในเชิงลึกที่นำไปสู่ การดำเนินการและขยายขอบเขตอั นกว้างขวางของอนาคตที่ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ จากสุขภาพและการให้บริการทางสาธ ารณสุขไปจนถึงเทคโนโลยี
สถานทำงาน การเรียนรู้ และอัตลักษณ์ของมนุษย์ ในฐานะของสถาบันการศึกษา IFTF พยายามอย่างเต็มที่ที่จะดำเนินก ารตามมาตรฐานการใช้งานที่เป็นธร รมและตีพิมพ์เฉพาะแมตทีเรียลที่ เป็นสาธารณะภายใต้สัญญาอนุ ญาตครีเอทีฟคอมมอนส์ 4.0 (the Creative Commons 4.0 International License: CC BY-NC-ND 4.0)
สถาบันเพื่ออนาคต (IFTF) ตั้งอยู่ที่พาโล
อัลโต มลรัฐแคลิฟอร์เนีย (www.iftf.org)