ADS


Breaking News

“ฝึกออกกำลังกายพลังชี่กง “กวงอิมจื้อไจ้กง” 18 กระบวนท่า พลังปราณต้านโรค & นั่งสมาธิเสียวโจวเทียนไม่มีวันชรา”

ด้วยศาสตร์การแพทย์แผนจีนได้จัดให้ ชี่กงเป็นวิชาหนึ่งที่ใช้บำบัดโรคมาแต่โบราณ โดยแพทย์แผนปัจจุบันทั่วโลกยอมรับวิชาชี่กงให้เป็นแพทย์ทางเลือกผู้รักสุขภาพทุกคน  และการฝึกออกำลังกายพลังชี่กง “กวงอิมจื้อไจ้กง 18 กระบวนท่า พลังปราณต้านโรค ที่เปิดสอนอยู่ในปัจจุบันเน้นความรู้ศาสตร์แห่งชี่กงที่ยังไม่เป็นที่เข้าใจ หลักการเบื้องต้นของพลังบำบัด ตามด้วยท่าฝึกเพื่อบำบัดโรคของอวัยวะทุกส่วนของร่างกายตั้งแต่ศรีษะจรดเท้า ไม่เว้นแม้กระทั่งกระดูกสันหลัง ตา หู และสมองนับเป็นสุดยอดของการออกกำลังกาย และจะมีประโยชน์มากหากตามด้วยการฝึกนั่งสมาธิเสียวโจวเทียน ไม่มีวันชรา เป็นการนั่งสมาธิขั้นสูง
อาจารย์หยาง เผยเซิน ผู้อำนวยการศูนย์ชี่กงอาจารย์หยาง  เปิดเผยว่า  ชี่กง เป็นศาสตร์การแพทย์แผนจีนที่มีประวัติศาสตร์มานานกว่า 3,000 ปี และก็ยังมีมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งย่อมแสดงให้เห็นว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์และใช้ได้จริง มิเช่นนั้น ชี่กง คงต้องสูญหายไปนานแล้ว
ภายในช่วง 100 ปีที่โลกได้เข้าสู่วิทยาศาสตร์แห่งฟิสิกส์ใหม่ที่เรียกว่า “ควอนตัมฟิสิกส์” ซึ่งกล่าวถึงมวลสารและพลังงานทำให้คนในยุคปัจจุบันเข้าใจศาสตร์ชี่กงมากขึ้น จึงได้จัดให้ ชี่กง เป็นศาสตร์การแพทย์ร่วมสมัยในกลุ่มของ “การแพทย์พลังงาน” และเป็นเหตุให้ชี่กงเริ่มเป็นที่สนใจของคนทั่วไปรวมทั้งแพทย์แผนปัจจุบัน
มนุษย์เมื่อพลังไม่พอ (ชี่ไม่พอ) จึงเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคภัยแต่เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องนี้ ทุกๆ วันล้วนใช้พลังงานจำนวนมากไปอย่างสิ้นเปลืองโดยไม่รู้ตัว เมื่อพลังงานลดต่ำลงจนถึงระดับเสี่ยง หากไม่รู้จักรับพลังงาน ท้ายสุดย่อมนำไปสู่ภาวะเกิดโรคได้เปรียบเหมือนเรากำลังขับรถ เราย่อมตระหนักถึงปริมาณน้ำมัน เมื่อใกล้หมดก็มีสัญญาณเตือน เราก็เข้าใจได้ทันทีว่าต้องเติมน้ำมัน หากเราไม่เติมฝืนขับรถไป เมื่อน้ำมันแห้งหมด รถก็วิ่งไม่ได้แล้วนั่นเอง ร่างกายมนุษย์ก็เป็นเช่นเดียวกน เมื่อพลังงานไม่พอ ร่างกายก็จะส่งสัญญาณเตือน เราจึงต้องรู้เท่าทันพลังงาน รู้จักวิธีเติมพลังงานเข้าสู่ร่างกาย เช่นนี้แล้วจึงป้องกันโรคได้ ลดปัจจัยการเกิดโรค โดยหนังสือเล่มมนี้ได้เน้นเขียนถึงวิธีรับพลังงานเข้าสู่ร่างกาย
ตำราแพทย์ศาสตร์ “สู้เวิ่น” ที่กล่าวไว้ว่า “
เมื่อร่างกายมีพลังต้านทาน โรคภัยก็ไม่สามารถอย่างกรายเข้าไป”
สำหรับท่าฝึกออกกำลังกายพลังชี่กง “กวงอิมจื้อไจ้กง” 18 กระบวนท่า ที่คิดค้นโดยอาจารย์หยาง ประกอบด้วย ท่าที่ 1 ขับขุ่นลดพิษ ท่าที่2 พระกิมกังกระทุ้งกระบอง  ท่าที่ 3 ฟ้าประทาน  ท่าที่ 4 ฟองคลื่อนผกผัน ท่าที่ 5 ลมโชยดอกบัว  ท่าที่ 6 เสาหยกหันหวน ท่าที่ 7 ธรรมศรีระเปล่งแสง ท่าที่ 8 นาคสาวเล่นน้ำ ท่าที่ 9 พายเรือข้ามฟาก ท่าที่ 10 กระจกวิเศษส่องตา ท่าที่ 11 ดอยคู่กระทบโสต ท่าที่ 12 สงฆ์ชราลูบศรีษะ ท่าที่ 13 บัวบานบัวหุบ ท่าที่ 14 ธรรมจักรหมุนรอบ ท่าที่ 15 ทะลวงศูนย์บัญชาการ ท่าที่ 16 ฟ้าประสานดิน ท่าที่ 17 ฟ้าสลับดิน ท่าที่ 18 โอบอุ้มพระธาตุ ท่าที่ 18 ท่าเก็บพลัง (ท่ายุติการฝึก)
หลักสำคัญควรเตรียมร่างกายและจิตใจให้พร้อม เพราะเป็นการฝึกกำหนดจิตตามไปด้วย  เพื่อเหนี่ยวนำให้เกิดพลังได้เร็ว ร่างกายผ่อนคลาย จิตเป็นสมาธิ
ท่าทางในการฝึกจำเป็นต้องปรับท่าทางให้ถูกต้องให้ผลในการฝึก 10%
การหายใจ เวลาฝึกชี่กงการหายใจต้องหายใจให้ลึกถึงท้องน้อย และค่อยๆ ฝึกจนชำนาญ จนสามารถหายใจเข้า-ออก ได้ลึกถึงท้องน้อย ได้เบาและสม่ำเสมอ โดยไม่มีการเกร็ง การหายใจถูกต้องให้ผลในการฝึก 10%
     การกำหนดจิตหมายถึง การสร้างจินตนาการ หรือจินตภาพควบคู่ไปกับการฝึก ในการฝึกวิชาชี่กงนั้น “จิตสำคัญที่สุด” กล่าวได้ว่าจิตทำให้การฝึกชี่กงได้ประสิทธิผลเกี่ยวเนื่องอยู่ถึง 80% ถ้าปราศจากการกำหนดจิต การฝึกของท่านก็คือการบริหารร่างกายทั่วๆ ไปเท่านั้น