ADS


Breaking News

บี.กริม เพาเวอร์ เตรียมเปิดจองไอพีโอระดมทุนขยายธุรกิจโรงไฟฟ้า ตอกย้ำศักยภาพความเป็น SPP รายใหญ่สุดของไทย พร้อมต่อยอดความสำเร็จในระดับภูมิภาค

     บี.กริม เพาเวอร์ ‘BGRIM’ ประกาศแผนขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกหรือไอพีโอ 716.9 ล้านหุ้น เคาะช่วงราคาเสนอขาย 15.00 – 16.50 บาทต่อหุ้น เปิดจอง 3 – 6 กรกฎาคม 2560 โดยเตรียมเข้าซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) 19 กรกฎาคม 2560 พร้อมชวนนักลงทุนรายย่อยร่วมงานโรดโชว์เพื่อรับฟังการสรุปข้อมูลหุ้น ‘BGRIM’ ในวันที่ 26 มิถุนายนนี้ ตีแผ่แบ็กล็อกที่จะเริ่มรับรู้รายได้ภายใน 5 ปี และอัพเดทแนวโน้มการขยายธุรกิจในอนาคต มุ่งสู่เป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้า 5,000 เมกะวัตต์ จากการขยายกำลังการผลิตทั้งในประเทศและในระดับภูมิภาค เพื่อรองรับความต้องการพลังงานที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
     มร. ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บี.กริม เพาเวอร์ เป็นหนึ่งในผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าอุตสาหกรรมรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย พร้อมขยายขอบข่ายธุรกิจไปสู่การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนทั้งในประเทศและต่างประเทศตามวิสัยทัศน์ “สร้างพลังให้กับสังคมโลกด้วยความโอบอ้อมอารี” โดยปัจจุบัน บริษัทฯ ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าจำนวนทั้งสิ้น 43 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้าที่เปิดให้ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว 28 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 1,626 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 5 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 419.1 เมกะวัตต์ และโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 10 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 338.5 เมกะวัตต์ รวมเป็นทั้งสิ้น 2,357 เมกะวัตต์ ภายในปี 2564 โดย บี.กริม เพาเวอร์ ดำเนินธุรกิจมากว่า 24 ปี ภายใต้กลุ่ม บี.กริม ที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมานานกว่า 139 ปี นับเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่ง บี.กริม เพาเวอร์ ถือเป็นธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัทฯ ที่มีศักยภาพการเติบโตที่ชัดเจน มีฐานลูกค้าและมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าและไอน้ำระยะยาวกับลูกค้าเรียบร้อยแล้ว อาทิ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตส่วนภูมิภาค (กฟภ.) รัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว (EDL) และลูกค้าอุตสาหกรรมอีกกว่า 300 ราย ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” 
     นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยของบริษัทฯ เป็นความตั้งใจที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการขยายธุรกิจให้เต็มศักยภาพ โดยบริษัทฯ มีข้อได้เปรียบในการแข่งขันอย่างรอบด้าน ทั้งความเป็นเลิศด้านการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพสูง มีโรงไฟฟ้าอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมชั้นนำทั้งในไทยและเวียดนาม ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยตามมาตรฐานสากล ผนวกกับความชำนาญและความเชี่ยวชาญของทีมบริหารและทีมวิศวกรในการพัฒนาโรงไฟฟ้าหลายรูปแบบ ทั้งโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมและพลังงานหมุนเวียน มีการเติบโตที่ชัดเจนจากโครงการโรงไฟฟ้าที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแล้ว ร่วมด้วยการมีพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งทั้งในไทยและต่างประเทศ สำหรับการทำไอพีโอครั้งนี้ คาดว่าบริษัทฯ จะได้เงินระดมทุนประมาณ 9,800 – 10,800 หมื่นล้านบาท จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกจำนวนไม่เกิน 716.9 ล้านหุ้น (ในกรณีที่มีการจัดสรรหาหุ้นส่วนเกิน)  แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 651.8 ล้านหุ้น และจัดสรรหุ้นส่วนเกินจำนวนไม่เกิน 65.1 ล้านหุ้น ในช่วงราคาเสนอขาย 15.00 - 16.50 บาท ซึ่งทางบริษัท ฯ มีแผนจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้า SPP และโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง  พร้อมทั้งชำระคืนภาระทางการเงิน และเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ
     ทั้งนี้ ความสำเร็จและศักยภาพการเติบโตของ บี.กริม เพาเวอร์ สามารถสะท้อนได้จากความแข็งแกร่งของรายได้ของบริษัทฯ ซึ่งฉายแววสดใสถึงอนาคต โดยในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา (2557 - 2559) ด้วยรายได้การขายและการให้บริการที่มีอัตราการเติบโตของรายร้อยละ 18.2 (19,854 ล้านบาท 23,943 ล้านบาท และ 27,747 ล้านบาท ตามลำดับ) ส่วนไตรมาสแรกของปี 2560 บริษัทฯ มีรายได้ฯ  7,651 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า  เช่นเดียวกับกำไรสุทธิปรับปรุงส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ตั้งแต่ปี 2557 – 2559 ที่เติบโตขึ้นร้อยละ 89.4 (325 ล้านบาท 713 ล้านบาทและ 1,166 ล้านบาท ตามลำดับ) และในไตรมาสแรกของปี 2560 บริษัทฯ มีกำไรฯ 421 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่วน EBITDA ตั้งแต่ปี 2557 – 2559 เติบโตขึ้นร้อยละ 40.4 4 (3,804 ล้านบาท 4,900 ล้านบาทและ 7,494 ล้านบาท ตามลำดับ) และในไตรมาสแรกของปี 2560 บริษัทฯ มี EBITDA 2,133 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
     สำหรับในช่วง 5 ปีนี้ (2560 - 2564) บริษัทฯ มีโรงไฟฟ้าทยอยเปิดให้ดำเนินการเชิงพาณิชย์และรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและกำลังพัฒนา โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแล้วอย่างน้อยอีก 15 โครงการ ดังนี้

2560: โรงไฟฟ้าพลังน้ำ เซน้ำน้อย 2 - เซกะตำ 1 ใน สปป.ลาว กำลังการผลิตรวม 20 เมกะวัตต์
        (คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้ดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้)
2561: โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม ABPR3 ABPR4 และ ABPR5 ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ กำลังการ
        ผลิตรวม 399 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำแจ 1 ใน สปป.ลาว กำลังการผลิต 15 เมกะวัตต์
        รวมเป็นกำลังการผลิตทั้งหมด 414 เมกะวัตต์
2562: โรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำคาว 1-5 ใน สปป.ลาว กำลังการผลิตรวม 68 เมกะวัตต์
2563: โรงไฟฟ้าพลังงานลม บ่อทอง 1 และ 2 กำลังการผลิตรวม 16 เมกะวัตต์
2564: โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม BGPR1 และ BGPR2 ในนิคมอุตสาหกรรม วี.อาร์.เอ็ม.
        กำลังการผลิตรวม 240 เมกะวัตต์
     “นอกจากการขยายธุรกิจใน สปป.ลาว ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเซกอง 4 ราว 350 เมกะวัตต์ ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการเจรจาเสนอขายไฟฟ้าแล้ว บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะเข้าลงทุนในโครงการ SPP Hybrid Firm และธุรกิจติดตั้ง Solar Rooftop บนหลังคาโรงงานลูกค้าของบริษัทฯ พร้อมเทคโนโลยี Energy Storage เพื่อช่วยลดความต้องการใช้ไฟฟ้าในช่วงพีค รวมถึงโครงการโซล่าร์ฟาร์มสำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ฯ ระยะที่ 2 ซึ่งบริษัทฯ ได้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าแล้วจำนวน 24 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการรอจับฉลากอีกจำนวน 14 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมความพร้อมที่จะพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้า SPP ซึ่งมีกำลังการผลิตไฟฟ้าโรงละ 140 เมกะวัตต์ เพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าเดิมอีก 3 โครงการ รวมทั้งศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศมาเลเซีย และประเทศกัมพูชา รวมถึงประเทศอื่นๆในอาเซียนอีกด้วย” คุณปรียนาถกล่าวเสริม

     หุ้น ‘BGRIM’ ถือว่าได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก ทั้งกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศไทยและต่างประเทศ  ทั้งนี้ ทางบริษัทฯ ได้ลงนามสัญญาลงทุนในหุ้นกับนักลงทุนสถาบันที่เป็น Cornerstone Investors แล้ว 3 ราย ได้แก่ สถาบันการเงินที่มีชื่อเสียงระดับสากลอย่าง Asian Development Bank, บริษัทประกันชีวิตแถวหน้าในประเทศไทยอย่าง บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้ตกลงจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายเป็นจำนวนรวม 201 ล้านหุ้น ที่ราคาเสนอขายสุดท้ายในการเสนอขายหุ้นครั้งนี้
     “การทำไอพีโอครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะสนับสนุนการดำเนินงานของ บี.กริม เพาเวอร์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจำนวน 5,000 เมกะวัตต์ เพื่อป้อนเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ผ่านการสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงาน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เจริญเติบโต ไปพร้อมกับการพัฒนาสังคมให้สามารถก้าวสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนและพึ่งพาตนเองได้ รวมถึงการสร้างคุณค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายของบริษัทฯ” นางปรียนาถกล่าวปิดท้าย
     โดย ‘BGRIM’ จะเปิดจองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 3 - 6 กรกฎาคม 2560 ในราคาหุ้นละ 16.50  บาท ซึ่งเป็นราคาเสนอขายสูงสุดของช่วงราคาเสนอขายที 15.00 – 16.50  บาท และคาดว่าจะประกาศราคาเสนอขายสุดท้ายได้ในวันที่ 7 กรกฎาคม 2560  นักลงทุนที่สนใจสามารถมาฟังข้อมูลเพิ่มเติมได้ในงานโรดโชว์บรรยายสรุปข้อมูลการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ของ ‘BGRIM’ ได้ในวันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน 2560 เวลา 13.30 – 16.30 น. ณ หอประชุมศุกรีย์ แก้วเจริญ ชั้น 3 อาคาร B ตลาดหลักทรัพย์เเห่งประเทศไทย และขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนและใบจองซื้อ รวมถึงจองซื้อหุ้นได้ที่ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย ซึ่งประกอบด้วย
  • บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โทรศัพท์ 0-2696-0000
  • บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) โทรศัพท์ 0-2231-3777 และ 0-2618-1000
  • บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน)โทรศัพท์ 0-2305-9000
และผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย คือ
  • บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด
  • บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด
  • บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน)
  • บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
  • บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด
  • บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด

คำเตือน
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวนก่อนการตัดสินใจลงทุน

ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท บี. กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน)
     บี.กริม เพาเวอร์ หนึ่งในผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเอกชนชั้นนำของประเทศไทย ที่มีฐานการลงทุนทั้งในประเทศและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้ กลุ่ม บี.กริม ผู้บุกเบิกการพัฒนาเทคโนโลยีและระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยมากว่า 139 ปี

ด้วยข้อได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจดังนี้
- หนึ่งในผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าอุตสาหกรรมรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม
 ชั้นนำของประเทศ
-  ประสบการณ์และความชำนาญในการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมและพลังงานหมุนเวียน
-  คณะผู้บริหารมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ยาวนานในอุตสาหกรรม
-  มีการเติบโตที่ชัดเจนจากโครงการโรงไฟฟ้าที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแล้ว
-  มีพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ

โครงการปัจจุบัน
บริษัทฯ ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าจำนวนทั้งสิ้น 43 โครงการ ดังนี้
  • โรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว 28 โครงการ มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 1,626 เมกะวัตต์และกำลังการผลิตไอน้ำติดตั้ง 350 ตันต่อชั่วโมง   
  • โรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างรวม 5 โครงการ มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 419.1 เมกะวัตต์และกำลังการผลิตไอน้ำติดตั้ง 90 ตันต่อชั่วโมง  
  • โครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 10 โครงการ รวมกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 338.5 เมกะวัตต์ และกำลังการผลิตไอน้ำติดตั้ง 60 ตันต่อชั่วโมง

บี.กริม เพาเวอร์ เริ่มลงทุนในโครงการพลังงานหมุนเวียนตั้งแต่ปี 2558 และมีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตสำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมและสนองนโยบายของรัฐบาล นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนในธุรกิจซื้อขายไฟฟ้าในประเทศเวียดนามและโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป. ลาวรวม 8 โครงการ  รวมทั้งกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้า ในประเทศอินโดนีเซีย เมียนมาร์ มาเลเซีย เวียดนาม กัมพูชา และฟิลิปปินส์

กำลังการผลิตในอนาคต
เมื่อโครงการโรงไฟฟ้าก่อสร้างและพัฒนาเสร็จตามแผนภายในปี 2564 บริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 2,357 เมกะวัตต์ ได้แก่
  • โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 2,111.1 เมกะวัตต์  และกำลังการผลิตไอน้ำติดตั้งรวม 500 ตันต่อชั่วโมง
  • โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 114.2 เมกะวัตต์
  • โรงไฟฟ้าพลังน้ำ 102.6 เมกะวัตต์
  • โรงไฟฟ้าพลังงานลม 16.0 เมกะวัตต์
  • โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนที่ใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิง 13.0 เมกะวัตต์

ภาพรวมทางการเงิน
โดยเรามีผลประกอบการดีอย่างต่อเนื่อง 3 ปี ด้วยอัตราการเติบโตของรายได้ 17% และอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิปรับปรุง 89%
รายการ
31 ธค 2557
31 ธค 2558
31 ธค 2559
31 มีนา 2560
รายได้รวม (ล้านบาท)
19,854.1
23,943.1
27,746.9
7,650.9
สินทรัพย์รวม (ล้านบาท)
47,952.8  
62,793.1  
76,046.6  
77,262.1
กำไรขั้นต้น (ล้านบาท)
3,007.4
3,750.6
5,686.4
1,640.6
อัตรากำไรขั้นต้น (ร้อยละ)
15.1
15.7
20.5
21.4
กำไรสุทธิปรับปรุงส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่(1)  (ล้านบาท)
325
713
1,166
421
อัตรากำไรสุทธิปรับปรุง (ร้อยละ)
4.0
5.3
7.5
8.9
อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น(Interest Bearing Debt)
4.6
6.3
4.8
4.3
อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ร้อยละ)
7.0
1.3
234.4
41.8
  1. กำไรสุทธิโดยไม่รวมกำไร/ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้/ที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงและการตัดจำหน่ายสินค้าคงเหลือ
จุดแข็งของบริษัท:
    • ประสบการณ์และทีมงานที่มีความสามารถ - บี.กริม เพาเวอร์ เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมผู้ผลิตไฟฟ้าภาคเอกชนของประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536  มีทีมผู้บริหารและทีมงานที่ได้ร่วมงานกับ บี.กริม เพาเวอร์ มากว่า 20 ปี ด้วยประสบการณ์ที่หลากหลายทั้งในด้านการจัดหาสัญญาซื้อขายไฟฟ้า การพัฒนา ออกแบบและการก่อสร้างโรงไฟฟ้า การบริหารจัดการการบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าและระบบสายส่งไฟฟ้าและท่อไอน้ำที่ บี.กริม เพาเวอร์ เป็นเจ้าของ รวมถึงการจัดหาแหล่งเงินทุนที่เหมาะสมในการก่อสร้างโรงไฟฟ้า
    • ความแกร่งด้านการลงทุน: บี.กริม เพาเวอร์  มีส่วนสำคัญในการดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ต้องการความมั่นคงของไฟฟ้าที่ใช้ในกระบวนการผลิตสูงเช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นต้น
    • ความมั่นใจและมั่นคงในการจ่ายไฟฟ้าคุณภาพสูง: ปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จประการหนึ่งและมีความสำคัญมาก คือ ความมั่นใจด้านประสิทธิภาพและเสถียรภาพในการจ่ายไฟฟ้าคุณภาพสูง  และการบริการระดับโลก  ที่เกิดจากการเลือกใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย จากผู้ผลิตเครื่องจักรชั้นนำของโลก ที่ทำให้สามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงที่สุด
    • สัญญาซื้อขายไฟฟ้า:  บริษัทมีความมั่นคงทางด้านรายได้ จากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว ทั้งกับ กฟผ. (มีอายุสัญญา 21 ถึง 25 ปี) กฟภ. (มีอายุสัญญา 25 ปี) EDL (มีอายุสัญญา 25 ปี) สัญญาการจัดหาก๊าซธรรมชาติกับ ปตท. (ซึ่งจะมีระยะเวลาของสัญญาสอดคล้องกับระยะเวลาของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่างกลุ่มบริษัทฯ และ กฟผ.) และลูกค้าอุตสาหกรรม (มีอายุสัญญา 5 ถึง 15 ปี) ผ่านโครงข่ายไฟฟ้าและไอน้ำของบริษัท ครอบคลุมผู้ใช้ไฟฟ้าที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรมกว่า 300 ราย ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมชั้นนำทั้งในไทยและต่างประเทศ ประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ สวนอุตสาหกรรมบางกะดี นิคมอุตสาหกรรมเหมราช นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง  และนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ เบียนหัว

แผนการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน
  • ตลาดรอง: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
  • ประเภทธุรกิจ: กลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากร หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค
  • สถานะ: ได้รับการอนุมัติจาก ก.ล.ต.
  • วัตถุประสงค์:  บริษัทฯ มีแผนที่จะระดมทุนเพื่อ
  • เป็นเงินลงทุนในโครงการที่กำลังก่อสร้าง ได้แก่  ABPR3 ABPR4 ABPR5 โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเซน้ำน้อย 2 - น้ำเซกะตำ 1
  • เงินทุนสำหรับลงทุนในโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและโครงการในอนาคต
  • เงินทุนสำหรับการชำระคืนภาระทางการเงินให้แก่ธนาคารต่างๆ
  • เงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัทฯ และเพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ ของบริษัทฯ
  • จำนวนหุ้นสามัญที่ออกใหม่จากการเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไปครั้งแรกไม่เกิน  716,900,000 หุ้น แบ่งเป็น
    • หุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 651,800,000 หุ้น
    • หุ้นส่วนเกิน จำนวนไม่เกิน 65,100,000 หุ้น
-     ที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหลักทรัพย์ คือบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์
ภัทร จำกัด (มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

  • ผู้จองซื้อหลักทรัพย์เบื้องต้นในต่างประเทศ : CIMB Securities (Singapore) Pte. Ltd. และ Deutsche Bank AG, Hong Kong Branch

  • การจองซื้อหุ้น
ผู้สนใจสามารถขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายหุ้นสามัญและใบจองซื้อ ตลอดจนส่งใบจองซื้อพร้อมเอกสารประกอบได้ที่สาขาของผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหลักทรัพย์ ประกอบด้วย
  • บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
ที่อยู่ติดต่อ 400/22 อาคารธนาคารกสิกรไทย ชั้น 1, 3, 11 และ 19ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400โทรศัพท์ 0-2696-0000 โทรสาร 0-2696-0099 www.kasikornsecurities.com
  • บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน)
ชั้น 29 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์191 ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500 โทรศัพท์ 0-2231-3777 และ 0-2618-1000 โทรสาร 0-2618-1469 www.bualuang.co.th
  • บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน)
ชั้น 6, 8-11 อาคารสำนักงานเมืองไทย-ภัทร 1 252/6 ถนนรัชดาภิเษก แขวงห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310โทรศัพท์ 0-2305-9000 โทรสาร 0-2693-2355 www.phatrasecurities.com

และผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย คือ
  • บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด
  • บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด
  • บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน)
  • บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
  • บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด
  • บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด

  • กำหนดการที่สำคัญ
    • วันจัดโรดโชว์ วันที่ 26 มิถุนายน 2560
    • ช่วงเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก วันที่ 3 – 6 กรกฎาคม 2560
    • วันเข้าซื้อขายหุ้นวันแรก ประมาณวันที่ 19 กรกฎาคม 2560

  • การจัดสรรหุ้นให้แก่นักลงทุนสถาบันจะอยู่ในดุลยพินิจของผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายดังกล่าวข้างต้น

คำเตือน
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวนก่อนการตัดสินใจลงทุน