ADS


Breaking News

“สหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 21” จัดยิ่งใหญ่ รองรับนักลงทุนไทย&เทศ กว่า 600 ราย เดินหน้าเจรจาการค้า เซ็นสัญญาลงทุน ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพิ่มความสะดวกในการช้อป ต้อนรับกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น

เครือสหพัฒน์ ยกทัพนวัตกรรมสินค้าและบริการมาจัดแสดงศักยภาพสู่สายตานักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศที่พร้อมใจเข้าร่วมงานกว่า 600 ราย ในงานสหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 21 และยังใช้งานนี้เป็นเวทีเซ็นสัญญาลงทุนกับพันธมิตรใหม่ สานพลังขับเคลื่อนประเทศด้วยโครงการประชารัฐ ฉลองแบรนด์ BSC ครบรอบ 20 ปี พร้อมทั้งนำสินค้าอุปโภคบริโภคราคาพิเศษกว่า 1,000 คูหา มาจำหน่ายให้นักช้อป ต้อนรับกำลังซื้อที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อเป็นช่องทางใหม่และอำนวยความสะดวกในการช้อป พร้อมบริการส่งสินค้าฟรีถึงบ้าน  ตั้งเป้าประชาชนร่วมงานกว่า 1 ล้านคน เงินสะพัดกว่า 300 ล้านบาท
นายบุญเกียรติ โชควัฒนา ประธานกรรมการบริษัทและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานจัดงานสหกรุ๊ปแฟร์ กล่าวว่า งานสหกรุ๊ปแฟร์ปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 21 โดยจัดระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน – 2 กรกฎาคมนี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายใต้แนวคิด An Honest Digital World, BSC 20th Anniversary และสโลแกน คนดี สินค้าดี สังคมดี = ไทยแลนด์เบสต์ ซึ่งภายในงานจะมีการแสดงนวัตกรรม สินค้า และบริการใหม่ที่บริษัทในเครือสหพัฒน์ได้พัฒนาขึ้น เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งยังมีการเซ็นสัญญาร่วมทุนกับพันธมิตรใหม่ ทั้งโครงการ ไทเกอร์ สุวรรณภูมิ ดีซี ซึ่งจะช่วยพัฒนาระบบการจัดการซัพพลายเชนของเครือสหพัฒน์ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และโครงการความร่วมมือด้านอีคอมเมิร์ซกับ LAZADA Thailand

จากแนวคิดและสโลแกนของงานซึ่งให้ความสำคัญในเรื่องเทคโนโลยีดิจิทัล การครบรอบ 20 ปี BSC และการส่งเสริมสิ่งดีๆ ให้กับสังคม ในปีนี้ ผู้ร่วมงานจึงได้เห็นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลที่ตอบรับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่นิยมซื้อสินค้าและรับข่าวสารทางออนไลน์ ทั้งการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ Lazada และ ethailandbest.com และยังมี ICC App แอพพลิเคชั่นบนมือถือที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถรับข่าวสารเกี่ยวกับกิจกรรมและโปรโมชั่นต่างๆ และยังสามารถชมการถ่ายทอดสดกิจกรรมในงาน รวมทั้งดูย้อนหลังได้ นอกจากนี้ บริษัทต่างๆ ยังได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการจำหน่ายสินค้าและให้บริการ อาทิ BSC ใช้เทคโนโลยี Virtual Beauty Screen สำหรับทดลองแต่งหน้าเพื่อช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องสำอาง และ Sun108 Vending เปิดให้บริการชำระเงินผ่านทาง Alipay

ในส่วนของการฉลองครบรอบ 20 ปีแบรนด์ BSC นั้น จะมีทั้งการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ การขยายกลุ่มเป้าหมายใหม่ และนวัตกรรมใหม่ ในขณะที่การส่งเสริมสังคมดี จะมีการจัดแสดงโครงการประชารัฐที่เครือสหพัฒน์ได้จัดทำขึ้น เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการปฏิรูปและพัฒนาประเทศตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งประกอบด้วย โครงการประชารัฐที่ส่งเสริมทางด้านการศึกษา ได้แก่ สถานศึกษาต้นแบบทวิภาคี สานพลังประชารัฐ, ทบทวนความรู้สู่มหาวิทยาลัยกับสหพัฒน์, ประชารัฐขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงภาษาอังกฤษ และ Science on Mobile โครงการประชารัฐเพื่อสังคมที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพและความปลอดภัยในการขับขี่ ได้แก่ 80/28 Oral Health Promotion and Prevention, ประชารัฐร่วมใจ ต้านภัยมะเร็งเต้านมเพื่อชุมชน, ประชารัฐเกษตรอินทรีย์ และ ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย 100% (ห่วงใครให้ใส่หมวก) รวมทั้ง โครงการประชารัฐ เพื่อสังคมที่นำไปต่อยอดประกอบอาชีพได้ ได้แก่ เกษตรพอเพียง ดร.เทียม โชควัฒนา จังหวัดลำพูน, OCC สานพลังประชารัฐ พัฒนาความรู้ สู่เส้นทางสายวิชาชีพ, สีสันแห่งชีวิตใหม่ ผู้หญิงคิดบวก, ร้านค้าชุมชนคนพิการ, สอนถ่ายภาพสำหรับเยาวชน, สอนเย็บถุงผ้ามูลนิธิพระดาบสช่วยลดโลกร้อน และการเรียนการสอนอาชีพในสถานประกอบการ

“อีกหนึ่งไฮไลต์ในงานที่ทุกคนรอคอย คือ การจำหน่ายสินค้าเครือสหพัฒน์ในราคาพิเศษ กว่า 1,000 คูหา ซึ่งมีทั้งอาหารและเครื่องดื่ม ของใช้ภายในบ้าน เสื้อผ้า เครื่องหนัง รองเท้า เครื่องสำอาง เครื่องกีฬา เครื่องใช้ไฟฟ้า พร้อม บริการส่งสินค้าฟรีถึงบ้าน และยังมี กิจกรรมพิเศษ การประกวด แฟชั่นโชว์ การรับสมัครงาน และ การสัมมนามากมาย อาทิ สมัครงานอย่างไรให้ได้งาน, บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ, Healthy & Beauty, คิดบวก ชีวิตบวก, Digital Marketing ซึ่งทุกกิจกรรมเปิดให้ชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย” นายบุญเกียรติ กล่าว

นายบุญเกียรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า เครือสหพัฒน์ประเมินว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคและภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยนับจากนี้จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีให้งานสหกรุ๊ปแฟร์คึกคัก โดยคาดการณ์ว่าจะมีประชาชนมาร่วมงานกว่า 1 ล้านคน และมีเงินสะพัดกว่า 300 ล้านบาท สำหรับการตอบรับจากนักธุรกิจนั้น ในปีนี้มีนักธุรกิจจากในประเทศและต่างประเทศแจ้งความจำนงเข้าร่วมงานกว่า 600 ราย ซึ่งมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยประเทศที่ให้ความสนใจเข้าร่วมงานมาจากประเทศในกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม) รวมทั้งไต้หวันและจีน ซึ่งไต้หวันและจีนมีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมงานเพิ่มขึ้นถึง 100% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา