SMPC แย้ม Q2/60 สดใสออเดอร์ล่วงหน้าทะลัก เชื่อทั้งปียอดขายโต 15-20%
SMPC คาดแนวโน้มยอดขายโตขึ้นต่อเนื่อง หนุนผลงานเติบโตต่อเนื่องจากความต้องการใช้ถังแก๊ส LPG ในตลาดแอฟริกาและเอเชียใต้ที่เพิ่มขึ้น ประกาศยอดขายรวมไตรมาสแรกปีนี้อยู่ที่ 971.66 ลบ. เพิ่มขึ้น 19.7% ขณะที่กำไรสุทธิลดลง 13.23 ลบ. เหตุต้นทุนสูงขึ้นและค่าเงินบาทแข็งฉุดกำไร บิ๊กบอส “สุรศักดิ์ เอิบสิริสุข” คาดยอดขายปีนี้โตได้ตามคาด 15-20% จากปีก่อนที่มียอดขายรวมประมาณ 3,469 ล้านบาท และการขยายกำลังการผลิตถังแก๊ส จาก 6.2 ล้านใบต่อปี เป็น 7.2 ล้านใบต่อปี
นายสุรศักดิ์ เอิบสิริสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC ผู้ประกอบธุรกิจผลิตถังทนความดัน ผลิตภัณฑ์หลักเป็นถังสำหรับบรรจุแก๊สปิโตรเลียมเหลว (LPG) เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงหุงต้ม และใช้เป็นแหล่งพลังงานรถยนต์ ภายใต้เครื่องหมายการค้า “SMPC” เปิดเผยถึงแนวโน้มธุรกิจคาดว่า ปริมาณขายจะยังคงโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจะเป็นปัจจัยหลักสนับสนุนกำไรสุทธิให้เติบโตจากความต้องการถังแก๊ส LPG สูงขึ้นของหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้ รวมถึงประเทศในทวีปแอฟริกา จากการปรับเปลี่ยนมาใช้ LPG แทนฟืนและน้ำมันก๊าด ซึ่งประเทศเหล่านี้เป็นกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัท
“เมื่อพิจารณาคำสั่งซื้อล่วงหน้าในปัจจุบัน ทำให้บริษัทฯมีความเชื่อมั่นว่าปริมาณขายจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย SMPC ได้เพิ่มกำลังการผลิตรองรับไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าทยอยปรับตัวดีขึ้นจากสถานการณ์ราคาเหล็กที่เริ่มทรงตัว ค่าเงินบาทที่เริ่มอ่อนลง และยอดสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น จะทำให้เกิด economy of scales ช่วยลดต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายอื่นๆลงได้
สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2560 ว่า มียอดขายอยู่ที่ 971.66 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมียอดขาย 811.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 159.90 ล้านบาท หรือ 19.7% เนื่องจากในงวดนี้ปริมาณขายเพิ่มสูงขึ้นถึง 13.6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความต้องการอย่างต่อเนื่องของลูกค้าในแถบเอเชียและแอฟริกา
ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 121.44 ล้านบาท ลดลง 13.23 ล้านบาท หรือลดลง 9.8% จากงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไร 134.67 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนที่สูงขึ้นและค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นทำให้อัตราทำกำไรลดลง โดยสุทธิกับรายได้อื่นที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนทางการเงินที่ลดลง
“ยอดขายเพิ่มขึ้น แต่กำไรสุทธิลดลง เนื่องจากต้นทุนสูงขึ้นและผลจากค่าเงินบาทแข็ง อย่างไรก็ตาม คาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงาน จะเริ่มปรับตัวดีขึ้นโดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการใช้ถังแก๊ส LPG ในตลาดแอฟริกา และเอเชียใต้ ที่เพิ่มขึ้น ด้านอัตราการใช้กำลังการผลิตในงวดปี 2560 คาดว่ายังคงสูงใกล้เคียงกับปี 2559 ที่ 90% ประกอบกับแนวโน้มราคาเหล็กที่เริ่มทรงตัว แนวโน้มค่าเงินบาทที่อ่อนลง และต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ลดลงได้จาก economy of scales” นายสุรศักดิ์ กล่าว
สำหรับแนวโน้มธุรกิจทั้งปี 2560 บริษัทฯ ประเมินยอดขายยังคงเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้เพิ่มขึ้น 15-20% จากปีก่อนที่มียอดขายอยู่ที่ 3,469 ล้านบาท เป็นผลมาจากแนวโน้มความต้องการใช้แก๊ส LPG ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณการใช้ถังบรรจุขยายตัวตามไปด้วย ประกอบกับแนวโน้มขาขึ้นของราคาเหล็กในช่วงที่ผ่านมาหนุนให้บริษัทได้รับคำสั่งซื้อในมือเป็นจำนวนมาก โดยในปี 2560 บริษัทได้ขยายกำลังผลิตถังแก๊สเพิ่มขึ้น เป็น 7.2 ล้านใบ (จากปี 2559 ที่ 6.2 ล้านใบ)