ADS


Breaking News

“ปาเท็กซ์” แบรนด์ที่นอนและหมอนยางพาราเพื่อสุขภาพ รุกตลาดเต็มสูบ เตรียมรีแบรนด์ครั้งใหญ่ เจาะลูกค้าใหม่เพิ่มในไทย พร้อมขยายช่องทางการจำหน่ายในจีนอีกอย่างน้อย 100 แห่งในปี 2560

ปัตตานีอุตสาหกรรม ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายที่นอนและหมอนยางพาราของไทย ที่มีประสบการณ์มายาวนานกว่า 46 ปี ส่งแบรนด์ “ปาเท็กซ์” รุกตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพ ตั้งเป้ายอดขายรวมที่ 1,450 ล้านบาท เติบโตเพิ่ม 10-15% พร้อมสานต่อตลาดใหญ่ในประเทศจีน ตั้งเป้าขยายช่องทางการจัดจำหน่ายอย่างน้อย 100 แห่งในปีนี้ ด้านตลาดในประเทศเตรียมรีแบรนด์ดิ้ง เจาะกลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่ม
นายณัฐพัฒน์ นิธิอุทัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปัตตานีอุตสาหกรรม (1971) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่าย หมอนและที่นอน จากฟองน้ำยางพารา ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากยางพารา 100% ถือเป็นเจ้าแรกในประเทศไทยที่ผลิตฟองน้ำยางพารา ด้วยความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับเทคโนโลยียางและโพลิเมอร์โดยเฉพาะ ประกอบกับพื้นที่ในจังหวัดปัตตานีมียางพาราเป็นจำนวนมาก เมื่อดำเนินการมาระยะหนึ่งจึงได้ก่อตั้ง บริษัท ปัตตานีอุตสาหกรรม (1971) จำกัด ในปี พ.ศ.2514 หรือปี ค.ศ. 1971 ตั้งแต่รุ่นคุณปู่ จนปัจจุบันสืบทอดมาถึงทายาทในรุ่นที่ 3
“ปัตตานีอุตสาหกรรม ผลิตและจำหน่ายสินค้าตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ จากการรับซื้อน้ำยางในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดนราธิวาส รวมทั้งพื้นที่ใกล้เคียง ใช้น้ำยางสดจากสวน นำมาแปรรูปเป็นน้ำยางข้น ส่งต่อมายังโรงงานที่ 2 เพื่อแปรรูปเป็นฟองน้ำยางพารา และนำมาผลิตต่อเป็นหมอน ที่นอน และท็อปเปอร์ยางพารา ตัดเย็บเพื่อบรรจุหีบห่อส่งขายภายในประเทศ และส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศ จุดเด่น ของสินค้าเราคือใช้ยางพารา 100% เป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติ จึงทำให้สินค้าที่เป็นหมอนและที่นอนยางพาราของเราได้รับความนิยมในตลาดต่างประเทศ โดยมีแบรนด์หลักคือ “ปาเท็กซ์” ซึ่งแบรนด์นี้ในประเทศจีนจะรู้จักในนาม ไทยปาเท็กซ์ (Taipatex)” นายณัฐพัฒน์ กล่าว
นายณัฐพัฒน์ กล่าวถึงจุดเด่นของผลิตภัณฑ์จากฟองน้ำยางพาราว่า จุดเด่นที่ทำให้ ผลิตภัณฑ์ของปาเท็กซ์ ได้รับการตอบรับ เนื่องจากฟองน้ำยางพารามีคุณสมบัติในเรื่องของความยืดหยุ่นสูง ซึ่งวัสดุประเภทอื่นเลียนแบบได้ยาก เมื่อเรานำฟองน้ำยางพารามาผลิตเป็นหมอน หรือที่นอน จึงให้คุณสมบัติในเรื่องของการยืดหยุ่นและรองรับน้ำหนักของร่างกายได้เป็นอย่างดี  ผสานกับการออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ เช่น ที่นอนยางพาราของเรามีการออกแบบรองรับ 7 ส่วนของร่างกาย หรือหมอนรูปแบบหรือรูปทรงต่างๆ ที่มีการรองรับกระดูกต้นคอ มีหลายขนาดและหลายรูปทรงที่เหมาะสมกับการนอนในแต่ละคน ในตลาดจึงให้การยอมรับว่าหมอนและที่นอนยางพาราเป็นสินค้าเพื่อสุขภาพ
นายณัฐพัฒน์ กล่าวต่อไปว่า การจำหน่ายสินค้าของบริษัทฯ มีทั้งจำหน่ายในประเทศไทยและต่างประเทศ สำหรับในประเทศไทย ช่วงแรกเน้นทำการตลาดในต่างจังหวัด คล้ายกับป่าล้อมเมือง แต่ในปัจจุบันเราจำหน่ายเกือบทุกจังหวัดผ่านดีลเลอร์ที่จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ รวมถึงโมเดิร์นเทรด ในกลุ่มของเซ็นทรัลฯ กลุ่มโฮมเวิร์ค ในส่วนตลาดต่างประเทศ ที่ผ่านมาเราจำหน่ายสินค้าในประเทศแถบยุโรป ออสเตรเลีย และเอเชียในกลุ่มของ มาเลเซีย เวียดนาม กัมพูชา แต่ปัจจุบันเน้นจำหน่ายสินค้าในตลาดจีนเป็นหลัก เพราะเป็นตลาดที่ใหญ่และมีความต้องการใช้สินค้าเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะหมอนยางพาราเป็นจำนวนมาก จากเดิมมีอัตราส่วนการส่งออกที่ 60% แต่ในปัจจุบันรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 80% โดยเฉพาะในตลาดประเทศจีนมีการเติบโตเพิ่มขึ้นมาก

สำหรับการรุกตลาดในประเทศจีน บริษัทฯ เริ่มเข้าทำตลาดได้ประมาณ 3 ปี ผ่านพาร์ทเนอร์โดยใช้แบรนด์ ปาเท็กซ์ การทำตลาดในช่วงแรกผ่านระบบออนไลน์เป็นหลัก เพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่ายได้ทั่วประเทศจีน ซึ่งประสบความสำเร็จพอสมควร และทำให้ ไทยปาเท็กซ์ (Taipatex) ได้รับการยอมรับในประเทศจีน โดยเฉพาะในกลุ่มระดับกลาง-บน ทำให้หมอนที่ผลิตจากฟองน้ำยางพาราได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ในปีนี้เราจะมุ่งเน้นการทำตลาดออฟไลน์มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มร้านค้า ตัวแทนจำหน่าย และช่องทางการจัดจำหน่ายที่เป็นโมเดิร์นเทรด ในประเทศจีน โดยตั้งเป้าช่องทางการจัดจำหน่ายแบบออฟไลน์ในประเทศจีนไม่ต่ำกว่า 100 แห่ง ในปีนี้
นายณัฐพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมถึงผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาว่า การขยายไปสู่ตลาดประเทศจีนในปี 2558 ทำให้บริษัทมีรายได้เติบโตขึ้นกว่า 20% โดยมียอดขายรวมทั้งกลุ่มที่ 1,200 ล้านบาท เป็นยอดขายจากการส่งออก 70% และยอดขายในประเทศ 30% ส่วนในปี 2559 มียอดขายทั้งกลุ่มที่ 1,350 ล้านบาทเติบโตเพิ่ม 10-15%  โดยมียอดขายจากการส่งออกเพิ่มเป็น 80% ของรายได้รวม ซึ่งในยอดขายจากการส่งออกไปยังต่างประเทศนั้น กลุ่มลูกค้าหลักคือ ประเทศจีน มีโดยมีสัดส่วนที่ 70% ของการส่งออกทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าประมาณ 750 – 800 ล้านบาท
สำหรับในปี 2560 บริษัทมีแผนในการสร้างแบรนด์ ปาเท็กซ์ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ พร้อมๆ กัน โดยตั้งเป้าการเติบโตอย่างน้อยที่ 10-15% หรือมีรายได้รวมประมาณ 1,450 ล้านบาท ในประเทศจีน ปี้นี้จะนำสินค้ากลุ่ม “ปาเท็กซ์ ท็อปเปอร์” เข้าสู่ตลาดประเทศจีนมากขึ้น นอกจากนี้ในอีก 3 ปีข้างหน้าประมาณปี 2563 จะนำที่นอนใหญ่รุกตลาดเพิ่มเช่นกัน สำหรับประเทศไทยในปีนี้เป็นปีที่สำคัญในการกลับมารีแบรนด์ดิ้ง แบรนด์ ปาเท็กซ์ เพื่อเจาะลูกค้าคนไทยเพิ่มมากขึ้น ควบคู่ไปกับการทำตลาดในประเทศอื่นๆ ที่มีการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกัน

ประวัติ

ชื่อ นายณัฐพัฒน์ นิธิอุทัย ( Nattapat Nithiuthai )
อายุ 40 ปี
ตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ ( Managing Director )
บริษัท ปัตตานีอุตสาหกรรม (1971) จำกัด Pattani Industry (1971) Co., Ltd.
บริษัท เลย์เทกซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ( Laytex (Thailand) Co.,Ltd. )
การศึกษา ระดับปริญญาตรี สาขาวิชาการตลาด มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
Mini MBA มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
การทำงาน หลังจากศึกษาจบในปี 2540 กลับมาดูแลกิจการของครอบครัวในทันที ซึ่งทำงานในทุกตำแหน่ง ตั้งแต่การผลิต การจัดซื้อ การขาย และด้านการตลาด ในบริษัท ปัตตานีอุตสาหกรรม (1971) จำกัด  และระหว่างการทำงานได้รับเชิญเป็นอาจารย์พิเศษในช่วงหนึ่ง โดยไปสอน วิชาการตลาด ในคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี