“AMA” ลอยลำ หวดกำไร Q1/60 โต 260.68% ซื้อเรือใหม่ ดันนน.บรรทุกรวมเฉียด 70,000 ตัน
“อาม่า มารีน” ผลงานลอยลำ ฟันกำไรไตรมาสแรกปีนี้โต 260.68% YOY รายได้โต 78.33% ทุ่ม 390.17 ลบ.ซื้อเรือลำใหม่ รับมอบ 19 พ.ค.นี้ เพิ่มน้ำหนักบรรทุกอีก 23.35% เฉียด 70,000 เดทเวทตัน
นายพิศาล รัชกิจประการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาม่า มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ AMA เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯประจำไตรมาสแรกของปี 2560 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2560 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 57.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.25 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 260.68% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 15.82 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทฯมีรายได้รวมจากการให้บริการขนส่งสินค้าอยู่ที่ 324.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 142.41 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 78.33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมจากการให้บริการขนส่งสินค้าอยู่ที่ 181.80 ล้านบาท
โดยการเพิ่มขึ้นของทั้งกำไรสุทธิ และรายได้ของบริษัทฯ เป็นผลมาจากการขยายกองเรือบรรทุกน้ำมัน และสารเคมีจาก 6 ลำ เป็น 8 ลำ ในไตรมาสแรกของปี 2560 และการเพิ่มรถบรรทุกขนส่งสินค้าให้กับบริษัท พีทีจี เอ็นเนอร์ยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG จาก 53 คัน เป็น 120 คัน ในไตรมาสแรกของปี 2560 ส่งผลให้ปริมาณการขนส่งสินค้า และรายได้จากการให้บริการขนส่งสินค้าทั้งทางเรือ และทางรถในไตรมาสแรกของปี 2560 เพิ่มสูงขึ้น
ในขณะเดียวกันบริษัทฯ ได้ลงทุนซื้อเรือบรรทุกน้ำมัน และสารเคมีลำใหม่ 1 ลำ ได้แก่เรือ อณิกา (Mt. Royal Pegasus) กับ NHL Development Company Limited ของประเทศเกาหลี โดยมีมูลค่า 390.17 ล้านบาท โดยเรือลำใหม่นี้มีน้ำหนักบรรทุก 13,250 เดทเวทตัน ส่งผลให้ภายหลังการลงทุนซื้อเรือบรรทุกน้ำมัน และสารเคมีลำดังกล่าว กองเรือบรรทุกน้ำมันของบริษัทฯจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 8 ลำเป็น 9 ลำ และมีน้ำหนักบรรทุกรวม เพิ่มขึ้นจาก 56,730 เดทเวทตัน เป็น 69,980 เดทเวทตัน หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 23.35% โดยเรือลำดังกล่าวบริษัทฯมีแผนที่จะนำไปให้บริการขนส่งผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มไปในภูมิภาคเอเชียตะวันออก เช่นจีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น เป็นต้น รวมถึงภูมิภาคเอเชียใต้ เช่น อินเดีย ปากีสถาน ศรีลังกา และบังคลาเทศ เป็นต้น ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีรายได้จากการให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือเพิ่มขึ้น โดยจะรับมอบเรือลำใหม่ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2560 และจะสามารถเริ่มให้บริการขนส่ง และจะสามารถรับรู้รายได้ภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2560 ซึ่งทำให้คาดว่าผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 และในปี 2560 จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง
“ผลประกอบการในไตรมาสแรกของปี 2560 ออกมาเป็นที่น่าพอใจ และถือว่าเป็นไปตามที่เราได้คาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นผลจากการขยายกองเรือ และรถที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ปริมาณการขนส่งเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ส่วนในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ เรายังคงเดินหน้าขยายกองเรืออย่างต่อเนื่องตามแผนธุรกิจของปีนี้ที่ได้วางไว้ ซึ่งจะทำให้เราสามารถเพิ่มศักยภาพในการให้บริการขนส่งสินค้าเหลวระหว่างประเทศให้เพิ่มสูงขึ้น และยังเป็นการขยายโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นอีกด้วย” นายพิศาลกล่าว