3 เคล็ดไม่ลับ ดูแลรถยนต์คู่ใจ เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่
“รถยนต์เป็นหนึ่งในการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในชีวิต” คงไม่ใช่คำกล่าวที่เกินจริงนักในปัจจุบัน แน่นอนว่าเมื่อตัดสินใจลงทุนซื้อคู่หูที่รู้ใจสักคัน ที่จะร่วมเดินทางกับเราไปทุกที่ไม่ว่าจะเป็นวันหยุดหรือวันทำงานแล้ว ย่อมต้องดูแลเพื่อนยากคันนี้อย่างเต็มความสามารถ แต่เมื่อเวลาผ่านไปสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ คือ ความเปลี่ยนแปลงของสภาพรถตามกาลเวลา และอาจเห็นได้ชัดโดยเฉพาะในรถยนต์ที่วิ่งไปแล้วเกิน 100,000 กิโลเมตร
แน่นอนว่ารถยนต์ที่มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน หรือขับขี่เกิน 100,000 กิโลเมตร ย่อมมีความเปลี่ยนแปลงและต้องการบำรุงรักษามากเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลส่วนที่สึกหรออันเกิดขึ้นตามกาลเวลา หรือการระมัดระวังใช้งานรถยนต์อย่างทะนุถนอม อ่านถึงตรงนี้ หลายท่านคงกังวลว่าการดูแลรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานยาวนานจะเป็นเรื่องยากที่ต้องฝากฝังให้ศูนย์บริการดูแลเท่านั้น แต่รู้หรือไม่ว่าเราสามารถดูแลรักษารถยนต์เลขไมล์สูงคู่ใจเองได้ง่ายๆ วันนี้ เชลล์ เฮลิกส์ ไฮไมล์เลจ มีเคล็ดลับ 3 ข้อมาแบ่งปันกัน
เคล็ดลับที่1: หมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงของรถคู่ใจ
รถยนต์ก็เหมือนกับสิ่งของทั่วไป ที่เมื่อใช้ไปแล้วย่อมเกิดการเสื่อมสภาพตามกาลเวลา แต่บางครั้งการเสื่อมสภาพอาจะไม่ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน และอาจมาแค่ในรูปแบบของการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่ต้องสังเกตอย่างใกล้ชิดจึงจะรู้สึกได้ สัญญาณเตือนส่วนใหญ่ที่สังเกตได้ของรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 100,000 กิโลเมตร ได้แก่ เสียงดังที่เกิดขึ้นในขณะเหยียบเบรก ปัญหาเรื่องการควบคุมทิศทางรถ การที่เครื่องยนต์ใช้เวลาสตาร์ทหลังบิดกุญแจนานขึ้นกว่าปกติ ไฟสัญญาณต่างๆ ที่ขึ้นแสดงบนหน้าปัดรถยนต์ หากพบว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น ควรนำรถยนต์เข้ารับบริการตรวจเช็คและซ่อมแซมทันที เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัย
เคล็ดลับที่ 2: ศึกษาคู่มือประจำรถให้เข้าใจ ดูแลได้ตรงจุด
คู่มือประจำรถ คือหนังสือคู่มือเบื้องต้นที่ผลิตโดยผู้ผลิตรถยนต์ มีเนื้อหาเกี่ยวกับการใช้งานรถยนต์ ดังนั้นการทำความรู้จักรถยนต์ที่ดีที่สุด ย่อมหนีไม่พ้นการศึกษาจากคู่มือประจำรถ ซึ่งเป็นคลังความรู้ชั้นดีที่ระบุรายละเอียดทั้งหมดของรถยนต์ไว้ รวมถึงการดูแลรักษา และระยะเวลาที่สมควรในการนำรถไปตรวจสภาพ โดยเฉพาะในรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน อาจหมดระยะที่สามารถนำรถยนต์เข้าไปรับบริการในศูนย์โดยไม่เสียค่าบริการแล้ว คู่มือประจำรถจะทำหน้าที่เป็นแนวทางในการดูแลรักษาชิ้นส่วนต่างๆ อย่างละเอียด สามารถใช้อ้างอิงประกอบการดูแลรักษารถยนต์ด้วยตัวเองได้ นอกจากต้องศึกษาให้ละเอียดแล้ว ยังควรเปลี่ยนอะไหล่และน้ำมันเครื่องตามอายุการใช้งาน และกำหนดที่ระบุไว้ในคู่มือประจำรถ
เคล็ดลับที่ 3: เลือกใช้น้ำมันเครื่องที่เหมาะกับอายุการใช้งานของรถ
รถยนต์ที่ผ่านการใช้งานมายาวนาน มีแนวโน้มที่จะเจอกับปัญหาต่างๆ จึงควรเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ อย่าง เชลล์ เฮลิกส์ ไฮไมล์เลจ ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับรถยนต์ที่ใช้งานมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสึกหรอของเครื่องยนต์ การรั่วซึมของน้ำมันเครื่อง หรือคราบสกปรกสะสมภายในเครื่องยนต์ เชลล์ เฮลิกส์ ไฮไมล์เลจ มีให้เลือกใช้งานทั้งสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล ประกอบด้วย Flexi Molecule (เฟล็กซี่โมเลกุล) ที่ออกแบบมาเพื่อเครื่องยนต์ที่ต้องการการดูแลแตกต่างจากรถใหม่ทั่วไป สามารถช่วยป้องกันการสึกหรอได้ดีขึ้น 40% โดยสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน เชลล์ เฮลิกส์ ไฮไมล์เลจ จะช่วยปกป้องซีลและการรั่วซึมของน้ำมันเครื่องด้วยสาร Active Seal Conditioning (แอคทีฟซีลคอนดิชันนิ่ง) ส่วน เชลล์ เฮลิกส์ ไฮไมล์เลจ สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลนั้น มาพร้อมกับค่าความหนืดเบอร์ 50 เหมาะสำหรับเครื่องยนต์ที่ใช้งานหนัก
เชลล์ เฮลิกส์ ไฮไมล์เลจ น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์คุณภาพสูง ที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ Flexi Molecule (เฟล็กซี่โมเลกุล)
เพียงปฏิบัติตามเคล็ดลับง่ายๆ สามประการข้างต้น ในการดูแลรถยนต์คู่ใจที่ใช้งานมายาวนาน ก็สามารถยืดอายุการใช้งานของรถให้ขับขี่ปลอดภัย มั่นใจในทุกสถานการณ์ สามารถสัมผัสประสบการณ์การดูแลรถยนต์ที่มีการใช้งานมายาวนานกับ เชลล์ เฮลิกส์ ไฮไมล์เลจได้ ที่ศูนย์เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเชลล์ เฮลิกส์ พลัส ในสถานีบริการน้ำมันเชลล์ ศูนย์บำรุงรักษารถยนต์ครบวงจรแอค และร้านจำหน่ายน้ำมันเครื่องที่ร่วมรายการทั่วประเทศ