ADS


Breaking News

ก.อุตสาหกรรม-สถาบันอาหาร จับมือ กลุ่มเซ็นทรัล ผนึกเครือข่ายรัฐเอกชน จัดอีเว้นท์ใหญ่แห่งปี “World Food Expo 2017” ประชารัฐร่วมใจประเทศไทยเป็นครัวของโลก

กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสถาบันอาหาร  ร่วมกับ บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด และศูนย์การค้า เซ็นทรัลเวิลด์  สานพลังประชารัฐ รวมทั้งภาครัฐและเอกชน จัดอีเว้นท์ใหญ่แห่งปี “World Food Expo 2017” ระหว่างวันที่ 23 มี.ค. – 9 เม.ย. 2560 ตั้งแต่เวลา 11.00 – 21.30 น. ณ ลานสแควร์ ด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ จับมือเครือข่ายพันธมิตร หลายหน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี - สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ - ททท.- เอสเอ็มอีแบงค์ - สสว. - ไทยเบฟเวอเรจ -สิงห์ คอร์เปอเรชั่น - เบทาโกร  และภาคสังคม ภายใต้วิสัยทัศน์ “ประชารัฐร่วมใจประเทศไทยเป็นครัวของโลก” ขับเคลื่อนนโยบายอุตสาหกรรมอาหารแห่งชาติตอบโจทย์ยุค 4.0 โชว์ศักยภาพอุตสาหกรรมอาหารของไทยครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ งานเดียวที่ส่งเสริมอุตสาหกรรมอาหารและการท่องเที่ยวของไทยได้ยิ่งใหญ่เต็มรูปแบบ ขนกองทัพร้านอาหารยอดนิยม Street Food, Food Truck, อาหารหาทานยาก, อาหารถิ่นจากโครงการ Amazing Thai Taste และอาหารแปรรูปด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมจากผู้ผลิตชั้นนำ รวมเกือบ 200 ร้าน    มาให้เลือกชิมกันอย่างจุใจ พร้อมกิจกรรมมากมาย ทั้งการเวิร์คชอป การสาธิตการปรุงอาหารไทยจากเชฟชื่อดัง พร้อมเปิดตัวโครงการ Window of Thai Food  ศูนย์ One Stop Service ที่เป็นหน้าต่างในการเผยแพร่ ส่งเสริมภาพลักษณ์ และการค้าอาหารไทยอย่างครบวงจร ตอกย้ำภาพครัวไทยครัวของโลก คาดตลอด 18 วันของการจัดงาน จะมีผู้เข้าชมไม่น้อยกว่า 2 ล้านคน มีมูลค่าการเจรจาธุรกิจ และการจำหน่ายสินค้า รวมกันไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท
นายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสถาบันอาหาร ร่วมกับบริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด จัดงาน “World Food Expo 2017” ขึ้น ระหว่างวันที่ 23 มีนาคม - 9 เมษายน 2560 เวลา 11.00 - 21.30 น. ณ ลานสแควร์ ด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ภาคอุตสาหกรรมอาหาร และการท่องเที่ยวไทยไปพร้อมกัน เป็นการสนับสนุนให้เกิดการสร้างเครือข่ายของผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำให้มีความเข้มแข็ง สร้างการเชื่อมโยงฐานข้อมูลการวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ก่อให้เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ประกอบการ ผลักดันให้อาหารไทยได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในตลาดโลก สนับสนุนการส่งออกวัตถุดิบและสินค้าอาหารสำเร็จรูปที่ได้มาตรฐาน มีคุณภาพและมีความปลอดภัยไปยังตลาดโลก ซึ่งมีเป้าหมายให้คนไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารรายใหญ่ของโลก ทั้งนี้ในภาพรวมก็เพื่อสนับสนุนให้เกิดความมั่นคงทางอาหารภายในประเทศและของโลกด้วย
    “สำหรับงาน “World Food Expo 2017” นี้จัดขึ้นเป็นปีแรก มีเป้าหมายในการจัดต่อเนื่องอย่างน้อย 3 ปี เพื่อสร้างการรับรู้และผลักดันประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางด้านอาหารของโลกในอนาคต โดยการขับเคลื่อนให้เกิดโครงการ Window of Thai Food ซึ่งเป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ฯลฯ ตลอดจนหน่วยงานด้านการวิจัยต่าง ๆ ให้เป็นศูนย์ One Stop Service อำนวยความสะดวกให้นักลงทุน และผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เป็นหน้าต่างในการเผยแพร่ ส่งเสริมภาพลักษณ์ และการค้าอาหารไทยอย่างครบวงจร มีเป้าหมายจัดตั้งในย่านธุรกิจการค้าใจกลางกรุงเทพฯ ส่วนระดับเอเชียมีเป้าหมายอยู่ที่จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ สำหรับระดับเวิลด์คลาสมีเป้าหมายอยู่ที่ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และยูเออี
    Window of Thai Food ยังเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมวิสาหกิจไทยในทุกระดับให้สามารถเข้าถึงตลาดการค้าโลกได้เป็นอย่างดี โดยการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานของรัฐและภาคเอกชนให้ขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน ด้วยวิสัยทัศน์ในการทำงาน “ประชารัฐร่วมใจประเทศไทยเป็นครัวของโลก” มุ่งสู่การเป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้าอาหารติดอันดับ TOP 5  ให้ได้ในอีก 20 ปีข้างหน้า ด้วยมูลค่าการส่งออก 6 ล้านล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ในอันดับ 13 มีเป้าหมายมูลค่าส่งออกในปี 2560 อยู่ที่ 1 ล้านล้านบาท”
นายยงวุฒิ กล่าวต่อว่า สำหรับรูปแบบการจัดงาน “World Food Expo 2017” เป็นการเผยแพร่ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ การเวิร์คชอป การสาธิตการปรุงอาหารไทย และการจำหน่ายสินค้าอาหารหลากหลายประเภท ครอบคลุมผู้ประกอบการทุกระดับตั้งแต่ร้านอาหารริมทางเลื่องชื่อ อาหารหาทานยาก ร้านอาหารที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาหารแปรรูปจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชน และจากผู้ผลิตชั้นนำรวมแล้วเกือบ 200 บูธ
     พื้นที่การจัดงานแบ่งออกเป็น 4 โซน ได้แก่ 1) โซน Santorini  ประกอบด้วยเวทีกิจกรรม และการแสดงดนตรี ภายใต้แนวคิด ยก Santorini เมืองตากอากาศสุดโรแมนติกมาไว้ใจกลางลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์   2) โซน Street Food และ Food Truck เป็นการยกระดับอาหารไทยในรูปแบบ Street Food ร้านอาหาร     ริมทางให้มีความสากล และโมเดิร์นขึ้นด้วยการตกแต่งร้านที่ดึงดูดใจ และเพิ่มมูลค่าของตัวเมนูอาหารด้วยรูปแบบของแพคเกจที่ทันสมัย สะดุดตา ประกอบด้วย ร้าน Street Food 48 ร้าน และ Food Truck 24 คัน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมต่างๆ อาทิ แข่งขันกินผัดไทย กินหมูสะเต๊ะ กินทอดมัน เป็นต้น 3) โซน Food Industry เป็นการจัดแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างคุณภาพของการผลิตอาหาร การสาธิตการปรุงอาหารในรูปแบบ Thai Fusion Food โดยอาศัยนวัตกรรมการผลิตอาหาร และวัตถุดิบการแปรรูปอาหารในรูปแบบต่างๆ การใช้เทคโนโลยีเก็บความสดของวัตถุดิบให้คงสภาพอยู่ได้เป็นเวลานาน อาหารพร้อมปรุงสำเร็จในแพคเกจเทคโนโลยีขั้นสูง การถนอมอาหารให้สามารถเพิ่มระยะเวลาการหมดอายุให้ยาวนานกว่าเดิม และการแปรรูปอาหารในรูปแบบต่างๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มสูงสุดสำหรับการเป็นอาหารอุตสาหกรรมส่งออก ซึ่งจะนำมาประยุกต์ใช้กับการสร้างสรรค์เมนูอาหารไทยสุดบรรเจิดจากเชฟร้านอาหารชื่อดังที่จะหมุนเวียนมาโชว์ฝีมือ และปรุงอาหารพิเศษสุดให้กับผู้เข้ามาร่วมงานได้ลิ้มรสชาติอาหารไทย
โดยรายการอาหารจะมีให้เลือกมายมาย ทั้งในส่วนของ 6 เมนูอาหารไทยที่ต่างชาติยอมรับจากแคมเปญ Amazing Thai Taste ของททท. ได้แก่ แกงเขียวหวาน ต้มยำกุ้ง ผัดไทย ส้มตำ ต้มข่าไก่ และแกงมัสมั่น รวมทั้งกิจกรรมโปรโมทผลไม้ของไทยที่เป็นที่นิยม ได้แก่ ทุเรียน เงาะ มังคุด ลองกอง สละ ลิ้นจี่ กระท้อน ลำไย ส้มโอ มะละกอ สับปะรด และกล้วยหอม  
พิเศษสุดกับ The Lost Recipe อาหารไทยโบราณที่หายไป หาทานได้ยาก หรืออาหารต้นตำรับชาววัง หรืออาหารท้องถิ่นดั้งเดิมที่หารับประทานได้ยากมากในปัจจุบัน จะถูกเชฟฝีมือดี และพ่อครัวแม่ครัวจากแหล่งชุมชนต้นฉบับรังสรรค์ออกมาให้ได้ชิมกัน ร่วมด้วยการจำหน่ายอาหารจากร้านอาหารไทยชื่อดังอีกมากมาย เช่น Blue Elephant ตะลิงปลิง และกัลปพฤกษ์ เป็นต้น รวมจำนวน 109 บูธ
นอกจากนี้ยังจัดพื้นที่จำลองและสร้างบรรยากาศในรูปแบบของ Outdoor Market ในต่างประเทศ โดย Tops Market ซูเปอร์มาร์เก็ตในเครือของกลุ่มเซ็นทรัล ตกแต่งด้วยโครงสร้างไม้ ตะกร้า ลังผลไม้ ไม้ระแนง และผ้าใบดิบสีขาว ในบรรยากาศเมืองชายหาดโปร่งสบาย นำผลิตภัณฑ์มีคุณภาพจากผู้ผลิตชั้นนำ และผู้ให้การสนับสนุนมาวางเพื่อจัดจำหน่าย
4) โซน Food Cluster Pavilion of Thai Leader Cluster พบกับผู้ผลิตชั้นนำแถวหน้าระดับประเทศ ที่จะขนนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มานำเสนอ สร้างบรรยากาศในรูปแบบ Beach Bar ริมทะเลยาวเต็มพื้นที่ ประกอบด้วยผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหาร และเครื่องดื่มชั้นนำของประเทศที่ร่วมกันขับเคลื่อนให้เกิดการจัดงานครั้งนี้ อาทิ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) บริษัท สิงห์คอร์เปอเรชั่น จำกัด  บริษัท   เบทาโกร จำกัด เป็นต้น
     “การจัดงานครั้งนี้ได้รับความรร่วมมือในการจัดงานเป็นอย่างดีจาก บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด  กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ Food innopolis การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(เอสเอ็มอีแบงค์) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน))  บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด  บริษัท เบทาโกร จำกัด(มหาชน) ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และอีกหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยตลอดการจัดงาน 18  วันนี้ คาดว่าจะมีผู้ผลิต ผู้จำหน่ายสินค้า ผู้นำเข้า  ผู้ส่งออก นักท่องเที่ยวที่เข้ามาพักผ่อนในกรุงเทพฯ และประชาชนทั่วไปเข้าร่วมชมงานไม่น้อยกว่า 2 ล้านคน ทำให้เกิดบรรยากาศทางการค้า และโอกาสในการแลกเปลี่ยน การเจรจาทางธุรกิจแก่ภาคอุตสาหกรรมอาหารของไทย และเกิดกระแสการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ ประเมินว่าจะเกิดมูลค่าการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท  นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างการรับรู้ในศักยภาพอุตสาหกรรมอาหารของไทยทั้งในรูปแบบอาหารแปรรูปเพื่อการส่งออก และรูปแบบการบริโภคอาหารไทยในมิติต่างๆไปพร้อมกันด้วย”  นายยงวุฒิ กล่าว