ADS


Breaking News

BOLDER IN BLACK: WRAITH BLACK BADGE PRIVATE PREVIEW IN BANGKOK

15 มีนาคม 2017, กรุงเทพฯ
    “Black Badge คือทัศนคติแห่งการใช้ชีวิต คือแง่มุมหนึ่งของแบรนด์ Rolls-Royce ที่ดึงดูดผู้รักความแตกต่างและเป็นตัวของตัวเอง ผู้นิยมความเสี่ยง และผู้คิดนอกกรอบที่ชื่นชอบการท้าทายกฎเกณฑ์และระเบียบแบบแผนต่างๆ ด้วยจิตวิญญาณอันแรงกล้าที่ขับเคลื่อนอยู่เบื้องหลัง ในการมุ่งมั่นเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ Black Badge จึงเป็นอัตตะที่สองของ Rolls-Royce ทั้งในแง่เทคนิคและความงาม ด้วยความเข้มยิ่งกว่าเดิม พร้อมความห้าวหาญ ความมั่นใจ ความกล้าแกร่ง และความพิถีพิถันมากยิ่งขึ้น Black Badge คือแรงผลักดันของเราในการสร้างสรรค์ที่สุดแห่งยนตรกรรมหรูที่สะกดทุกสายตา นี่คือช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านของแบรนด์อันยิ่งใหญ่ของเราอย่างแท้จริง”
    Torsten Müller-Ötvös,
    ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
    โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส

บทนำ
     Sir Malcolm Campbell, Muhammad Ali และ Charles Rolls ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ Rolls-Royce บุคคลเหล่านี้คือตัวอย่างของคนหนุ่มผู้มีจิตวิญญาณอันแรงกล้าที่ปรารถนาจะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ตามหนทางของตนเอง พวกเขาคือผู้คิดนอกกรอบจากขนบธรรมเนียมของสังคม มีแนวทางการใช้ชีวิตที่ไม่เหมือนใคร ด้วยความเชื่อว่าพลังแห่งการเป็นตัวของตัวเองจะช่วยให้ก้าวข้ามทุกขอบเขตเพื่อเนรมิตวิสัยทัศน์เฉพาะของตนให้เป็นจริง นี่คือสิ่งที่ทำให้ผู้รักความเร็วในชีวิตพร้อมทุ่มเทอย่างเต็มที่ทั้งการทำงานและการผ่อนคลาย ซึ่งเต็มไปด้วยความกล้าหาญและความมีเสน่ห์อันน่าดึงดูดใจ
     คนรุ่นใหม่ผู้เปี่ยมด้วยความเชื่อมั่นและเป็นตัวของตัวเองในการคิดนอกกรอบแห่งยุคปัจจุบันล้วนเลือกสรรสิ่งต่างๆ ที่สะท้อนการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ของตนอย่างเต็มที่โดยปราศจากความลังเลเช่นเดียวกับคนรุ่นก่อนหน้านี้ พวกเขาพร้อมเลือกเส้นทางซึ่งแทบไม่เป็นที่รู้จัก ใช้ชีวิตตามแนวทางที่ไม่ซ้ำใคร และครอบงำจิตใจด้วยความมุ่งมั่นและแรงปรารถนาที่ขับเคลื่อนทุกอารมณ์ของตนอย่างแท้จริง
     สำหรับคนเหล่านี้ ชีวิตคือความบันเทิง และเป็นไปตามเงื่อนไขของตนเอง
     ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ บุคคลเหล่านี้เป็นจำนวนมากต่างให้ความสนใจกับ Rolls-Royce Motor Cars ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์อันเป็นเอกลักษณ์และขับเคลื่อนทุกแรงบันดาลใจของคนเหล่านี้ เช่นเดียวกันกับที่บุคคลผู้มีชื่อเสียงในอดีตได้เคยประจักษ์


     Rolls-Royce Motor Cars พร้อมก้าวข้ามทุกขอบเขต และนั่นคือสิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นต้องการจากแบรนด์ของเรา ด้วยข้อเสนอแห่งความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัดจากโปรแกรม Bespoke สิ่งที่คนเหล่านี้ต้องการจากแบรนด์ของเราได้แก่ "ยนตรกรรม Rolls-Royce ที่สร้างสรรค์ขึ้นอย่างไม่ซ้ำใคร ซึ่งไม่เพียงสะกดและสะท้อนทุกอารมณ์ความรู้สึกเท่านั้น แต่ยังมีความแตกต่างตั้งแต่ระดับพื้นฐานเช่นเดียวกับตัวพวกเขาเอง"
     และ Black Badge คือคำตอบของโจทย์ดังกล่าว


อัตตะที่สองสำหรับผู้บริโภคสายเลือดใหม่
     Rolls-Royce Black Badge โดดเด่นด้วยความเข้มยิ่งกว่าเดิม พร้อมความห้าวหาญ ความมั่นใจ และความงดงามที่วิจิตรบรรจงมากยิ่งขึ้นสำหรับลูกค้ากลุ่มนี้ นี่คือส่วนหนึ่งของโปรแกรม Bespoke ที่ตอบสนองทุกความปรารถนาของกลุ่มคนดังกล่าว รวมถึงเป็นปฏิกิริยาระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคที่พลิกรูปโฉมและแก่นสารของ Rolls-Royce Wraith อย่างเห็นได้ชัด ผลที่ได้คือ Wraith Black Badge
     "ผมขอประกาศว่า Rolls-Royce Motor Cars จะมุ่งมั่นสร้างสรรค์ยนตรกรรมซีรีส์ Bespoke สำหรับคนหนุ่มสาวที่มีแรงขับเคลื่อนเป็นของตนเอง ผู้มีไลฟ์สไตล์อันโดดเด่นและใช้ชีวิตตามแนวทางของตัวเอง" Torsten Müller-Ötvös ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของ Rolls-Royce Motor Cars กล่าวว่า "ภายใต้ความร่วมมือใหม่ๆ กับกลุ่มลูกค้าเหล่านี้ Rolls-Royce มั่นใจว่าจะสามารถสร้างสรรค์ 'Black Badge' ที่สุดแห่งสไตล์อันหรูหราและแก่นแท้แห่งวิศวกรรมได้อย่างแน่นอน 'Black Badge' คืออัตตะที่สองของ Rolls-Royce Wraith ทั้งในแง่เทคนิคและความงาม ด้วยความเข้มยิ่งกว่าเดิม พร้อมความห้าวหาญ ความมั่นใจ ความกล้าแกร่ง และความพิถีพิถันมากยิ่งขึ้น Black Badge คือแรงผลักดันของเราในการสร้างสรรค์ที่สุดแห่งยนตรกรรมหรูอันทรงพลังที่สะกดทุกสายตา นี่คือช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านของแบรนด์อันยิ่งใหญ่ของเราอย่างแท้จริง" 
     Giles Taylor ผู้อำนวยการฝ่ายดีไซน์ของ Rolls-Royce Motor Cars กล่าวว่า "ในการสร้างสรรค์ Black Badge เราให้ความสำคัญกับการตอบโจทย์อันหลากหลายของกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เหล่านี้เป็นหลัก ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ไม่เพียงแต่ต้องการภาพลักษณ์ใหม่ที่สะท้อนตัวตนเท่านั้น แต่ยังต้องการยนตรกรรมที่สร้างสรรค์ขึ้นบนรากฐานแห่งแก่นแท้ทางวิศวกรรมอันเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Rolls-Royce ด้วย ผลที่ได้คือ Black Badge Spirit ซึ่งประกาศตัวตนให้เป็นที่ประจักษ์ด้วยองค์ประกอบแห่งดีไซน์ที่รังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน และหลอมรวมกันเป็นยนตรกรรมสุดหรูที่โดดเด่นด้วยความเข้มยิ่งกว่าเดิม พร้อมผสานภาพลักษณ์และคุณสมบัติของวัสดุใหม่ๆ เพื่อตอบสนองรสนิยมของกลุ่มลูกค้าผู้รักความเร็วเหล่านี้ที่พร้อมเปิดรับทุกความท้าทายใหม่ๆ ในชีวิต"
     ด้วยจุดยืนแห่งการปฏิบัติงานดังกล่าว ทีมนักออกแบบ วิศวกร และช่างฝีมือของ Rolls-Royce ต่างมุ่งมั่นทุ่มเทเพื่อเนรมิต Wraith ให้แตกต่างขึ้นไปอีกขั้น โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างสรรค์อัตตะที่สองของ Black Badge ที่มาพร้อมความเข้มยิ่งกว่าเดิม พร้อมด้วยความห้าวหาญและความดึงดูดใจที่มากขึ้น และความโดดเด่นที่เหนือกว่ายนตรกรรมรุ่นอื่นๆ นั่นคือยนตรกรรมที่มาพร้อมภาพลักษณ์อันโดดเด่นสะกดทุกสายตาที่ได้พบเห็น และเมื่อมองให้ลึกลงไป ก็จะประจักษ์ได้ถึงจิตวิญญาณแห่งราตรีที่ไม่อาจหาผู้ใดเสมือน


Wraith Black Badge – ที่สุดแห่งยนตรกรรมทรงพลังจาก Rolls-Royce
     แม้ว่า Wraith จะเป็นยานยนต์ที่ให้ความสำคัญกับผู้ขับขี่มากที่สุดในบรรดายนตรกรรม Rolls-Royce มาโดยตลอด แต่ด้วยความตระหนักถึงแรงขับเคลื่อนและความปรารถนาที่จะก้าวข้ามขอบเขตแห่งการใช้ชีวิตของผู้บริโภคสายเลือดใหม่ ทีมวิศวกรของ Rolls-Royce จึงได้มุ่งมั่นทำงานอย่างอุตสาหะเพื่อเนรมิตที่สุดแห่งปรากฏการณ์ยนตรกรรม Coupé รุ่นนี้ให้โดดเด่นเป็นพิเศษเหนือไปอีกขั้น
     ด้วยการผสานแรงบิดสูงเป็นพิเศษ (+70Nm) เข้ากับกำลังส่งออกระดับสูงที่มีอยู่ พร้อมระบบกันสะเทือนออกแบบใหม่หมด เพลาขับรุ่นใหม่ และชุดเกียร์ 8 สปีดที่ทรงพลังยิ่งขึ้น Rolls-Royce ได้สร้างสรรค์ยนตรกรรม Wraith ที่คล่องแคล่วและให้ความสำคัญกับผู้ขับขี่มากกว่าเดิม โดยยังคงอุปกรณ์ภายในระบบ Rolls-Royce Magic Carpet Ride เพื่อความสะดวกแห่งการขับขี่เอาไว้อย่างครบครัน
     นอกจากนี้ การเพิ่มประสิทธิภาพชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดยังเป็นการยกระดับขุมพลังการขับเคลื่อนของ Wraith Black Badge ขึ้นไปอีกขั้นด้วย เทคโนโลยี Intuitive Throttle Response คืออีกหนึ่งจุดเด่นของ Black Badge Wraith เมื่อใช้คันเร่งที่ระดับ 25% ผู้ขับขี่จะสามารถลากเกียร์ได้นานขึ้น และพร้อมเปลี่ยนเกียร์จาก 300 รอบต่อนาทีเป็น 500 รอบต่อนาทีได้ด้วยความเร็วรอบสูงขึ้น (ขึ้นอยู่กับเกียร์ที่ใช้) Wraith Black Badge สามารถเร่งความเร็วรอบเป็น 6,000 รอบต่อนาทีได้ก่อนเปลี่ยนเกียร์ เมื่อคันเร่งตรวจพบว่ามีการเหยียบคันเร่งที่ระดับ 80-100% ช่วยให้คันเร่งตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น เพื่อการขับขี่อย่างเต็มสมรรถนะด้วยขุมพลังที่เหนือกว่าได้ทุกเมื่อ และเมื่อระบบ Intuitive Throttle อยู่ในระดับกลาง (70% ถึง 80%) ชุดเกียร์จะสามารถเปลี่ยนเกียร์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
     โดยในระหว่างที่ลดความเร็วหรือเบรก ระบบเกียร์จะลดความเร็วรอบลงเล็กน้อยและเร็วกว่าปกติ เพื่อความปลอดภัยยิ่งขึ้นในการเบรกด้วยเครื่องยนต์ ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างเต็มสมรรถนะมากขึ้น
     ด้วยเหตุนี้ การขับขี่จึงมีเสถียรภาพยิ่งขึ้นและสอดคล้องกับลักษณะทางกายภาพมากกว่าเดิม ทั้งยังมีประสิทธิภาพในการควบคุมที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สามารถตอบสนองการบังคับเลี้ยวได้ในระดับสูง พร้อมด้วยความสามารถในการเข้าโค้งอย่างปลอดภัยและมั่นคงยิ่งขึ้น และด้วยการปรับระบบบังคับเลี้ยวตามระดับความเร็ว ยานยนต์รุ่นนี้จึงให้ความรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นแม้จะใช้ความเร็วสูง ด้วยการปรับน้ำหนักของระบบบังคับเลี้ยวตามความเร็วของรถ
     ทั้งนี้ Rolls-Royce คำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าของรถและผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ อยู่เสมอ เราจึงได้ปรับปรุงระบบเบรกของยนตรกรรม Black Badge ทั้งสองรุ่น โดยเพิ่มขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของจานเบรกด้านหน้าขึ้นอีกหนึ่งนิ้ว เพื่อให้แป้นเบรกตอบสนองโดยตรงได้เร็วขึ้น และอีกหนึ่งคุณสมบัติเพื่อความปลอดภัยยิ่งขึ้นของ Wraith Black Badge ได้แก่ไฟหน้า LED ระบบอัตโนมัติ เพื่อทัศนวิสัยที่เหมาะสมในการขับขี่ท่ามกลางความมืดมิดยามค่ำคืน
#blackbadge

Wraith Black Badge – Limited Edition
นิยามใหม่แห่งความหรูหรา
ภาพลักษณ์ใหม่แห่งยนตรกรรมสุดแกร่งจาก Rolls-Royce
ปลดปล่อยขุมพลังแห่ง Wraith
     Black Badge ยนตรกรรมภาพลักษณ์ใหม่จาก RollsRoyce ที่พร้อมสะกดทุกสายตา ไม่ใช่เพียงสีสันแต่ Black Badge คือนิยามของผู้หาญกล้าที่พร้อมสร้างความแตกต่าง
     โดดเด่นด้วยดีไซน์อันงดงาม ผสานเอกลักษณ์ของ Wraith ได้อย่างลงตัว พร้อมประสิทธิภาพเหนือระดับเพื่อการขับขี่อย่างเต็มขุมพลัง และการตกแต่งภายในแบบพิเศษ ดูลึกลับน่าค้นหา ทั้งหมดนี้คือนิยามใหม่แห่งความหรูหราจาก RollsRoyce

เปิดทุกความท้าทาย

     Black Badge ยนตรกรรมสำหรับผู้รักความท้าทาย รวมถึงผู้มีความคิดนอกกรอบ และผู้รักความเสี่ยง สำหรับผู้คนเหล่านี้ มหานครยามราตรีคือโอกาสแห่งการประกาศตัวตน ที่ซึ่งมุมอันมืดมิดจะปรากฏต่อสายตาอันเฉียบคมของผู้มีจิตใจอาจหาญ ทุกสิ่งล้วนเป็นไปได้เมื่อเปิดใจรับความท้าทาย

สะกดทุกสายตา

     ทรงพลัง สมรรถนะ สง่างาม Wraith Black Badge ที่สุดแห่งยนตรกรรม Coupé ดีไซน์โฉบเฉี่ยวสไตล์โมเดิร์น ฝากระโปรงยาวและห้องโดยสารด้านหลังกว้าง ให้ภาพลักษณ์อันสง่างามและทรงพลัง พร้อมรูปทรงแนวเส้นโค้งที่โลดแล่นยามราตรีได้อย่างไม่สะดุด 
     Spirit of Ecstasy โครเมี่ยมสีดำเป็นประกายที่ทอดเงาอยู่เหนือกระจังหน้าอันทรงพลัง นิยามใหม่แห่งเฉดสีดำสนิท พร้อมสะกดทุกสายตาด้วยช่องลม คิ้วฝากระโปรงหลัง และท่อไอเสียคู่ชุบโครเมี่ยมสีดำ และที่ขาดไม่ได้ นั่นคือตรา RollsRoyce สีดำ: หัวใจของผู้รักความท้าทาย
     Wraith Black Badge ให้เหนือชั้นยิ่งขึ้นด้วยพื้นผิวสีดำไล่ระดับและล้อทรงพลังขนาด 21 นิ้ว โดดเด่นด้วยขอบล้อคาร์บอนไฟเบอร์ชนิดพิเศษที่พัฒนาขึ้นสำหรับ Black Badge โดยเฉพาะ ออกแบบภายใต้แรงบันดาลใจจากซูเปอร์คาร์ของอิตาลีในยุค 1960


ความมั่นใจจากภายใน

Interior งานตบแต่งภายใน
     ภาพลักษณ์มีจุดเริ่มต้นจากภายใน จุดประกายแห่งความมั่นใจไปกับการตกแต่งลายเกือกม้าและเบาะหนังทรงโค้งภายใน Wraith Black Badge ไม่มีสิ่งใดเป็นไปไม่ได้ในยนตรกรรมสุดพิเศษนี้ ให้ราตรีนี้ไม่มีที่สิ้นสุด
     เนรมิตห้องโดยสารให้หรูหราด้วยนิยามใหม่แห่งความมืด ตื่นตาตื่นใจกับแผงคอนโซลหน้าไฟเบอร์ที่รังสรรค์ขึ้นจากการร้อยเรียงเส้นใยคาร์บอนไฟเบอร์และอะลูมิเนียมเข้าด้วยกันอย่างประณีตบรรจง นวัตกรรมแห่งวัสดุที่ใช้กับพื้นผิวเครื่องบินสเตลท์นี้จะเปล่งประกายโดดเด่นท่ามกลางห้องโดยสารอันมืดมิด เปิดทุกประสาทสัมผัสพร้อมยกระดับความเร้าใจแห่งการขับขี่
     แผงหน้าปัดประกอบด้วยนาฬิกา Black Badge ดีไซน์ใหม่ล่าสุด แต่งแต้มสีส้มที่ปลายเข็มเพื่อให้ตัดกันพองามกับการตกแต่งภายในส่วนอื่นๆ เสริมจิตวิญญาณและแรงปรารถนาในการก้าวข้ามขีดจำกัดของ Black Badge ด้วยโลโก้ Infinity บนหน้าปัดนาฬิกา พร้อมเดินฝีเข็มอย่างบรรจงบนเบาะหนังสุดหรูของ Wraith ในโทนสีดำและสีฟ้าโคบอลต์


ปลดปล่อยขุมพลัง

     ด้วยขุมพลังเหนือชั้นถึง 624 bhp (465 กิโลวัตต์) ทำให้ Wraith เป็นยนตรกรรมRollsRoyce ที่ทรงพลังที่สุดในโลก ยนตรกรรมที่ได้จึงทรงพลังเหนือระดับขับเคลื่อนได้อย่างคล่องตัวยิ่งขึ้นด้วยแรงบิดที่เพิ่มขึ้นถึง 870 นิวตันเมตร สัมผัสได้ถึงประสบการณ์ใหม่แห่งความเร้าใจเมื่อโลดแล่นบนท้องถนน


     ในการสร้างสรรค์ Wraith Black Badge ทีมวิศวกรประจำสำนักงานใหญ่ของ RollsRoyce ได้มุ่งมั่นค้นหาหนทางเพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดแห่งสมรรถนะ ด้วยการนำเครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.6 ลิตร มาผสานเข้ากับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เพื่อให้ได้แรงบิดสูงเป็นพิเศษ ตอบสนองอย่างเหนือชั้นด้วยเทคโนโลยี Intuitive Throttle Response ที่ช่วยให้ลากเกียร์ได้นานขึ้นและเร่งเครื่องได้เร็วขึ้น
     ด้วยระบบบังคับเลี้ยวและระบบเบรกที่ตอบสนองได้อย่างเหนือชั้น จึงควบคุมและสัมผัสท้องถนนได้ดังใจ และแม้ความเร็วจะเพิ่มขึ้น Wraith Black Badge ก็ยังคงความนุ่มนวลราวพรมวิเศษตามแบบฉบับของ RollsRoyce พร้อมระบบกันสะเทือนอัจฉริยะที่ช่วยลดแรงกระแทกบนทุกพื้นผิว


     Wraith Black Badge อัดแน่นด้วยที่สุดแห่งเทคโนโลยีเหนือระดับ ไม่ว่าจะเป็น Satellite Aided Transmission ที่สามารถเลือกเกียร์ให้เหมาะกับสภาพถนนข้างหน้าได้อัตโนมัติ และไฟหน้า LED อัตโนมัติรุ่นใหม่เพื่อทัศนวิสัยที่ชัดเจนขณะขับรถท่ามกลางความมืด ใช้ได้เฉพาะบางประเทศเท่านั้น (ได้เฉพาะบางประเทศเท่านั้น


รังสรรค์เพื่อความสมบูรณ์แบบ

     เวลากว่าสี่ร้อยชั่วโมง มือกว่าหกสิบคู่ เพื่อเป้าหมายเดียว: นั่นคือการสร้างสรรค์ Wraith Black Badge ให้สมบูรณ์แบบ ตั้งแต่คืนวันที่ใช้ในการสร้างสรรค์โทนสีดำสนิทที่มีเฉพาะในยนตรกรรม RollsRoyce จนถึงเดือนปีที่ใช้ในการพัฒนาล้ออันเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ของ Black Badge ทุกองค์ประกอบของรถหรูรุ่นนี้ล้วนเป็นดอกผลแห่งงานฝีมือระดับโลก
     ล้อรุ่นใหม่ที่ใช้เวลาในการพัฒนามากกว่าสี่ปีนี้มีความแตกต่างกับล้อรุ่นก่อนหน้านี้ของ RollsRoyce อย่างสิ้นเชิง ด้วยโครงสร้างอะลูมิเนียม 3D คุณภาพระดับอากาศยานที่ยึดด้วยไทเทเนียมความแข็งแกร่งสูงแบบเดียวกับที่ใช้ในยานอวกาศ ผลที่ได้คือล้อที่ทั้งแข็งแรงและน้ำหนักเบาอย่างเหลือเชื่อ ซี่ล้อสีดำ Jet Black ตัดกับขอบล้อคาร์บอนไฟเบอร์อย่างเด่นชัด สำหรับขอบล้อสร้างขึ้นจากผืนคาร์บอนไฟเบอร์ 22 ชั้นที่วางทับกันในสามทิศทาง จากนั้นจึงพับซ้อนกันให้ได้ 44 ชั้นเพื่อความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ส่งผลให้ได้ขอบล้อในแต่ละชั้นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
     แม้แต่การตกแต่งภายในก็ใส่ใจทุกรายละเอียด ห้องโดยสารของ Black Badge มีจุดเด่นอยู่ที่แผงคอนโซลหน้าไฟเบอร์ วัสดุนวัตกรรมใหม่ที่ออกแบบให้สะกดทุกสายตา รังสรรค์ขึ้นจากการร้อยเรียงเส้นใยอะลูมิเนียมขนาด 0.014 มม. คุณภาพระดับอากาศยานเข้ากับคาร์บอนไฟเบอร์อย่างประณีต ตามด้วยการเคลือบแลคเกอร์ 6 ชั้น ทิ้งไว้ให้แข็งตัวเป็นเวลา 72 ชั่วโมง ปิดท้ายด้วยการขัดเงาด้วยมือเพื่อให้ได้ความแวววาวราวกระจก
Product Specification,
     เป็นเครื่อง V 12 ขนาด 6.6 ลิตร และมีการปรับจูน การควบคุมของเกียร์ให้ดีขึ้น ทำให้แรงบิดเพิ่มขึ้น จากเดิม 800 นิวตันเมตร เป็น 870 นิวตันเมตร อัตราแรงเร่ง 0-100 กิโลเมตร จาก 4.4 เป็น 4.3 วินาที ให้แรงม้าถึง 624 bhp (465 กิโลวัตต์) ทำให้ผลลัพธ์สมรรถนะมีประสิทธิภาพและนิ่มนวลขึ้นอย่างเห็นได้ชัด