ADS


Breaking News

รูปแบบที่ทำงานยุคใหม่ที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป

  • จากการวิจัยข้อมูลที่จัดทำโดยเดลล์ และอินเทล ซึ่งตีพิมพ์อยู่ใน Future Workforce Study พบว่ามากกว่าครึ่งของคนทำงาน (45 เปอร์เซ็นต์) ของประเทศภายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ตลอดจนประเทศญี่ปุ่น (APJ) ต่างมองว่าสถานที่ทำงานของตัวเองยังไม่ทันสมัยเพียงพอ ยกตัวอย่าง ในประเทศจีน มีพนักงานมากกว่า 63 เปอร์เซ็นต์ ที่ระบุว่าออฟฟิศของพวกเขายังไม่สมาร์ทพอ ในขณะที่พนักงานส่วนใหญ่ราว 40 เปอร์เซ็นต์ในประเทศญี่ปุ่น และราว 30 เปอร์เซ็นต์ในประเทศอินเดียต่างรู้สึกแบบเดียวกัน
  • การวิจัยของ Future Workforce Study ยังเผยว่า 37 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามจากประเทศต่างๆ ในภูมิภาค (APJ) รายงานเกี่ยวกับความช้า และการติดขัดในการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ หรือกระทั่งซอฟต์แวร์ที่ทำให้เกิดปัญหาติดขัดในการทำงาน ขณะที่อีก 15 เปอร์เซ็นต์ระบุว่าพวกเขาต้องเสียเวลาในการทำงานไปกับการซ่อมอุปกรณ์ทางเทคโนโลยีที่เกิดการเสียหาย ซึ่งการขาดแคลนเทคโนโลยีอันทันสมัยในการทำงานสามารถก่อให้เกิดผลกระทบด้านความไม่พึงพอใจของพนักงาน ทั้งยังทำให้บริษัทดังกล่าวไม่สามารถรักษาศักยภาพ และความสามารถด้านการแข่งขันของตัวเองเอาไว้ได้
  • ผู้จ้างงานที่ไม่สามารถตอบสนองต่อความคาดหวังของพนักงานในด้านเทคโนโลยีในสำหรับการทำงานมีโอกาสที่จะสูญเสียบุคลากรที่ดีในการทำงานไป จากการวิจัย 42 เปอร์เซ็นต์ของคนรุ่นใหม่ (millennials) ระบุอย่างชัดเจนว่าพวกเขาพร้อมที่จะลาออกจากที่ทำงานที่มีมาตรฐานทางเทคโนโลยีที่ต่ำกว่าที่ควรเป็น ขณะที่อีก 45 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่ตอบคำถามภายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคคาดหวังที่จะได้ทำงานในสมาร์ทออฟฟิศภายในอีก 5 ปีข้างหน้า


  • จากการวิจัย กลุ่มคนรุ่นใหม่หรือ millennials คือกลุ่มที่ผลักดันความนิยมในด้านเทคโนโลยีล้ำสมัยในที่ทำงาน รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงาน ซึ่งสิ่งนี้ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับภูมิภาคเอเชีย จากการศึกษาร่วมระหว่าง Singapore Tourism Board วีซ่า และแมคคินซี่ เผยให้เห็นว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของจำนวน millennials ทั่วโลกมีภูมิลำเนาอยู่ในภูมิภาคนี้


  • ปัจจุบัน การทำงานในพื้นที่ห่างไกล (remote) สามารถทำได้ด้วยอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ให้ความสะดวกสบายในรูปแบบเดียวกับการทำงานภายในออฟฟิศ และพนักงานต่างพอใจที่สามารถเลือกทำงานในพื้นที่ที่ต้องการซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถคงความสมดุลย์ชีวิตการทำงาน (work-life balance) ได้ดีมากขึ้น การวิจัยแสดงเห็นว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของพนักงานอินเดียน และ 30 เปอร์เซ็นต์ของพนักงานชาวจีนทำนายว่าด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น กับทีมงานที่ทำงานอยู่ในที่ห่างไกลกันจะทำให้การสื่อสารแบบพบกันโดยตรง (face-to-face) กลายเป็นสิ่งล้าสมัย
  • ไม่ว่าผลการสำรวจจะเป็นอย่างไร ยังคงมีหนทางที่จะมุ่งไปสู่การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมขององค์กร ตลอดจนแนวคิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา โดยพนักงานชาวจีนมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ระบุว่าการปฏิสัมพันธ์แบบพบหน้ามีความสำคัญต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ และส่วนใหญ่พอใจการติดต่อในรูปแบบนี้มากกว่า ในความเป็นจริง 92 เปอร์เซ็นต์เห็นด้วยว่าการพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานโดยตรงมีความสำคัญต่อประสิทธิผล ในสภาพแวดล้อมของการทำงานแบบมืออาชีพ


  • มีความคาดหวังว่าอุปกรณ์การทำงานระดับเอนเทอร์ไพรซ์จะได้รับการอัพเกรดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพอย่างสม่ำเสมอเช่นดียวกับอุปกรณ์ในโลกของคอนซูเมอร์ ผลิตภัณฑ์คอมเมอร์เชียลเพื่อการทำงานในองค์กรต่างมี ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ วัสดุ ความง่ายในการใช้งาน เหมือนกับอุปกรณ์ในกลุ่มคอนซูเมอร์เรียบร้อยแล้ว  โดยเพิ่มส่วนของระบบ  ซิเคียวริตี้ ความสามารถในการจัดการ (manageability) และความน่าเชื่อถือ (reliability) ที่ภาคธุรกกิจต้องการ

  • โซลูชันการรักษาความปลอดภัยถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อธุรกิจ สำหรับออฟฟิศที่ใช้โครงสร้างพื้นฐานแล็ปท็อป การใช้โซลูชันเพื่อการป้องกันมัลแวร์ใหม่ที่สุดคือสิ่งที่มีความจำเป็นเป็นอย่างยิ่ง ผู้ว่าจ้างยังตระหนักด้วยว่าพนักงานต้องการระบบเพื่อการเข้าถึงข้อมูลอย่างปลอดภัยทั้งจากพื้นที่ และสภาพแวดล้อมต่างๆกัน โซลูชันการกำหนดสิทธิ์การเข้าถึง (Authorize solution) ต้องพร้อมเพื่อให้อนุญาตการเข้าถึงข้อมูลขององค์กรจากพื้นที่ภายนอก ขณะที่ป้องกันไม่ให้อุปกรณ์การทำงานที่สูญหายหรือถูกขโมยแทรกซึมเข้ามาได้

  • เทคโนโลยีเกิดใหม่ต่างๆ ที่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบออฟฟิศทำงาน และก่อให้เกิดปลกระทบที่ดีในเชิงประสิทธิผล รวมไปถึงปัญญาประดิษฐ์ (AI) เทคโนโลยีเสมือนจริง (AR/VR) ตลอดจนอินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (IoT) ทั้งนี้ 1 ใน 5 (21 เปอร์เซ็นต์) ของผู้ตอบแบบสอบถามในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคใน Future Workforce Study ชี้ว่าพวกขาตั้งใจที่จะใช้ AR/VR ในการเพิ่มทักษะด้านต่างๆ และอีก 21 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าเทคโนโลยี 3D เวอร์ชวลไลเซชันผ่าน AR/VR จะช่วยให้พวกเขาได้แนวคิดใหม่ๆ กระทั่งสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่มีอยู่ได้เช่นเดียวกัน


  • ในทางกลับ ประเทศญี่ปุ่นกลับมีความอนุรักษ์นิยมมากกว่า ดูได้จากตัวเลข 14 เปอร์เซ็นต์ของพนักงานญี่ปุ่นที่ตื่นเต้นกับการใช้ AR/VR ในการแก้ปัญหาในการทำงาน โดย 23 เปอร์เซ็นต์ระบุว่ายังมองไม่ออกว่าจะใช้ AR/VR แบบมืออาชีพได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม พวกเขาช่วยสะท้อนเสียงที่เหลือของทั้งภูมิภาคด้วยตัวเลข 45 เปอร์เซ็นต์ที่เห็นด้วยว่าเทคโนโลยี AI จะช่วยให้งานของพวกเขาง่ายขึ้น
  • เจ้าของกิจการควรพิจารณาแนวทางต่างๆ เพื่อการปรับเปลี่ยนออฟฟิศการทำงาน ซึ่งไม่เพียงแต่สามารถเพิ่มประสิทธิผล พร้อมรักษาบุคลากรที่มีความสามารถเอาไว้ แต่ยังสร้างความมั่นใจได้ว่าองค์กรยังคงล้ำหน้าในยุคอนาคตดิจิทัลนี้ กุญแจสำคัญคือการค้นหากลยุทธ์ และแนวนโยบายที่ถูกต้องเหมาะสมสำหรับองค์กรที่จะช่วยสร้างผลประโยชน์ให้กับธุรกิจขณะที่สามารถรักษาความปลอดภัยให้กับองค์กรในเวลาเดียวกัน:


  • จัดทำแผนระยะยาวเพื่อวางให้ออฟฟิศทำงานเดินไปในทิศทางเดียวกับเทคโนโลยีรุ่นใหม่ ที่สามารถสร้างประสิทธิภาพใหม่ๆ ให้กับองค์กร โดยมุ่งเน้นไปที่โซลูชันแบบเปิดที่พร้อมสำหรับการรองรับอนาคต (future-ready solution)
  • ยินยอมให้พนักงานทำงานในสถานที่ที่ต้องการ พร้อมอุปกรณ์การทำงานที่เหมาะสม
  • พิจารณาการนำอุปกรณ์เพื่อการทำงานในองค์กรรูปแบบใหม่ๆ เข้ามาใช้งาน
  • ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลต่างๆ อาทิ คลาวด์ และ virtual sharing จากผู้ค้าที่เป็นที่ยอมรับเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดในด้านความสามารถในการเพิ่มผลผลิต
  • นำกลยุทธ์การรักษาความปลอดภัยที่อุปกรณ์ปลายทางที่แข็งแกร่งเข้ามาใช้ เพื่อที่จะได้สามารถมองเห็น และสามารถควบคุมตัวบุคคลที่ต้องการเข้าถึงข้อมูล มองเห็นข้อมูลที่เป็นเป้าหมาย ตลอดจนถึงสาเหตุของความพยายามในการได้รับการอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูล คลาวด์ ไคลอันท์ คอมพิวติ้ง จะช่วยให้ข้อมูลสามารถได้รับการเก็บรักษาอย่างปลอดภัยในดาต้าเซ็นเตอร์แทนที่จะเก็บไว้ที่อุปกรณ์ปลายทาง เพิ่อให้ผู้มีสิทธิ์สามารถเข้าถึงได้โดยสะดวก
  • นำร่องโครงการด้าน IoT AI ตลอดจน AR/VR ที่ใช้อุปกรณ์ และข้อมูลที่มีอยู่ในมือ หากสามารถเป็นไปได้
  • วิเคราะห์กรณีการใช้งานที่เป็นไปได้จริง และใช้เป้าหมายของผลตอบแทนในการลงทุนเป็นเครื่องชี้นำ
  • นำเทคโนโลยี และความเชี่ยวชาญที่มีมาใช้งาน
  • เริ่มต้นด้วยโครงการขนาดเล็ก และสร้างการเติบโตอย่างรวดเร็ว พร้อมเก็บเกี่ยวผลกำไรจากงานตามการดำเนินงาน


  • เทคโนโลยีทั้งที่มีอยู่เดิม และที่กำลังจะเข้ามาใหม่ ต่างมีส่วนในการสร้างพื้นที่ทำงาน และสภาพแวดล้อมที่ทันสมัย ทำให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีความสุข ในมุมมองของเจ้าของธุรกิจที่มีความเข้าใจอย่างลึกซื้ง พื้นที่การทำงานสำหรับอนาคตจะช่วยสร้างความมั่นใจได้ว่าพนักงานจะมีอุปกรณ์การทำงานที่ดีที่สุดในมือ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์การทำงานที่ดีที่สุด ที่จะช่วยให้บริษัทสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว และยืนหยัดเป็นผู้นำในโลกที่การทำธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องโดยนวัตกรรม
Key Fact
Dell Technologies เป็นบริษัทที่มีความพิเศษด้วยประกอบไปด้วยธุรกิจที่หลากหลาย ที่มีความพร้อมในการมอบโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่จำเป็นเพื่อช่วยให้องค์กรต่างๆ ก้าวสู่อนาคตในยุคดิจิตอล พร้อมเปลี่ยนโฉมระบบไอที ปกป้องดูแลทรัพย์สิน รวมถึงข้อมูลที่สำคัญขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ


Highlight
• ทำธุรกิจครอบคลุม 180 ประเทศทั่วโลก        
• ย้ำความเป็นผู้นำด้วย 15 สายผลิตภัณฑ์ติดอันดับในรายงาน Gartner Magic Quadrant
• ให้บริการ 98 เปอร์เซ็นต์ของบริษัทยักษ์ใหญ่ซึ่งติดอันดับนิตยสาร Fortune 500   
• รายได้รวมทั้งสิ้น 72 พันล้านดอลลาร์
Dell Technologies คือ Dell, Dell EMC, Pivotal, RSA, SecureWorks, Virtustream และ VMware. เราคือกลุ่มพลังด้านนวัตกรรมที่เป็นที่เชื่อถือทั่วโลกในการส่งมอบโซลูชันทางเทคโนโลยี และการบริการ – จากโครงสร้างพื้นฐาน และซอฟต์แวร์ไปจนถึงอุปกรณ์


The Company
สำนักงานใหญ่
• ราวด์ ร็อค มลรัฐเท็กซัส
รายได้ทุกบริษัทรวมกัน
• 72 พันล้านดอลลาร์
จำนวนพนักงาน
• ~145,000
พื้นที่การทำธุรกิจทั่วโลก
• 180 ประเทศ
• ที่ตั้งโรงงานในพื้นที่ 25 แห่ง พร้อมด้วยศูนย์ดิสทริบิวชัน และ 40 แห่ง และศูนย์ดิสทริบิวชันสำหรับชิ้นส่วน 900 ทั่วโลก
• ทีมการขายรวมกันมากกว่า 40,000 คน
• พนักงานมากกว่า 30,000 คนให้การสนับสนุน และการบริการลูกค้าเต็มเวลา
• ศูนย์ให้บริการมากกว่า 1,800 แห่ง พร้อมการสนับสนุนจากส่วนซ่อมบำรุง 25 แห่งทั่วโลก
Website URLs
• DellTechnologies.com
• Dell.com • DellEMC.com
• Pivotal.com
• RSA.com
• SecureWorks.com
• Virtustream.com
• VMware.com


กลุ่มธุรกิจสำคัญ และความเชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรม
ไคลอันท์ โซลูชัน กรุ๊ป (Client Solutions Group)
• พีซี ซอฟต์แวร์ และอุหกรณ์ต่อพ่วง
• อุปกรณ์ด้านเวอร์ เดสค์ทอป อินฟราสตรัคเจอร์
อินฟราสตรัคเจอร์ โซลูชัน กรุ๊ป (Infrastructure Solutions Group)
• สตอเรจ เซิร์ฟเวอร์ และเน็ตเวิร์กกิ้ง
• คอนเวิร์จ/ไฮเปอร์คอนเวิร์จ อินฟราสตัคเจอร์ (Converged/ Hyperconverged Infrastructure)
• คลาวด์ โซลูชัน
• การปกป้องข้อมูล (Data Protection)
• Infrastructure-as-a-Service (Virtustream)
บริการ และไอที (สนับสนุนสายธุรกิจ ไคลอันท์ โซลูชัน และอินฟราสตรัคเจอร์ โซลูชัน)
• ให้คำปรึกษา
• การให้บริการ
• ซัพพอร์ต
• ฝึกอบรม
• การจัดการบริการ
• IT Proven
VMware
• Software-Defined ดาต้า เซ็นเตอร์
• ไฮบริดคลาวด์
• โมบาย คอมพิวติ้ง
Pivotal
• หลักการพัฒนาซอฟต์แวร์ยุคหน้า (Next-Generation Software Development)
• Cloud-Native Platform ที่ทันสมัย และเครื่องมือในการวิเคราะห์ (Analytics Tools)
RSA
• การรักษาความปลอดภัย (Security)
Secureworks
• การจัดการการรักษาความปลอดภัย
• ระบบตรวจจับภัยคุกคามอัจฉริยะ (Threat Intelligence)
• การให้คำปรึกษาด้านความเสี่ยง และการรักษาความปลอดภัย
• การวางแผนเพื่อรองรับเหตุการณ์ไม่คาดคิด (Incident Response)
สิทธิบัตร และการลงทุนด้าน R&D
• มีสิทธิบัตร และการยื่นจดสิทธิบัตรมากกว่า 20,000 รายการ
  • Dell, EMC และ VMware together scored a total 4,494 in IEEE’s Patent Power 2016 scorecard ในด้าน คอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ ระบบคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่อพวงคอมพิวเตอร์ รวมถึงผลิตภัณฑ์สตอเรจรวมกัน ทำให้เมื่อรวมทั้งหมดแล้ว Dell Technologies อยู่ที่อันดับที่ 2 นำหน้าไอบีเอ็ม ไมโครซอฟต์ เอชพี และเลอโนโว
• ช่วงเวลาสามปีที่ผ่านมา ยอดสะสมด้านการลงทุนของ Dell Technologies ด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) มีจำนวนสูงกว่า 12.7 พันล้านดอลลาร์
• ศูนย์วิจัย และพัฒนา 17 แห่งทั่วโลก


Industry Leadership
รายงาน Gartner Magic Quadrant
• เป็นผู้นำด้วย 15 สายผลิตภัณฑ์ติดอันดับในรายงาน Gartner Magic Quadrant
Top areas of market shareด้านส่วนแบ่งการตลาด
• ผู้นำใน เซิร์ฟเวอร์ สตอเรจ คอนเวิร์จ อินฟราสตรัคเจอร์ ดาต้าเซ็นเตอร์ ออโตเมชัน คลาวด์ เวอร์ชวลไลเซชัน และพีซี
• ได้รับการยอมรับในฐานะ ‘ผู้นำ’ ในรายงาน Gartner Magic Quadrants 15 ชิ้น
• อันดับ 1 ในระบบเอนเทอร์ไพรซ์ สตอเรจ (External, Internal & ODM Direct รวมกัน) ทั่วโลก – ส่วนแบ่งรายได้ 25.5%
  • Entry Level External Storage ทั่วโลก (Dell)
  • Midrange Storage ทั่วโลก (EMC)
  • High End External Storage ทั่วโลก (EMC)
• อันดับ 3 ด้าน PC units ทั่วโลก – ส่วนแบ่ง 15.9% (Dell)
• อันดับ 2 ด้าน PC units ในสหรัฐอเมริกา – ส่วนแบ่ง 26.8% (Dell)
• อันดับ 1 PC Monitors (units) ทั่วโลก - ส่วนแบ่ง 17.2% (Dell)
• อันดับ 1 x86 Server units ทั่วโลก - ส่วนแบ่ง 21% (Dell)
• อันดับ 1 x86 SW-Defined Compute Software ทั่วโลก (VMware)
• อันดับ 1 Enterprise Mobility Management Software ทั่วโลก (VMware AirWatch)
• อันดับ 1 Cloud Systems Management Software ทั่วโลก (VMware)
• อันดับ 1 Datacenter Automation Software ทั่วโลก (VMware)
• อันดับ 1 Integrated Systems ทั่วโลก - ส่วนแบ่ง 29.9% (EMC)
• อันดับ 1 Purpose-Built Backup Appliance ทั่วโลก - ส่วนแบ่ง 60.3% (EMC)
• อันดับ 1 All-Flash Arrays ทั่วโลก - ส่วนแบ่ง 34.8% (EMC)
• อันดับ 1 Enterprise Storage for Private Cloud IT Infrastructure ทั่วโลก - ส่วนแบ่ง 39.7% (EMC)
• อันดับ 1 Scale-Out NAS worldwide - ส่วนแบ่ง 39%
• อันดับ 1 External Object-Based Storage ทั่วโลก - ส่วนแบ่ง 17.1%
• อันดับ 1 Hybrid Flash Arrays ทั่วโลก - ส่วนแบ่ง 30.7%
• อันดับ 1 Open SAN ทั่วโลก - ส่วนแบ่ง 26%
• อันดับ 1 NAS ทั่วโลก - ส่วนแบ่ง 51.9%
• อันดับ 1 Storage Software ทั่วโลก - ส่วนแบ่ง 19.1%
• อันดับ 1 Public & Private cloud Infrastructure ทั่วโลก - ส่วนแบ่ง 15.5%


รางวัลเทคโนโลยี
• 62 รางวัลจากงาน CES 2017 (Dell)