ADS


Breaking News

ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง “เมกาเคม (ประเทศไทย)” MGT ขายไอพีโอ 100 ล้านหุ้น เทรดเอ็ม เอ ไอ ลุยโรดโชว์ 3 จังหวัด

ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง “เมกาเคม (ประเทศไทย)” MGT เสนอขายหุ้นไอพีโอ 100 ล้านหุ้น เทรดเอ็ม เอ ไอ ระดมทุนขยายสาขานครพนม หาดใหญ่ พร้อมบุกเมียนมาร์ และกัมพูชา เตรียมลุยโรดโชว์ 3 จังหวัด
นายนิมิต วงศ์จริยกุล กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท เมกาเคม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGT เปิดเผยว่า หลังจากที่ ‘MGT’ ได้ยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก หรือ IPO และได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ หรือ ไฟลิ่ง ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ขณะนี้สำนักงาน ก.ล.ต. ได้เริ่มนับหนึ่งไฟลิ่งของ บมจ.เมกาเคม (ประเทศไทย) ตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม 2560 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยบริษัท เมกาเคม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มีทุนจดทะเบียนเท่ากับ 200 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 400 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยทุนเรียกชำระแล้วเท่ากับ 150 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 300 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยที่จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 100 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท หรือ คิดเป็นร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดย MGT มีแผนระดมทุนเพื่อขยายสาขาในจังหวัดนครพนม และหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา รวมถึงการขยายสาขาในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ และกัมพูชา
ขณะที่ผลการดำเนินงาน 3 ปีย้อนหลัง ในปี 2556 มีรายได้รวม 722.86 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 88.94 ล้านบาท ปี 2557 มีรายได้รวม 615.54 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 55.67 ล้านบาท ปี 2558 มีรายได้รวม 536.19 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 44.75 ล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปี 2559 มีรายได้รวม 438.40 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 25.19 ล้านบาท
นายนิมิต กล่าวต่อว่า หลังจากนี้บริษัทฯอยู่ในระหว่างวางแผนสำหรับการเดินสายนำเสนอข้อมูลบริษัทแก่นักลงทุน หรือโรดโชว์ โดยมีเป้าหมายเพื่อพบ และให้ข้อมูลกับนักลงทุนใน 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดเชียงใหม่ และหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยเชื่อว่า MGT จะได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากนักลงทุนในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ด้วยองค์ประกอบของบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ ในการเป็นผู้ให้บริการจัดจำหน่ายเคมีภัณฑ์ประเภทเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ (Specialty Chemical) ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีโอกาสขยายตัวตามภาคอุตสาหกรรมที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญ MGT มีทีมผู้บริหารที่มีความสามารถ และมีวิสัยทัศน์ รวมถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาธุรกิจ ซึ่งคาดหวังว่าจะทำให้นักลงทุนมีความสนใจต่อหุ้น MGT มากยิ่งขึ้น
ดร.วิทยา อินาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมกาเคม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGT กล่าวว่า บริษัทฯประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายเคมีภัณฑ์ประเภทเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ (Specialty Chemical) สำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งเป็นเคมีภัณฑ์ที่ใช้เป็นส่วนเติม (Additive) ในส่วนประกอบหลักเพื่อทำปฏิกิริยาเคมีให้ผลิตภัณฑ์มีคุณสมบัติ หรือคุณลักษณะตามที่ต้องการ โดยจัดจำหน่าย และให้บริการเคมีภัณฑ์แบบครบวงจรสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งบริษัทฯมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากกว่า 1,000 ชนิด จากผู้จัดจำหน่ายมากกว่า 400 ราย ครอบคลุมกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมพอลีเมอร์ (ซึ่งใช้เคมีภัณฑ์ของบริษัทในการบวนการสร้างพอลีเมอร์ หรือ Polymerization สำหรับผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น พลาสติก เรซิ่น กาว หรือเส้นใยสังเคราะห์เป็นต้น) อุตสาหกรรมสี หรือ อุตสาหกรรมน้ำยาเคลือบผิวโลหะ เป็นต้น ซึ่งบริษัทฯมุ่งเน้นถึงการให้บริการด้านเคมีภัณฑ์ที่หลากหลาย การจัดส่งที่ตรงต่อเวลา มีการให้บริการของบุคลากรที่มีคุณภาพ เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีให้กับลูกค้า
ทั้งนี้บริษัทมีบริษัทร่วม 1 บริษัท คือ บริษัท เวอร์ทิส ลาเท็กซ์ จำกัด มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 70.12 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจผลิต และจำหน่ายหมอน และที่นอนยางพารา โดยบมจ.เมกาเคม (ประเทศไทย) ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 30 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว
เรามีความเชี่ยวชาญในการให้บริการด้านเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษแบบครบวงจร ซึ่งการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ จะทำให้ MGT มีความแข็งแกร่ง มีความพร้อมทางด้านเงินทุน และจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการขยายธุรกิจ และการแข่งขันได้ในอนาคต โดยที่ผ่านมาการทำงานร่วมกับที่ปรึกษาทางการเงินที่เป็นมืออาชีพ ทำให้ขั้นตอนต่าง ๆ เป็นไปตามที่ได้วางไว้ ทำให้เรามีความเชื่อมั่นว่าการเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียน จะช่วยยกระดับ และมาตรฐานของบริษัท ให้เป็นที่ยอมรับ มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น รวมทั้งแสดงถึงความโปร่งใสขององค์กร ให้กับทั้งคู่ค้าทางธุรกิจ และนักลงทุนอีกด้วย” ดร.วิทยากล่าว