ADS


Breaking News

PTG มั่นใจ EBITDA ปี 59 โตทะลุเป้าที่ 60% ลุยตั้งบริษัทร่วมทุนผลิต และจำหน่ายเอทานอล

‘พีทีจี เอ็นเนอยี’ มั่นใจ EBITDA ปี 59 โต 60% สูงกว่าเป้าที่ได้วางไว้ ยิ้มรับ Q4/59 โค้งสุดท้ายเข้าไฮซีซั่น พร้อมจับมือ “เอี่ยมบูรพา” เดินหน้าตั้งบริษัทร่วมทุนผลิต และจำหน่ายเอทานอล
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะสามารถทำ EBITDA เติบโตได้ 60% จากปีก่อน ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ได้วางไว้ และคาดว่าปริมาณการขายน้ำมันทั้งปีจะเติบโตขึ้น 30% จากปีก่อน ในขณะที่ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทฯ คาดว่าปริมาณการใช้น้ำมันจะเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากจะเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว และเป็นช่วงจับจ่ายใช้สอย ส่งผลให้มีการขนส่งสินค้าเพิ่มมากขึ้น รวมถึงบริษัทฯยังคงเดินหน้าเพิ่มพันธมิตรทางการค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบสิทธิพิเศษให้แก่ลูกค้าผู้ถือบัตรสมาชิก PT Max Card นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องภายใต้แบรนด์ PT Maxnitron เพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้าได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ในราคาที่คุ้มค่า และที่สำคัญที่สุดบริษัทฯ จะสร้างสรรค์สินค้า และบริการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถ และมูลค่าให้กับองค์กรในระยะยาว
ในขณะเดียวกันบริษัทฯได้ดำเนินการอนุมัติให้บริษัท พีทีจี กรีน เอ็นเนอยี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกเข้าลงทุนกับบริษัท เอี่ยมบูรพา จำกัด เพื่อจัดตั้งบริษัท อินโนเทค กรีน เอ็นเนอยี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนเพื่อประกอบกิจการผลิต และจำหน่ายเอทานอล น้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพจากกากมันสำปะหลัง หรือแป้ง หรือผลิตภัณฑ์อื่นที่เกี่ยวกับแป้ง โรงงานผลิตเอทานอล โรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส โรงไฟฟ้าชีวมวล และโรงไฟฟ้าทุกประเภท โดยบริษัท อินโนเทค กรีน เอ็นเนอยี จำกัด จะมีทุนจดทะเบียน 100,000,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 1,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 100 บาท ซึ่งบริษัท พีทีจี กรีน เอ็นเนอยี จำกัดจะเข้าถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 60 โดยใช้แหล่งเงินลงทุนจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท พีทีจี กรีน เอ็นเนอยี จำกัด และบริษัท เอี่ยมบูรพา จำกัดจะถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 40
     ทั้งนี้ผลประกอบการของบริษัทฯ ประจำไตรมาสที่ 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 157 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 88 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 127% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 69 ล้านบาท และมีรายได้รวม 15,733 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,753 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 11,979 ล้านบาท