ADS


Breaking News

ซิตี้ ยกระดับการบริการทางการเงิน รุดหน้าใช้นวัตกรรม Voice Biometrics

ให้ลูกค้ายืนยันตัวตนด้วย “เสียงพูด” ครั้งแรกของภาคธุรกิจการเงินและการธนาคาร ในประเทศไทย
     กรุงเทพฯ – ซิตี้ ประเทศไทย พร้อมใช้นวัตกรรมทางเทคโนโลยีชีวภาพเสียงหรือไบโอเมตริกซ์ด้านเสียง (Voice Biometrics) ให้ลูกค้ายืนยันตัวตนด้วย “เสียงพูด” แทนรหัสผ่าน ในการเข้าสู่ระบบธนาคารผ่านซิตี้โฟน  แบงก์กิ้ง เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และเพิ่มความปลอดภัยให้กับลูกค้า 
     มร.ดาเรน บัคลีย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย “ซิตี้ให้ความสำคัญการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย คล่องตัว และตอบโจทย์ความต้องการทางการเงินของลูกค้าเสมอมา ซึ่งในความสะดวกสบาย เรามีมาตรฐานที่เข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยทางข้อมูลของลูกค้าเป็นสำคัญ หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการเปิดตัวเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนด้วยลายนิ้วมือแทนการคีย์รหัสผ่านสำหรับลูกค้าที่ทำธุรกรรมผ่านแอพพลิเคชั่นบน ซิตี้โมบายล์ แบงก์กิ้ง เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา วันนี้ซิตี้ได้รับการอนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทยให้เป็นธนาคารแห่งแรกที่สามารถให้บริการ การยืนยันตัวตนด้วยเสียงเพื่อเข้าสู่ระบบการบริการทางโทรศัพท์ของธนาคารได้  ทำให้การเข้าถึงธุรกรรมทางการเงินพื้นฐานของลูกค้าผ่าน ซิตี้โฟน แบงก์กิ้ง 1588 ในวันนี้ มีทั้งความสะดวกสบายและปลอดภัย เพราะลูกค้าซิตี้ ไม่ต้องกังวลในจำรหัสผ่านให้ยุ่งยากหรือตอบคำถามส่วนตัวจำนวนมากอีกต่อไป”
     Voice Biometrics เป็นนวัตกรรมด้านความปลอดภัยล่าสุดของ ซิตี้ ประเทศไทย ที่ใช้เทคโนโลยีชีวภาพมายืนยันตัวบุคคลด้วยเสียงพูด เพื่อเข้าสู่ระบบธนาคารผ่าน ซิตี้โฟน แบงก์กิ้ง  โดยมีระบบปฏิบัติการที่สามารถตรวจสอบและแยกองค์ประกอบเสียงของลูกค้าที่แตกต่างกันได้ เมื่อลูกค้าซิตี้ สมัครเข้าใช้บริการ Voice Biometrics ระบบจะทำการบันทึกเสียงของลูกค้าที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มาจัดเก็บในรูปแบบของพิมพ์เสียง ( Voice Print ) และเพิ่มความปลอดภัยสูงสุดด้วยการเข้ารหัสเป็นตัวเลขแบบ Binary Code ซึ่งถือเป็นการดับเบิ้ลล็อค เพิ่มความปลอดภัยให้กับลูกค้าเป็น 2 ชั้น ดังนั้น ลูกค้าซิตี้สามารถมั่นใจในระบบ Voice Biometrics ว่า ไม่มีใครสามารถลอกเลียนแบบเสียงของลูกค้าได้
     นางวีระอนงค์ จิระนคร ภู่ตระกูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าวว่า ซิตี้ ประเทศไทย เป็นธนาคารแห่งแรกที่นำเทคโนโลยีไบโอเมตริกซ์ด้านเสียงมายืนยันตัวตนลูกค้าเพื่อเข้าสู่ระบบธนาคาร โดยเป็นระบบรักษาความปลอดภัยของลูกค้าธนาคารที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่นิยมในหลายประเทศชั้นนำ อาทิ ในประเทศสิงคโปร์ ฮ่องกง และออสเตรเลีย  ซึ่งการที่ ซิตี้  ประเทศไทย นำระบบไบโอเมตริกซ์ด้านเสียงมาใช้กับลูกค้าธนาคารขณะนี้ ถือเป็นการพลิกโฉม และยกระดับด้านความปลอดภัยของภาคธุรกิจการเงินและการธนาคารในประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับการทำธุรกรรมทางการเงินที่มีความเสี่ยงสูง เช่น การเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคล ที่สำคัญ ลูกค้าจะต้องตอบคำถามเจ้าหน้าที่ซิตี้เพิ่ม อีก 1-2 คำถาม เพื่อความปลอดภัย แต่ถ้าเป็นธุรกรรมการเงินทั่วไป เช่น การสอบถามวงเงิน หรือ วันครบกำหนดชำระ ระบบ  Voice Biometrics ทำให้ลูกค้าประหยัดเวลาในการเข้าสู่ระบบธนาคารผ่าน ซิตี้โฟน แบงก์กิ้ง เฉลี่ย 45 วินาที จากระบบเดิม และ ที่สำคัญระบบ Voice Biometrics มีความปลอดภัยสูง ด้วยระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ เช่น แม้ว่าเจ้าของบัญชีจะพูดภาษาที่แตกต่างจากที่ได้บันทึกไว้เมื่อตอนลงทะเบียนยืนยันตัวตนในระบบ Voice Biometrics ครั้งแรก แต่ถ้าเป็นเสียงเจ้าของบัญชีตัวจริง อย่างไรก็สามารถขอทราบข้อมูลหรือทำรายการที่ต้องการกับเจ้าหน้าที่ซิตี้โฟน แบงก์กิ้งได้ แต่หากไม่ใช่ หรือ ผู้อื่นพยายามเลียนแบบเสียงเจ้าของบัญชี เจ้าหน้าที่ซิตี้โฟน จะแจ้งให้ทราบทันทีว่าผู้ติดต่อไม่ผ่านการตรวจสอบเสียงด้วยระบบ Voice Biometrics ”
     สำหรับการลงทะเบียนเพื่อสมัครเข้าใช้บริการ ระบบ Voice Biometric กับทางธนาคารซิตี้แบงก์ ลูกค้าสามารถโทรติดต่อเพื่อใช้บริการได้ที่ ซิตี้โฟน แบงก์กิ้ง 1588 และแจ้งยินยอมตอบรับ การใช้บริการ Voice Biometrics หลังจากนั้นระบบจะทำการจัดเก็บพิมพ์เสียงของลูกค้าในรูปแบบของ Voice Print โดยจะเป็นการตอบคำถามข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเจ้าของบัญชีธนาคารหรือบัตรเครดิต ซึ่งหากการลงทะเบียนเพื่อบันทึกพิมพ์เสียงสมบูรณ์ ระบบจะส่งข้อความ หรือ อีเมลล์เพื่อแจ้งเตือน ประมาณ 2-4 ชม. ถัดไป หลังจากที่ได้ข้อความแจ้งเตือน ลูกค้าสามารถใช้การยืนยันตัวตนด้วยเสียงผ่านเจ้าหน้าที่ซิตี้โฟน แบงก์กิ้ง ด้วยระบบ Voice Biometric ได้ทันที โดยระบบจะทำการเข้ารหัสเสียงของลูกค้าเพื่อเปรียบเทียบกับพิมพ์เสียงที่มีการเข้ารหัสและจัดเก็บไว้ในช่วงการลงทะเบียนเสียง ซึ่งจะใช้เวลาตรวจสอบความเป็นตัวตนของลูกค้าเพียงไม่กี่วินาที ด้วยการสนทนาที่ไม่จำกัดรูปแบบ และเมื่อระบบพิสูจน์อัตลักษณ์พิมพ์เสียงของลูกค้าเรียบร้อย จึงสามารถสอบถามข้อมูลหรือทำธุรกรรมการเงินได้ นับว่าเป็นความสะดวกสบาย และปลอดภัยยิ่งขึ้นในการใช้บริการของลูกค้าซิตี้
     “การยืนยันตัวตนด้วยเสียงพูดในการเข้าสู่ระบบธนาคารเป็นอีกแนวทางในการป้องกันการเกิดอาชญากรรมทางการเงิน หรือ ผู้ไม่หวังดีที่ต้องการล้วงข้อมูลทางการเงินของลูกค้า แต่อย่างไรก็ตาม ระบบดังกล่าวยังคงเป็นทางเลือกตามความสมัครใจของลูกค้าซิตี้ หากลูกค้าไม่ตอบรับเข้าใช้บริการ ลูกค้ายังสามารถยืนยันตัวตนด้วยรหัสโทรศัพท์ รหัสใช้ครั้งเดียว หรือการตอบคำถามส่วนบุคคล ซึ่งมีความปลอดภัยในการใช้บริการเช่นกัน เพราะความปลอดภัยทางการเงิน คือหัวใจหลักในการให้บริการของซิตี้เสมอมา นางวีระอนงค์ กล่าวสรุป
# # # # #
ซิตี้
      ธนาคารชั้นนำของโลก ที่ให้บริการแก่ลูกค้ากว่า 200  ล้านราย ในกว่า 160 ประเทศและเขตปกครองทั่วโลก  ซิตี้นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่หลากหลายให้กับลูกค้าบุคคล องค์กร ภาครัฐและสถาบันต่างๆ  โดยธุรกิจหลักครอบคลุมการธนาคารและสินเชื่อเพื่อลูกค้าบุคคล (สายบุคคลธนกิจ) ธนาคารเพื่อองค์กรและการลงทุน (สายสถาบันธนกิจและวาณิชธนกิจ)  ธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์  บริการธุรกรรมทางการเงินต่างๆ รวมถึงบริการบริหารความมั่งคั่ง  ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.citigroup.com | ทวิตเตอร์: @Citi | ยูทูป: www.youtube.com/citi | บล็อก: http://new.citi.com | เฟซบุ๊ก: www.facebook.com/citi | ลิงก์อิน: www.linkedin.com/company/citi

Factsheet

เกี่ยวกับไบโอเมตริกซ์ (Biometrics)
     ไบโอเมตริกซ์ (Biometrics) เทคโนโลยีชีวภาพ ที่เป็นการผสมผสานกันระหว่างเทคโนโลยีทางด้านชีวภาพและทางการแพทย์ กับเทคโนโลยีทางคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน โดยการตรวจวัดคุณลักษณะทางกายภาพ (Physical Characteristics) และลักษณะทางพฤติกรรม (Behaviors) ที่เป็นลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคลมาใช้ในการระบุตัวบุคคลนั้นๆ โดยการนำสิ่งเหล่านั้นมาเปรียบเทียบกับคุณลักษณะที่ได้มีการบันทึกไว้ในฐานข้อมูลก่อนหน้านี้ เพื่อใช้แยกแยะบุคคลนั้นจากบุคคลอื่นๆ
     ไบโอเมตริกซ์สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ การใช้ลักษณะทางกายภาพ (Physiological Biometrics) และการใช้ลักษณะทางพฤติกรรม (Behavioral Biometrics) เพื่อใช้ในการระบุตัวบุคคล
การใช้ลักษณะทางกายภาพ (Physiological Biometrics) ประกอบด้วย
1) ลายนิ้วมือ (Fingerprint) การพิสูจน์ตัวตนของบุคคลโดยใช้ลักษณะเฉพาะของลายนิ้วมือของบุคคลในการระบุตัวตนของบุคคล
2) โครงสร้างมือ (Hand Geometry) การพิสูจน์ตัวตนของบุคคลโดยใช้คุณสมบัติทางเรขาคณิตของมือเช่นความยาวของนิ้วและความกว้างของมือในการระบุตัวตน
3) รูปแบบของม่านตา (Retina Pattern) การพิสูจน์ตัวตนของบุคคลโดยใช้รูปแบบของเส้นเลือดในด้านหลังของตา หรือ ลักษณะเฉพาะของดวงตา
4) ลักษณะของรูม่านตา (Iris Pattern) การพิสูจน์ตัวตนของบุคคลโดยรูม่านตาซึ่งเป็นลักษณะที่พิสูจน์ด้วยเนื้อเยื่อในตาที่เรียกว่า Trabecular meshwork ที่มนุษย์ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ในครรภ์มารดา
5) โครงสร้างใบหน้า (Facial) การพิสูจน์ตัวตนของบุคคลที่ใช้วิธีการจับภาพรูปใบหน้าตามโครงสร้างและส่วนสำคัญ เช่น โครงหน้า คิ้ว ตา จมูก และปากในรูปแบบสามมิติแล้วนำมาคำนวณ เพื่อทำการเปรียบเทียบกับรูปโครงหน้าเดิมที่ทำการลงทะเบียนไว้ในระบบ
6) ลักษณะใบหู (Ear Shape) การพิสูจน์ตัวตนของบุคคลโดยใช้รูปทรงของหูเพื่อระบุตัวตนของบุคคล
การใช้ลักษณะทางพฤติกรรม (Behavioral Biometrics)
1) การเดิน (Gait Recognition) การพิสูจน์ตัวตนของบุคคลโดยใช้รูปแบบการเดินของบุคคล
2) การเซ็นชื่อ (Signature)  การพิสูจน์ตัวตนของบุคคลโดยใช้ลักษณะลายเซ็น
3) การพิมพ์ (Keystroke Dynamics ) การพิสูจน์ตัวตนของบุคคลด้วยลักษณะการพิมพ์ของบุคคลที่แตกต่างกัน
4) เสียง (Voice Recognition) การพิสูจน์ตัวตนของบุคคลด้วยเสียงพูด ที่มีลักษณะ “พิมพ์เสียง”(Voice Print)     ที่แตกต่างกัน เฉกเช่นเดียวกับลายนิ้วมือของบุคคล

กระบวนการในการตรวจสอบ หรือระบุตัวบุคคลด้วยระบบไบโอเมตริกซ์ มีขั้นตอนดังนี้
1.การรับข้อมูล
     ผู้ใช้ระบบต้องทำการลงทะเบียนโดยการให้ตัวอย่าง (Samples) ของลักษณะทางไบโอเมตริกซ์ที่ต้องการจะใช้ หรือเป็นการลงทะเบียนเริ่มต้น ก่อนที่จะเริ่มใช้ระบบในการระบุตัวตน
2. การจัดเก็บข้อมูล
     การนำตัวอย่างทางไบโอเมตริกซ์ที่ถูกจัดเก็บจากในขั้นตอนแรกมาทำการแปลงและจัดเก็บให้เป็นข้อมูลแม่แบบ (Template) ที่จะใช้ในการเปรียบเทียบ
3.การวิเคราะห์ข้อมูล
     เมื่อผู้ใช้ต้องการระบุตัวตน ระบบไบโอเมตริกซ์จะทำการเปรียบเทียบกับข้อมูลแม่แบบ (Template) ที่เก็บไว้ แล้วทำการตรวจสอบความเหมือนระหว่างตัวอย่าง (Samples) และแม่แบบ จากนั้นก็จะทำการอนุญาต หรือปฏิเสธ การเข้ามาใช้งานของผู้ทดสอบ
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีไบโอเมตริกซ์
     เทคโนโลยีไบโอเมตริกซ์นำมาใช้เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับองค์กร รวมไปถึงในระดับประเทศ เนื่องจากการทำงานของระบบไบโอเมตริกซ์สามารถจำแนกความแตกต่างของแต่ละบุคคลออกจากกันได้อย่างแม่นยำโดยไม่จำเป็นต้องใช้รหัสผ่าน หรือ สมาร์ทการ์ด ดังนั้นในปัจจุบันจึงเริ่มมีการนำเทคโนโลยีทางด้านนี้ไปใช้กันในหลากหลายสายงาน เช่น  งานทางด้านกฎหมายที่เกี่ยวกับอาชญากรข้ามชาติ การสืบสวนการกระทำผิดทางอาญา ช่วยผู้รักษากฎหมายในการจับกุมตัวผู้กระทำผิด รวมถึงองค์กรหรือหน่วยงานที่ใช้เกี่ยวกับการค้นคว้าและวิจัยที่เป็นส่วนความลับ และการระวังภัยเข้า-ออกบริษัท นอกจากนี้เทคโนโลยีไบโอเมตริกซ์ยังเพิ่มความปลอดภัยในการเข้าถึงอุปกรณ์ทางเทคโนโลยี เช่น การใช้งานคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค สมาร์ทโฟน ที่มีการตรวจสอบผู้ใช้งานด้วย ลายนิ้วมือ และลักษณะการพิมพ์ เป็นต้น และล่าสุดเทคโนโลยีไบโอเมตริกซ์เพื่อความปลอดภัย คือ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในสถาบันการเงิน ซึ่งการตรวจสอบตัวบุคคลว่าเป็นเจ้าของบัญชีหรือไม่นั้น เป็นสิ่งที่เป็นพื้นฐานที่สำคัญของการทำธุรกิจของสถาบันทางการเงิน การใช้การตรวจสอบด้วยลายเซ็น บัตรประจำตัว หรือแม้แต่รหัสผ่าน เป็นสิ่งที่ง่ายต่อการปลอมแปลงในปัจจุบันนี้ และอาจเป็นช่องทางฉ้อโกงของมิจฉาชีพได้ ดังนั้น การนำเอาเทคโนโลยีทางด้านไบโอเมทริกซ์มาเป็นสิ่งประกอบเพิ่มเติมในสถาบันการเงินในการตรวจสอบตัวบุคคล เช่น การยืนยันตัวตนด้วยลายนิ้วมือแทนการคีย์รหัสผ่าน และการยืนยันตัวตนด้วยเสียงผ่านบริการคอลเซ็นเตอร์ จึงเป็นสิ่งที่ได้รับความสนใจจากสถาบันทางการเงินทั่วโลกเพื่อลดและป้องกันมิจฉาชีพทางการเงิน

ซิตี้ กับการประยุกต์ใช้ระบบไบโอเมตริกซ์ด้านเสียง เพื่อความปลอดภัยของลูกค้าซิตี้
     Voice Biometrics คือ ระบบยืนยันตัวตนด้วยเสียง เป็นนวัตกรรมล่าสุดในการยืนยันตัวบุคคลด้วยเสียงเป็นครั้งแรกของ ภาคธุรกิจการเงินและการธนาคาร ในประเทศไทยที่ซิตี้นำมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกและรวดเร็วในการให้บริการลูกค้าที่ใช้บริการซิตี้โฟน แบงก์กิ้ง
สะดวกยิ่งกว่า (Hassle-free)
     ลูกค้าซิตี้จะได้รับความสะดวกยิ่งกว่า ในการใช้บริการ ซิตี้โฟน แบงก์กิ้ง โดยหลังจากที่ลูกค้าสมัครใช้บริการ Voice Biometrics แล้ว ในครั้งต่อไปที่ติดต่อเจ้าหน้าที่ ซิตี้โฟน แบงก์กิ้ง ลูกค้าสามารถสนทนากับเจ้าหน้าที่ได้ตามปกติ โดยเสียงของลูกค้าจะถูกประมวลผลและใช้เป็นรหัสผ่าน เพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของบัญชีได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว
รวดเร็วยิ่งกว่า (Fast)
     เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและบริการที่รวดเร็วยิ่งกว่า เมื่อลูกค้าซิตี้สมัครใช้บริการดังกล่าวผ่านทาง   ซิตี้โฟน แบงก์กิ้ง ลูกค้าก็ไม่ต้องกังวลในการจดจำรหัสผ่าน (PIN) หรือ ตอบคำถามน้อยลงในการยืนยันตัวตน  
ปลอดภัยกว่า (Safe)
     วางใจได้มากกว่าด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่ใช้เสียงของบุคคลที่มีความเป็นเอกลักษณ์ในการตรวจสอบความเป็นตัวตนและใช้เป็นรหัสผ่านเข้าสู่ข้อมูลบัญชีผ่านทางเจ้าหน้าที่ซิตี้โฟน แบงก์กิ้ง
หลักการทำงาน Citi Voice Biometrics