"ซีพี" จับมือ "แบงค็อก ยูไนเต็ด" สานฝัน...ปันโอกาส ปั้นแข้งเยาวชน เฟ้นเด็กไทย 20 คนจากทั่วประเทศ สร้างนักเตะอาชีพให้กับวงการฟุตบอล
เมื่อวันที่ 9 ก.ย.59 เครือเจริญโภคภัณฑ์ ร่วมกับ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น และ บริษัท เจียไต๋ จำกัด จัดงานแถลงข่าว โครงการ ซีพี สานฝัน ปันโอกาส “ปั้นเยาวชนเข้าสโมสรฟุตบอลอาชีพ” โดยมี นายอภัยชนม์ วัชรสินธุ์ รองกรรมการผู้จัดการ ด้านประสานกิจการสัมพันธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์, นายขจร เจียรวนนท์ ผู้อำนวยการบริหาร ด้านกิจการองค์กร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น และ ประธานสโมสร แบงค็อก ยูไนเต็ด พร้อมด้วย ดานิเอลเล่ อินวินซิบิเล่ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมเยาวชนของสโมสรแบงค็อก ยูไนเต็ด และสองสตาร์ดังดีกรีทีมชาติไทยของทีมอย่าง มิก้า ชูนวลศรี และ "ลีซอ" ธีรเทพ วิโนทัย ให้เกียรติเดินทางมาร่วมงาน ณ ห้องออดิทอเรียม ชั้น 21 อาคารทรู ทาวเวอร์
นายอภัยชนม์ วัชรสินธุ์ รองกรรมการผู้จัดการ ด้านประสานกิจการสัมพันธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์ ร่วมกับ บมจ. ทรูคอร์ปอเรชั่น และ บริษัท เจียไต๋ จำกัด ผนึกกำลังร่วมกับ สโมสรฟุตบอลแบงค็อก ยูไนเต็ด เปิดโอกาสสร้างฝันให้เยาวชนชายไทยอายุ 11-13 ปี โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลที่สนใจและมีพื้นฐานการเล่นฟุตบอล ซึ่งจะก้าวไปสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ สานต่อความฝันของตนเอง ด้วยการร่วมคัดเลือกเพื่อเป็น 20 เยาวชน ที่จะได้เข้าสู่โครงการฝึกหัดฟุตบอลกับ BUFC Academy โดยทีมโค้ชมืออาชีพของสโมสร แบงค็อก ยูไนเต็ด พร้อมรับทุนการศึกษาระยะยาวในระดับชั้นมัธยมศึกษาที่ 1-6 ตลอดระยะเวลาการดำเนินโครงการ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างนักฟุตบอลไทยที่มีความสามารถ นำไปสู่การยกระดับและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยก้าวไปทัดเทียมกับนานาชาติได้อย่างยั่งยืน โดยคาดว่าจะมีเยาวชนกว่า 12,000 คนทั่วประเทศตอบรับเข้าร่วม พร้อมได้รับการสนับสนุนจาก กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (อปท.) อนุเคราะห์สนามฟุตบอลเพื่อใช้ดำเนินโครงการ รวมถึง สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่ช่วยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์โครงการนี้ไปสู่โรงเรียนในสังกัดกว่า 31,000 แห่ง และสนับสนุนให้นักเรียนที่สนใจสมัครเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้อย่างดียิ่ง
ด้าน นายขจร เจียรวนนท์ ผู้อำนวยการบริหาร ด้านกิจการองค์กร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น และ ประธานสโมสร แบงค็อก ยูไนเต็ด กล่าวว่า มีความยินดี และภูมิใจที่จะนำเอาความรู้ความถนัดทางกีฬาฟุตบอล เอามาถ่ายทอดให้กับเยาวชนในวัย 11-13 ปี ซึ่งนับเป็นช่วงอายุที่มีความเหมาะสม จากการเริ่มมีทักษะ มีทัศนคติที่พร้อมเปิดรับการฝึกฝนด้วยความมุ่งมั่น มีความรับผิดชอบ ซึ่งการบ่มเพาะศาสตร์ฟุตบอลตามขั้นตอนจะทำให้เยาวชนเติบโตไปในทิศทางที่ถูกต้อง โดยเยาวชนทั้ง 20 คนที่ผ่านการคัดเลือกจากโครงการ ได้เข้าสู่โครงการฝึกหัดฟุตบอลกับ BUFC Academy โดยทีมผู้ฝึกสอนเยาวชนของสโมสรแบงค็อก ยูไนเต็ด (BUFC) อีกทั้งยังจะมีโอกาสแข่งขันกับทีมเยาวชนอื่นๆ เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ พัฒนาขีดความสามารถ จนพร้อมที่จะเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลได้เมื่ออายุประมาณ 18 ปี และสนับสนุนให้เยาวชนมีพลังก้าวไปตามความฝันบนเส้นทางนักฟุตบอลอาชีพกับสโมสรทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยมุ่งหวังว่าเยาวชนทุกคนจะมีโอกาสก้าวไปสู่ความสำเร็จ ตลอดจนสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยในวงการฟุตบอลระดับโลกต่อไปในอนาคต
นายอภัยชนม์ วัชรสินธุ์ รองกรรมการผู้จัดการ ด้านประสานกิจการสัมพันธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์ ร่วมกับ บมจ. ทรูคอร์ปอเรชั่น และ บริษัท เจียไต๋ จำกัด ผนึกกำลังร่วมกับ สโมสรฟุตบอลแบงค็อก ยูไนเต็ด เปิดโอกาสสร้างฝันให้เยาวชนชายไทยอายุ 11-13 ปี โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลที่สนใจและมีพื้นฐานการเล่นฟุตบอล ซึ่งจะก้าวไปสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ สานต่อความฝันของตนเอง ด้วยการร่วมคัดเลือกเพื่อเป็น 20 เยาวชน ที่จะได้เข้าสู่โครงการฝึกหัดฟุตบอลกับ BUFC Academy โดยทีมโค้ชมืออาชีพของสโมสร แบงค็อก ยูไนเต็ด พร้อมรับทุนการศึกษาระยะยาวในระดับชั้นมัธยมศึกษาที่ 1-6 ตลอดระยะเวลาการดำเนินโครงการ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างนักฟุตบอลไทยที่มีความสามารถ นำไปสู่การยกระดับและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยก้าวไปทัดเทียมกับนานาชาติได้อย่างยั่งยืน โดยคาดว่าจะมีเยาวชนกว่า 12,000 คนทั่วประเทศตอบรับเข้าร่วม พร้อมได้รับการสนับสนุนจาก กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (อปท.) อนุเคราะห์สนามฟุตบอลเพื่อใช้ดำเนินโครงการ รวมถึง สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่ช่วยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์โครงการนี้ไปสู่โรงเรียนในสังกัดกว่า 31,000 แห่ง และสนับสนุนให้นักเรียนที่สนใจสมัครเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้อย่างดียิ่ง
ด้าน นายขจร เจียรวนนท์ ผู้อำนวยการบริหาร ด้านกิจการองค์กร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น และ ประธานสโมสร แบงค็อก ยูไนเต็ด กล่าวว่า มีความยินดี และภูมิใจที่จะนำเอาความรู้ความถนัดทางกีฬาฟุตบอล เอามาถ่ายทอดให้กับเยาวชนในวัย 11-13 ปี ซึ่งนับเป็นช่วงอายุที่มีความเหมาะสม จากการเริ่มมีทักษะ มีทัศนคติที่พร้อมเปิดรับการฝึกฝนด้วยความมุ่งมั่น มีความรับผิดชอบ ซึ่งการบ่มเพาะศาสตร์ฟุตบอลตามขั้นตอนจะทำให้เยาวชนเติบโตไปในทิศทางที่ถูกต้อง โดยเยาวชนทั้ง 20 คนที่ผ่านการคัดเลือกจากโครงการ ได้เข้าสู่โครงการฝึกหัดฟุตบอลกับ BUFC Academy โดยทีมผู้ฝึกสอนเยาวชนของสโมสรแบงค็อก ยูไนเต็ด (BUFC) อีกทั้งยังจะมีโอกาสแข่งขันกับทีมเยาวชนอื่นๆ เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ พัฒนาขีดความสามารถ จนพร้อมที่จะเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลได้เมื่ออายุประมาณ 18 ปี และสนับสนุนให้เยาวชนมีพลังก้าวไปตามความฝันบนเส้นทางนักฟุตบอลอาชีพกับสโมสรทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยมุ่งหวังว่าเยาวชนทุกคนจะมีโอกาสก้าวไปสู่ความสำเร็จ ตลอดจนสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยในวงการฟุตบอลระดับโลกต่อไปในอนาคต
สำหรับ โครงการ ซีพี สานฝัน ปันโอกาส “ปั้นเยาวชนเข้าสโมสรฟุตบอลอาชีพ” จะเปิดรับสมัครเยาวชนชายไทย อายุระหว่าง 11-13 ปี รวมกลุ่มทีมละ 7 คน โดยครูฝ่ายพละหรือโค้ชจัดทีมส่งในนามโรงเรียน (1 โรงเรียนส่งได้มากกว่า 1 ทีม) เข้าแข่งขันฟุตบอล CP 7 A SIDE: ในรูปแบบแบ่งกลุ่ม พบกันหมดในแต่ละกลุ่ม เกมละ 10 นาที ทีมชนะได้ 3 คะแนน เสมอ 1 คะแนน โดยทีมนำในแต่ละกลุ่มจะได้ผ่านเข้าแข่งในระบบน็อคเอาท์ต่อไป มีกำหนดการในการแข่งขันรอบคัดเลือกของแต่ละภูมิภาค รวม 12 สนาม ดังนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : วันที่ 1 ต.ค. สนามกีฬากลาง จ.นครราชสีมา, วันที่ 4 ต.ค. สนามกีฬากลางจ.ร้อยเอ็ด, วันที่ 5 ต.ค. สนามกีฬากลาง จ.ของแก่น / ภาคเหนือ : วันที่ 8 ต.ค. สนามกีฬากลาง จ.ลำพูน,วันที่ 10 ต.ค. สนามกีฬากลาง จ.นครสวรรค์ / ภาคกลาง-ตะวันออก : วันที่ 11 ต.ค. สนามกีฬากลาง จ.พระนครศรีอยุธยา,วันที่ 17 ต.ค. สนามกีฬากลาง จ.ฉะเชิงเทรา, วันที่ 18 ต.ค. สนามกีฬากลาง จ.ปราจีนบุรี, วันที่ 23 ต.ค. สนามกีฬากลาง จ.เพชรบุรี / ภาคใต้ : วันที่ 27 ต.ค. สนามกีฬากลาง จ.นครศรีธรรมราช, วันที่ 28 ต.ค. สนามกีฬากลาง จ.สงขลา, วันที่ 29 ต.ค. สนามกีฬากลาง จ.ตรัง
ผู้สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยการแข่งขันภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ จะปิดรับสมัคร วันที่ 24 ก.ย.59 ส่วนภาคกลาง-ตะวันออก และภาคใต้ ปิดรับสมัครวันที่ 6 ต.ค.59 สอบถามรายละเอียด กติกาการแข่งขัน และสมัครได้ที่ โทร. 0-2300-6193-6 (วันจันทร์ - เสาร์ เวลา 9.00 - 17.00 น.) และเว็บไซต์ www.cp-enews.com
