แหม่ม' คัทรียา แมคอินทอช ร่วมโครงการ 'Ivory Free Thailand - หยุดซื้องาช้าง' WildAid พร้อมข้อความรณรงค์รับวันแม่
# PickMomUpChallenge รักแม่เท่าช้าง ฉลองเทศกาลวันแม่พร้อมวันช้างโลก
กรุงเทพมหานคร (11 สิงหาคม 2559) – โครงการ ‘Ivory Free Thailand - หยุดซื้องาช้าง’ ในประเทศไทย เปิดตัว คุณ ‘แหม่ม’ คัทรียา แมคอินทอช ในฐานะทูตคนที่สามของโครงการ พร้อมกับข้อความพิเศษและโครงการรณรงค์ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย ในวันที่ 11 สิงหาคมนี้ การเปิดตัว คุณแหม่ม นักแสดงสาวมากชื่อเสียง พิธีกรรายการโทรทัศน์ และคุณแม่ลูกสาม เกิดขึ้นในโอกาสเดือนมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา หรือวันแม่ และวันช้างโลกซึ่งให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของช้างและเฉลิมฉลองสัญชาตญาณความเป็นแม่อันแรงกล้าของพวกเขา
ความผูกพันธ์ของลูกช้างกับแม่ช้างเป็นความผูกพันธ์ที่ใกล้ชิดที่สุดบนโลก แม่ช้างใช้เวลาอุ้มท้องกว่า 22 เดือน และนอกจากนี้แม่ช้างนั้นยังต้องใช้เวลานานกว่า 2 ถึง 4 ปีในการเตรียมความพร้อมร่างกายเพื่อที่จะมีลูกสักหนึ่งตัวโดยนับเป็นเวลาที่ยาวนานสำหรับการเพิ่มประชากรช้างซึ่งไม่อาจเทียบได้กับระยะเวลาที่มนุษย์ไปคร่าชีวิตของมัน ทุกปีมีช้างแอฟริกามากกว่า 30,000 ตัวถูกฆ่าเพื่อเอางา
เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงปัญหานี้ คุณแหม่มได้เข้าร่วมโครงการ #PickMomUp challenge รักแม่เท่าช้าง ที่จะใช้สื่อในโลกโซเชียลมีเดียเชิญชวนให้คนไทยตระหนักและแสดงออกถึงความรักที่มีต่อช้างเพื่อต้านการฆ่าช้างเอางา และฉลองความรักของแม่ที่เรามีร่วมกัน แคมเปญจึงออกมาในลักษณะของภารกิจอุ้มแม่แสดงความรัก เพียงถ่ายภาพหรือวิดีโอสั้นๆลงโซเชียลมีเดีย โชว์พลังในการอุ้มคุณแม่โดยไม่จำกัดเทคนิค อาจให้คุณพ่อมาช่วยอุ้ม หรือจะเป็นคุณแม่อยากอุ้มคุณลูกก็ได้เช่นกัน จะอุ้มแบบยืน อุ้มแบบนั่ง ขี่คอ พาดไหล่ หรือจะอุ้มไม่ขึ้นเพราะรักแม่หนักมากจริงๆ ก็ยังได้ โดยมีแคปชั่นที่เราเริ่มไว้ เพื่อรณรงค์ให้คนตระหนักถึงปัญหาการฆ่าช้างเอางา พร้อมใส่ #PickMomUp #IvoryFreeTH #หยุดซื้องาช้าง #รักแม่เท่าช้าง เพื่อแสดงให้เห็นถึงความรักความผูกพันธ์ของแม่ที่เรากับช้างมีร่วมกัน
“ความต้องการงาช้างในเอเชียกำลังเพิ่มอัตราการสูญเสียของช้างแอฟริกา” คุณแหม่มกล่าว “สายสัมพันธ์ระหว่างลูกและแม่ช้างถือเป็นสายสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งที่สุดในบรรดาสัตว์บนโลกนี้ เช่นเดียวกันกับแม่คน แม่ช้างก็เป็นที่รักและไม่มีอะไรจะสามารถแทนที่ได้สำหรับลูกช้าง ช้างเพศเมียหลายตัวอยู่กับแม่ของมันจนลมหายใจสุดท้าย แต่มนุษย์กลับใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีคร่าชีวิตช้างเพียงเพื่องา ดังนั้นดิฉันจึงอยากรณรงค์ให้คนไทยเข้าร่วมโครงการและแสดงออก ถึงความรักที่เรามีต่อช้างและความผูกพันธ์ชั่วนิรันดร์ของคนเป็นแม่ โดยการ ไม่ซื้อ ไม่ใช้ และไม่รับผลิตภัณฑ์งาช้าง”
รายงานผลสำรวจความคิดเห็นของคนไทยเกี่ยวกับความต้องการงาช้าง และทัศนคติต่อการค้างาช้างในไทย ปี 2558 ที่จัดทำโดยองค์กร WildAid ช่วยสัตว์ป่า, African Wildlife Foundation และ Save The Elephants ระบุว่า ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวนครึ่งหนึ่ง (52%) ทราบว่ามีวิกฤตการฆ่าช้างเอางาในแอฟริกา และ จำนวนใกล้เคียงกัน (51%) ที่ทราบว่า ไทยเป็น 1 ในจุดหมายปลายทางของงาช้างผิดกฎหมายที่สำคัญของโลก
“เราจำเป็นต้องสร้างความตระหนักให้กับคนไทยได้รับรู้ว่า ตลาดค้างาช้างไทยมีส่วนกระตุ้นปัญหา การฆ่าช้างเอางาในแอฟริกา เราต้องลดความต้องการซื้อผลิตภัณฑ์งาช้างอย่างเร่งด่วน” จอห์น เบเกอร์ กรรมการผู้จัดการองค์กร WildAid กล่าว “เพราะ หยุดซื้อ คือ หยุดฆ่า” .
ปีที่แล้ว ไทยออกพระราชบัญญัติงาช้าง เพื่อควบคุมตลาดค้างาช้างถูกกฎหมายที่มาจากช้างบ้านของไทยที่เป็นช้างเอเชีย เท่านั้น รัฐบาลยังได้แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 กำหนดให้ช้างแอฟริากันเป็น 1 ในสัตว์คุ้มครองของไทย มีผลห้ามการซื้อขายหรือครอบครองงาช้างแอฟริกันแต่ไทยก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ให้นานาชาติเห็นว่า ความพยายามควบคุมตลาดค้างาช้างจะทำให้ตลาดค้างาในประเทศปราศจากงาช้างลักลอบนำเข้าผิดกฎหมายได้อย่างไร
ในขณะเดียวกัน สหรัฐอเมริกาออกกฎระเบียบใหม่ที่จะยุติการค้างาช้างในประเทศเกือบทั้งหมด ขณะที่จีน และฮ่องกง ประกาศว่าจะค่อยๆ ปิดตลาดการค้างาช้างของตนเอง
“หลังการให้คำมั่นครั้งสำคัญของสหรัฐฯ จีน และฮ่องกงว่าจะปิดตลาดค้างาช้างในประเทศ เราขอเรียกร้องให้คนไทยร่วมกัน หยุดซื้องาช้าง และขอให้ประเทศไทยเดินหน้าไปในทิศทางเดียวกับประเทศเหล่านั้นเพื่อช่วยช้าง สายพันธุ์ที่ไม่ได้
เป็นสัญลักษณ์แค่สำหรับคนไทย แต่สำหรับคนทั่วโลก” จอห์น เบเกอร์ กล่าว
เกี่ยวกับ WildAid
WildAid (www.wildaid.org) คือ องค์กรไม่แสวงผลกำไร มีเป้าหมายหลักเพื่อยุติการค้าสัตว์ป่า และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่าผิดกฎมาย WildAid เน้นรณรงค์เพื่อลดความต้องการบริโภค และความต้องการ ซื้อผลิตภัณฑ์สัตว์ป่า โดยเราหวังว่า ผู้บริโภคจะไม่กินหูฉลาม ไม่ซื้องาช้าง นอแรด และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่าอื่นๆ อีกต่อไป
WildAid (www.wildaid.org) คือ องค์กรไม่แสวงผลกำไร มีเป้าหมายหลักเพื่อยุติการค้าสัตว์ป่า และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่าผิดกฎมาย WildAid เน้นรณรงค์เพื่อลดความต้องการบริโภค และความต้องการ ซื้อผลิตภัณฑ์สัตว์ป่า โดยเราหวังว่า ผู้บริโภคจะไม่กินหูฉลาม ไม่ซื้องาช้าง นอแรด และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่าอื่นๆ อีกต่อไป
WildAidได้รับการสนับสนุนจากบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลกกว่า 100 คน ร่วมเผยแพร่ข้อความรณรงค์ ให้ผู้คนตระหนักถึงปัญหาการฆ่าและค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย ผ่านสโลแกนหลักขององค์กร “When the Buying Stops, the Killing Can Too หยุดซื้อ คือ หยุดฆ่า
เราทำงานรณรงค์ที่เอเชียเป็นหลัก ในประเทศที่ยังมีความต้องการซื้อผลิตภัณฑ์สัตว์ป่าสูง และได้ทำโครงการรณรงค์ Ivory Free หยุดซื้องาช้างในประเทศจีน ฮ่องกง และล่าสุดในไทย