ADS


Breaking News

LH BANK โชว์ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2559 ทำกำไรเติบโตกว่า 83.6% สินเชื่อด้อยคุณภาพต่ำเพียง 1.69%

ย้ำกลยุทธ์ครึ่งปีหลัง ลุยดิจิตอลแบงกิ้ง เน้นขยายฐานลูกค้ากลุ่ม Wealth
ผ่านกลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
นางศศิธร พงศธร (ฉัตรศิริวิชัยกุล) (ที่ 2 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH Bank) แถลงผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกปี 2559 ของกลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ว่าผลการดําเนินงานครึ่งปีแรกปี 2559 ของบริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (LHBANK) มีกำไรสุทธิ 1,374 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 83.6% และผลการดำเนินงาน ของธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) มีกำไรสุทธิ 1,294 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกัน ของปีก่อน 72.3% หลักๆ มาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของสินเชื่อ รายได้ค่าธรรมเนียม ตลอดจนการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพทำให้ค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวม (Cost to Income Ratio) ลดลงจาก 41.5% ของปีก่อนมาอยู่ที่ 34.2% รวมถึงการมีคุณภาพสินเชื่อที่ดี มีสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ลดลงเหลือ 1.69% จากสิ้นปีก่อนที่อยู่ที่ 1.89% ของเงินให้สินเชื่อรวม ขณะที่ค่าเฉลี่ย NPL ของระบบธนาคารพาณิชย์ ณ สิ้นไตรมาส 1/59 อยู่ที่ 2.64%
ธนาคารให้ความสำคัญกับการกันเงินสำรอง โดยธนาคารมีอัตราส่วนสำรองหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Coverage Ratio) อยู่ที่ 122.0% จากสิ้นปีก่อนที่อยู่ที่ 98.0% อัตราส่วนสำรองหนี้สูญต่อสำรองพึงกันตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่ที่ 182.9% รวมทั้งธนาคารได้ดำรง Liquidity Coverage Ratio (LCR) อยู่ที่ระดับ 90-95% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่ ธปท. กำหนดให้ในปี 2559 ต้องดำรงไม่ต่ำกว่าระดับ 60% ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการบริหารสภาพคล่องและเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ฝากเงินและลูกค้าของธนาคารได้เป็นอย่างดี  
สินทรัพย์รวม ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2559 อยู่ที่ 211,615 ล้านบาท เติบโตจากสิ้นปีก่อน 6.0% โดยธนาคารมุ่งเน้นการขยายสินเชื่อที่มีคุณภาพ สำหรับสัดส่วนสินเชื่อของธนาคารเป็นดังนี้
  • สินเชื่อ Corporate เพิ่มขึ้นจาก 62% ณ สิ้นปี 2558 ขึ้นมาอยู่ที่ 64%  
  • สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยอยู่ที่ 20%
  • สินเชื่อ SMEs อยู่ที่ 16%
ธนาคารมีสาขาทั้งสิ้น 130 สาขา เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2558 จำนวน 4 สาขา แบ่งเป็นสาขาในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 48 สาขา และสาขาในภูมิภาค 82 สาขา หรือคิดเป็นสัดส่วน 37% และ 63% ตามลำดับ
สำหรับความคืบหน้าเรื่องพันธมิตรทางธุรกิจกับ CTBC Bank นั้น เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2559 ที่ผ่านมา LHFG และ CTBC Bank ได้ร่วมลงนามในสัญญาจองซื้อหุ้น (Share Subscription Agreement) โดยสาระสำคัญของสัญญาจองซื้อหุ้น LHFG จะออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 7,544,961,342 หุ้น เพื่อเสนอขายต่อ CTBC Bank ในราคา 2.20 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 35.6169% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด สำหรับสถานะปัจจุบัน LHFG อยู่ระหว่างจัดเตรียมข้อมูลเพื่อยื่นขออนุญาตต่อธนาคารแห่งประเทศไทย และ CTBC Bank อยู่ระหว่างจัดเตรียมข้อมูลเพื่อยื่นขออนุญาตต่อหน่วยงานทางการที่ไต้หวัน
นางศศิธร กล่าวเพิ่มเติมว่า ธนาคารคาดว่าเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังปี 2559 ยังมีความไม่ชัดเจน อันสืบเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ดี กลยุทธ์ในครึ่งปีหลังของธนาคารยังเดินกลยุทธ์อย่างระมัดระวัง โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อที่ 10-12% และยังคงเน้นการปล่อยสินเชื่ออย่างมีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อประเภทใดในทุกขนาดธุรกิจ สำหรับกลยุทธ์ด้านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ ธนาคารยังคงมุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรม บริการทางการเงินใหม่ๆ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะด้านดิจิตอลแบงกิ้ง อาทิ Mobile Application หรือ LH Bank M Choice ที่เน้นฟังก์ชั่น การใช้งานที่ง่าย ตอบโจทย์ลูกค้าให้สามารถ โอนเงิน เช็คยอดเงิน ชำระค่าสาธารณูปโภคต่างๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
นอกจากนี้ธนาคารได้สนับสนุนนโยบายภาครัฐที่ผลักดันระบบการรับ-โอนเงินของประเทศ คือ บริการพร้อมเพย์ (PromptPay) ธนาคารได้ออกโปรโมชั่น โดยมอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่ผูกบัญชี LH Bank พร้อมเพย์ กับบัญชีเงินฝากของ LH Bank โดยลูกค้าสามารถโอนเงินไปต่างธนาคาร (ORFT) โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมไม่จำกัดจำนวนครั้ง สำหรับการโอนเงินผ่านช่องทาง LH Bank Speedy (Internet Banking) และ LH Bank M Choice (Mobile Application) ตั้งแต่วันนี้ – 31 ตุลาคม 2559 และนอกจากลูกค้าจะได้รับโปรโมชั่นพิเศษดีๆ แบบนี้แล้ว ลูกค้ายังได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มมากขึ้นเมื่อสมัครใช้บริการ LH Bank พร้อมเพย์ กับธนาคาร เช่น
ประหยัด บัตร LH Bank Debit Chip Card กดฟรีทุกครั้ง ทุกตู้ ทุกธนาคารทั่วไทย ไม่มีค่าธรรมเนียม
สะดวก ใช้บริการได้ทุกที่ ทุกเวลาผ่าน Mobile Application LH Bank M Choice และ Internet Banking LH Bank Speedy
คุ้มค่า รับอัตราดอกเบี้ยสูง และสามารถเบิกถอนได้ไม่จำกัด จำนวนครั้ง
คุ้มครอง รับความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ สูงสุด 25 เท่า วงเงินสูงสุด 5 ล้านบาท
อีกหนึ่งข้อดี เมื่อสมัครใช้บริการ LH Bank M Choice จะได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมคือ สามารถชำระบิลค่าสินค้าและบริการต่างๆ ได้ฟรี  ไม่มีค่าธรรมเนียม ไม่จำกัดจำนวนบิล ตั้งแต่วันนี้ – 30 ธันวาคม 2559


นายมนรัฐ  ผดุงสิทธิ์  กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (LH Fund) เผยตัวเลขภาพรวมธุรกิจกองทุนรวมที่บริษัทบริหารในครึ่งปีแรกของปี 2559 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารจัดการทั้งสิ้น ประมาณ 58,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2558 จำนวน 7,800 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15.72% ถือว่าทำได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่โตเพิ่มประมาณ 8.73% บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดกองทุนรวมอยู่ในอันดับที่ 11 ของอุตสาหกรรม ในครึ่งปีแรก LH Fund สามารถสร้างผลงานบริหารกองทุนได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกองทุนรวมหน่วยลงทุนอสังหาริมทรัพย์ (Fund of Property Funds) อย่างกองทุนเปิด แอล เอช ไทย พร็อพเพอร์ตี้ (LHTPROP) กองทุนเปิด แอล เอช พร็อพเพอร์ตี้ พลัส I (LHPROP-I) ในขณะที่กองทุนหุ้น เช่น กองทุนเปิด แอล เอช โกรท (LHGROWTH) ก็สามารถสร้างผลงานที่โดดเด่นได้ไม่แพ้กัน
นายมนรัฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง LH Fund จะเดินหน้าขยายขนาดกองทุน โดยตั้งเป้า AUM ของกองทุนรวม ณ สิ้นปี 2559 อยู่ที่ประมาณ 74,500 ล้านบาท สำหรับกองทุนที่บริษัทบริหารจะเน้นจ่ายผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ และมีนโยบายการลงทุนในกองทุนโดยการกระจายความเสี่ยงการลงทุน ในลักษณะการแนะนำการลงทุนแบบ Asset Allocation ด้วยการเพิ่มการลงทุนในต่างประเทศ เพื่อสร้างโอกาสการลงทุนพร้อมผลตอบแทนที่ดี
บริษัทมีแผนเสนอขายกองทุนใหม่ (IPO) กองทุนเปิด แอล เอช เจแปน–E (LHJAP-E) ระหว่างวันที่ 1-9 สิงหาคม 2559 บริษัทเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีของการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นหลังราคาปรับตัวลงค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน แถมมีปัจจัยบวกจากรัฐบาลญี่ปุ่นที่เตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ LHJAP-E เป็นกองทุนประเภท Feeder Fund ที่เน้นลงทุนในกองทุนหลัก คือ Amundi Funds Equity Japan Target โดยจะลงทุนใน Share Class IJ : Type of share (A) Accumulation โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV ทั้งนี้ กองทุนหลักมีนโยบายที่จะลงทุนอย่างน้อย 67% ของสินทรัพย์รวมในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดญี่ปุ่น ที่มีมูลค่าของหุ้นต่ำกว่ามูลค่าทรัพย์สินหรือ อัตราการเติบโตที่แท้จริงหรือเป็นหุ้นที่กำลังฟื้นตัว
ด้านนายกานต์ อรรถธรรมสุนทร กรรมการผู้จัดการและรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH Securities) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยช่วงครึ่งปี 2559 หลังจากที่นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยและประเทศเพื่อนบ้านในเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ก็ได้กลับมาซื้ออีกครั้งนับตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม เป็นต้นมา จนมียอดซื้อสะสมสุทธิ โดยประเทศที่มียอดซื้อสุทธิสูงสุดคือ ไต้หวัน รองลงมาคือ เกาหลีใต้ ไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ นอกจากนี้หากพิจารณาผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน พบว่าให้ผลตอบแทนสูงสุดเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นภูมิภาค ขณะที่ตลาดหุ้นพัฒนาแล้วส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนติดลบ โดย SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น 158.70 จุด หรือเพิ่มขึ้น 12.34% (YTD) ซึ่งดีกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาค โดยสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นก็คือกระแสเงินทุนไหลเข้า และแรงซื้อจากพอร์ตโบรกเกอร์ซึ่งซื้อสุทธิถึง 1.72 หมื่นล้านบาท และ 1.49 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ
ครึ่งปีแรกของปี 2559 แม้ว่าภาพโดยรวมต้องเผชิญกับปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ยังไม่เอื้ออำนวยต่อการเติบโต แต่บริษัทมีการเติบโตของรายได้จากธุรกิจหลักทรัพย์ โดยมีรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ จำนวน 42.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.80 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 88.55% (YOY) ซึ่งเป็นผลจากการทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง การขยายสาขาเพิ่มรองรับกลุ่มลูกค้ามากขึ้น ประกอบกับความร่วมมือจากธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ในการขยายฐานไปยังลูกค้าของธนาคาร และปัจจุบันบริษัทมี Market Share เฉลี่ยอยู่ที่ 0.31%
สำหรับกลยุทธ์ในครึ่งปีหลังของปี 2559 บริษัทมีแผนงานพัฒนาระบบเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน และเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในการใช้บริการ อาทิ การเปิดบัญชี Online จากระบบ Prompt Trade ผ่านหน้า Website ของบริษัทซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาในการเปิดบัญชีของลูกค้า การขยายสาขาให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยมีแผนเปิดสาขาทั้งในพื้นที่ส่วนกลางและภูมิภาค การเพิ่มบริการการลงทุนใหม่ๆ ให้ครอบคลุมในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์  ตลอดจนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง เช่น Campaign “อัดแจกกันแบบไม่ยั้งกับ LHS Loyalty Program” สะสมแต้มจากค่าธรรมเนียมการซื้อขาย เพื่อแลกเป็นเงินสด ซึ่งยิ่งเทรดมากยิ่งได้มาก
นางศศิธร กล่าวเสริมว่า ในครึ่งปีหลัง กลุ่มการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จะดำเนินงานด้วยความระมัดระวังพร้อมกับการดูแลคุณภาพสินเชื่ออย่างใกล้ชิด ธนาคารจะพัฒนาผลิตภัณท์และบริการใหม่ๆ ออกสู่ตลาด เพื่อเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมและนำเสนอบริการที่ตอบโจทย์ด้านการเงินให้กับลูกค้า พร้อมการเพิ่มประสิทธิภาพการบริการควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญต่อการพัฒนาบุคลากร การยึดมั่นในการประกอบธุรกิจตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี  การยึดมั่นในจรรยาบรรณและจริยธรรมธุรกิจ ความรับผิดชอบต่อสังคม การต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น อันเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ซึ่งเป็น ส่วนหนึ่งที่นำมาซึ่งการที่บริษัทได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 100 บริษัทจดทะเบียน ที่มีความโดดเด่น ในการดำเนินธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG100) จากสถาบันไทยพัฒน์ เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน และบริษัทได้รับรางวัล Investor’s Choice Awards จากโครงการประเมินคุณภาพการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น จากสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย โดยได้รับคะแนน 100 คะแนนเต็ม เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน