ADS


Breaking News

จา พนม โค้ช ซิโก้ และนักฟุตบอลทีมช้างศึก ชวนคนไทย “หยุดซื้องาช้าง”

(จากซ้าย) คุณจันทน์ปาย องค์ศิริวิทยา ผู้จัดการงานรณรงค์ต่อต้านการค้าสัตว์ป่า, WWF-ประเทศไทย,  คุณ จา พนม ยีรัมย์ และคุณ จอห์น เบเกอร์  กรรมการผู้จัดการองค์กร WildAid

     กรุงเทพฯ - จา พนม ยีรัมย์ หรือ โทนี จา นักแสดงชื่อดัง ร่วมเปิดตัวโครงการรณรงค์  “Ivory Free Thailand - หยุดซื้องาช้างในฐานะทูตแคมเปญ เพื่อชวนให้คนไทยร่วมกัน หยุดซื้องาช้างยุติวิกฤตการณ์ฆ่าช้างเอางาในแอฟริกา 
      “Ivory Free Thailand - หยุดซื้องาช้างเป็นแคมเปญร่วมระหว่างองค์กร WildAid และ WWF-ประเทศไทย ที่ขอให้คนไทยหยุดซื้อ หยุดใช้ และหยุดรับผลิตภัณฑ์งาช้างเป็นของขวัญ ซึ่งจะเปิดตัวแคมเปญด้วยโฆษณารณรงค์ 2 ชิ้น นำแสดงโดย จา พนม โค้ช ซิโก้ และนักฟุตบอลดาวรุ่ง ทีมชาติไทยร่วมถ่ายทอดข้อความรณรงค์

     “หลายคนเชื่อว่า งาช้างให้พลังอำนาจ โชค และปกป้องคุ้มครองผู้สวมใส่จากอันตราย แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ งาช้างส่วนใหญ่ที่ขายอยู่ในตลาดไทยทุกวันนี้มาจากช้าง ที่ถูกฆ่าเพื่อเอางาอย่างทารุณคุณจา พนม กล่าว 
คุณ จา พนม ยีรัมย์ ทูตแคมเปญ Ivory Free Thailand - หยุดซื้องาช้าง

     จา พนม เติบโตมาในครอบครัวเลี้ยงช้างที่จังหวัดสุรินทร์​ ช้างเป็นเสมือนเพื่อนและสมาชิกในครอบครัว และนั่นทำให้เขามุ่งมั่นที่จะอุทิศตัวเองเพื่อการปกป้องช้าง งาช้างที่มาจากช้าง ที่ถูกทำร้าย ถูกฆ่า ไม่สามารถที่จะให้โชค หรือเมตตามหานิยมใดๆ ได้ หากคุณซื้องาช้าง ก็เท่ากับ จ่ายเงินเพื่อฆ่าช้าง หยุดซื้องาช้างกันครับ” 
     นอกจากจา พนมแล้ว โค้ช ซิโก้ยังได้ชวนนักฟุตบอลทีมชาติดาวรุ่ง เจชนาธิป สรงกระสินธ์ และ ก้องเกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ร่วมแสดงในโฆษณาเพื่อชวนให้แฟนๆ ทีมช้างศึก และคนไทยทั้งประเทศ ร่วมกันหยุดซื้องาช้าง

     “เป็นเรื่องน่าเศร้ามากครับ ที่ช้างมากกว่า 30,000 ตัวต่อปี ถูกฆ่าเพื่อเอางาในแอฟริกาเพียงเพื่อสนองตอบความต้องการผลิตภัณฑ์ทำจากงาช้าง  ผมเชื่อว่าความสำเร็จเกิดจากการฝึกฝน ทุ่มเท พัฒนา และการเล่นตามกติกาเท่านั้น มากกว่าการพึ่งพาสิ่งของที่ได้จากการคร่าชีวิตช้างจนใกล้ภาวะสูญพันธุ์โค้ชซิโก้ กล่าว 
(จากซ้าย) คุณ จอห์น เบเกอร์  กรรมการผู้จัดการองค์กร WildAid, คุณ จา พนม ยีรัมย์, คุณ จันทน์ปาย องค์ศิริวิทยา ผู้จัดการงานรณรงค์ต่อต้านการค้าสัตว์ป่า WWF-ประเทศไทย  และ คุณชัยรัตน์ ถมยา พิธีกร ผู้ประกาศข่าว

     โฆษณารณรงค์ทั้ง 2 เรื่องจะออกอากาศโดยได้รับความอนุเคราะห์จากสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ และเผยแพร่ทางหน้าเพจ 2 โซเชียลมีเดียต่างๆ บริษัทวี จี ไอ โกลบอล มีเดีย ยังได้ร่วมสนับสนุนให้พี้นที่สื่อบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส เพื่อเผยแพร่สื่อ รณรงค์ดังกล่าวไปถึงผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสอีกด้วย
     รายงานผลสำรวจความคิดเห็นของคนไทยเกี่ยวกับความต้องการงาช้าง และทัศนคติต่อการค้างาช้างในไทย ปี 2558 ที่จัดทำโดยองค์กร WildAid ช่วยสัตว์ป่า, African Wildlife Foundation และ Save The Elephants ระบุว่า ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวนครึ่งหนึ่ง (52%) ทราบว่ามีวิกฤตการฆ่าช้างเอางาในแอฟริกา และ จำนวนใกล้เคียงกัน (51%) ที่ทราบว่า ไทยเป็น 1 ในจุดหมายปลายทางของงาช้างผิดกฎหมายที่สำคัญของโลก
     “เราจำเป็นต้องสร้างความตระหนักให้กับคนไทยได้รับรู้ว่า ตลาดค้างาช้างไทยมีส่วนกระตุ้นปัญหา การฆ่าช้างเอางาในแอฟริกา เราต้องลดความต้องการซื้อผลิตภัณฑ์งาช้างอย่างเร่งด่วนจอห์น เบเกอร์  กรรมการผู้จัดการองค์กร WildAid กล่าว  เพราะ หยุดซื้อ คือ หยุดฆ่า
     องค์กร WildAid เริ่มโครงการรณรงค์ Ivory Free ในจีน และฮ่องกง ซึ่งเป็นตลาดค้างาช้าง 2 แห่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และล่าสุดร่วมกับ WWFประเทศไทย ในการเปิดตัวแคมเปญ ‘Ivory Free Thailand หยุดซื้องาช้างในประเทศไทย 

     ตั้งแต่ปี 2555 WWF-ประเทศไทย จัดกิจกรรมรณรงค์เรียกร้องให้รัฐบาลไทยออกมาตรการจริงจัง เพื่อปิดตลาดการค้างาช้าง ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านการลักลอบค้าสัตว์ป่าของ WWFทั่วโลก เมื่อเร็วๆ นี้ สหรัฐอเมริกาออกกฎระเบียบใหม่ที่จะยุติการค้างาช้างในประเทศเกือบทั้งหมด ขณะที่จีน และฮ่องกง ประกาศว่าจะค่อยๆ ปิดตลาดการค้างาช้างของตนเอง
     “หลังการให้คำมั่นครั้งสำคัญของสหรัฐฯ จีน และฮ่องกงว่าจะปิดตลาดค้างาช้างในประเทศ เราขอเรียกร้องให้คนไทยร่วมกัน หยุดซื้องาช้าง และขอให้ประเทศไทยเดินหน้าไปในทิศทางเดียวกับประเทศเหล่านั้นเพื่อช่วยช้้างแอฟริกาเช่นกันจอห์น เบเกอร์ กล่าว
     ปีที่แล้ว ไทยออกพระราชบัญญัติงาช้าง เพื่อควบคุมตลาดค้างาช้างถูกกฎหมายที่มาจากช้างบ้านของไทยที่เป็นช้างเอเชีย เท่านั้น รัฐบาลยังได้แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 กำหนดให้ช้างแอฟริากันเป็น 1 ในสัตว์คุ้มครองของไทย มีผลห้ามการซื้อขายหรือครอบครองงาช้างแอฟริกัน แต่ไทยก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ให้นานาชาติเห็นว่า ความพยายามควบคุมตลาดค้างาช้างจะทำให้ตลาดค้างาในประเทศปราศจากงาช้างลักลอบนำเข้าผิดกฎหมายได้อย่าง­ไร
คุณ จา พนม ยีรัมย์ ทูตแคมเปญ Ivory Free Thailand - หยุดซื้องาช้าง
     “ผ่านไปมากกว่า 1 ปีแล้วหลังจากที่ได้มีการออกกฎหมายเพื่อควบคุมตลาดค้างาช้าง แต่ขณะนี้ยังยากที่จะบอกได้ว่า ความ พยายามของไทยในการควบคุมตลาดค้างาช้างในประเทศนั้นได้ผลหรือไม่ ถึงเวลาที่รัฐบาลไทยควรพิจารณาเปลี่ยนจุดยืนทางนโยบาย และเดินหน้าปิดตลาดการค้างาช้างเชิงพาณิชย์ และจริงจังกับการบังคับใช้กฎหมายเพื่อปราบปรามการลักลอบ งาช้างผิดกฎหมายนางสาวจันทน์ปาย องค์ศิริวิทยา ผู้จัดการงานรณรงค์ต่อต้านการค้าสัตว์ป่า, WWF-Thailand
     WWF-ประเทศไทย ประสบความสำเร็จในการดำเนินกิจกรรมรณรงค์เพื่อต่อต้านงาช้างผิดกฎหมายมาตั้งแต่ปี 2556 และในปี 2558 ออกแคมเปญ ช.ช้าง ช่วยช้างโดยได้รับการสนับสนุนจากคนไทยมากกว่า 1.3 ล้านคน ร่วมแสดงพลังต่อต้านการค้า  งาช้าง 
(จากซ้าย) คุณ จอห์น เบเกอร์  กรรมการผู้จัดการองค์กร WildAid,คุณ จา พนม ยีรัมย์ และ คุณจันทน์ปาย องค์ศิริวิทยา ผู้จัดการงานรณรงค์ต่อต้านการค้าสัตว์ป่า, WWF-ประเทศไทย

     “เราหวังว่า การเปิดตัวแคมเปญ “Ivory Free Thailand - หยุดซื้องาช้างจะทำให้คนไทยได้รับทราบข้อเท็จจริงของผลกระทบที่เกิดจากการซื้องาช้าง และจะให้คำมั่นว่าจะหยุดซื้อ หยุดใช้ หยุดรับผลิตภัณฑ์งาช้างเป็นของขวัญ และสร้างค่านิยมใหม่ที่คนไทยรักษ์ช้าง มากกว่ารักงา นางสาวจันทน์ปาย กล่าว