“สโกมาดิ” ชูแผนสื่อสารแบรนด์ครึ่งปีหลัง ปั้นตลาดพรีเมี่ยม คลาสสิค สกู๊ตเตอร์

     สโกมาดิ พรีเมี่ยม คลาสสิค สกู๊ตเตอร์ แบรนด์จากอังกฤษ ประกาศความสำเร็จในการทำกิจกรรมสร้าง แบรนด์ในประเทศไทย เผยพอใจผลตอบรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่ ย้ำทิศทางการตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง 2559 เน้นการสื่อสารแบรนด์เข้าถึงลูกค้า มั่นใจยอดขายปีครึ่งปีหลัง 2559 ในประเทศไทยเป็นไปตามเป้าหมาย   

     นายพิมล ศรีวิกรม์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สโกมาดิ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงกลยุทธ์ในการทำตลาดของสโกมาดิในครึ่งปีหลัง 2559 ว่า สโกมาดิยังคงเน้นกิจกรรมและการสื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้าผ่านการสร้างกิจกรรม แนว “ไลฟ์สไตล์” ของการขับขี่ และเพื่อรับรู้ถึง “ความสนุกสนาน” ในการขี่สกู๊ตเตอร์ซึ่งเป็นการสานต่อแนวคิดการสร้างแบรนด์รถสโกมาดิทั้งใน ประเทศไทยและในตลาดระดับโลก สำหรับตลาดประเทศไทยความต้องการของตลาดรถจักรยานยนต์ซึ่งโดยรวมคาดว่าจะมี ปริมาณอยู่ที่ 1.7 ล้านคัน ตอนนี้ยังคงอยู่ในสภาพทรงตัว โดยในครึ่งปีแรกตลาดรวมรถจักรยานยนต์มีปริมาณทั้งสิ้นจำนวน 852,000 คัน หรือเทียบเท่า 50% ของเป้าหมายตลาดรวม แต่ท่ามกลางการทรงตัว ยังพบว่ามีเซกเม้นต์ใหม่ๆ ขยายความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นตลาดจักรยานยนต์ขนาดเครื่องยนต์ 150 ซีซี และขนาดเครื่องยนต์ที่มากกว่านั้น ในขณะที่ผลประกอบการของ สโกมาดิเอง แม้จะได้รับอิทธิพลของตลาดโดยตรง ทำให้มีผลต่อยอดขายแต่พบว่าการตอบรับของตลาดในการรับรู้แบรนด์ที่มีอยู่ใน ตลาดมีการรับรู้ที่ดี ทั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากการวางกลยุทธ์การสื่อสารการตลาด และการสร้างแบรนด์ที่เข้าถึงผู้บริโภค

     “ช่วงต้นปีเราตั้งเป้ายอด ขายอยู่ที่ 3,600 คัน และในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เรามียอดขายจำนวน 1,000คัน หรือเทียบเท่า 55% ของเป้าหมายในครึ่งปีแรก ในส่วนครึ่งปีหลังของปีนี้เรามีการปรับเป้าการขายเพื่อให้สอดคล้องกับ สถานการณ์ปัจจุบัน จากเดิมที่เราตั้งไว้ที่ 3,600 คัน ลงเหลือ 3,000 คัน หรือลดลงประมาณเกือบ 17% ผมเชื่อมั่นว่า ในปี 2559 ตลาดรถสโกมาดิจะเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยทางบริษัทจะมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อเติมเต็มความต้องการของตลาดรถสกู๊ตเตอร์ นอกจากนี้เราจะมุ่งเน้นไปที่การสร้างแบรนด์สโกมาดิให้เป็นที่รู้จัก อย่างกว้างขวาง และยังมีการขยายเครือข่ายการขายและบริการหลังการขาย จากปัจจุบัน สโกมาดิมีการจำหน่ายผ่านเครือข่ายดีลเลอร์ทั้งหมด 17 แห่ง จะเพิ่มเป็น 30 แห่งในสิ้นปี รวมถึงการทำกิจกรรมเพื่อตอบแทนสังคม (CSR) ในอนาคตอันใกล้นี้อีกด้วย” นายพิมลกล่าว