บีทีเอสซีลงนามสัญญาซื้อรถไฟฟ้า 46 ขบวน 184 ตู้ รองรับปริมาณผู้โดยสารและส่วนต่อขยาย รถไฟฟ้าบีทีเอสในอนาคต
ทั้งนี้ สัญญาซื้อขบวนรถไฟฟ้าจะแบ่งออกเป็นการซื้อจากบริษัท ซีอาร์อาร์ซี ฉางชุน เรลเวย์ เวฮิเคิล จํากัด จํานวน 24 ขบวน และจากบริ ษัท ซีเมนส์ จํากัด จํานวน 22 ขบวน มูลค่ารวมทั้งหมด ประมาณ 11,000 ล้านบาท เพื่อรองรับจํานวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นทั้งในเส้นทางปัจจุบันหมอชิต-แบริ่ง และสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ-บางหว้า ระยะทางรวม 36.25 กิโลเมตร และในเส้นทางส่วนต่อขยายไป สมุทรปราการระยะทาง 13 กิโลเมตร และคูคต ระยะทาง 19 กิโลเมตร ซึ่งปัจจุบันมีผู้โดยสารตามปกติสูงสุดถึงเกือบ 900,000 เที่ยวคนต่อวัน
ขบวนรถไฟฟ้าที่สั่งซื้อจากทั้งสองบริษัทจะใช้สเปคเดียวกันกับขบวนรถไฟฟ้าที่มีอยู่เดิม เพื่อให้เข้ากันได้กับระบบต่างๆ ที่มีอยู่อย่างสมบูรณ์ แต่ยังจะเลือกใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัยที่สุดจากผู้ผลิตชั้นนําของโลก เพื่อให้ได้คุณภาพที่ดีที่สุด บริษัททั้งสองนี้เป็นผู้ผลิตขบวนรถไฟฟ้าที่ใช้อยู่ในปัจจุบันอยู่แล้ว แต่ขบวนรถไฟฟ้าใหม่ ในส่วนของขบวนรถไฟฟ้าจากบริษัท ซีเมนส์ จะมีการปรับรูปโฉมให้ดูทันสมัยมาก ขึ้นรวมทั้งสิ่งอํานวยความสะดวกภายในขบวนรถให้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ในขณะที่ขบวน รถไฟฟ้าจากบริษัท ซีอาร์อาร์ซี ฉางชุน เรลเวย์ เวฮิเคิล นั้นจะมีการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ต่างๆ บ้างเพื่อให้ทันสมัยที่สุด แต่รูปลักษณ์โดยทัวไปจะยังคงแบบเดียวกับของเดิมซึ่งยังคงทันสมัยเนื่องจากได้ใช้งานมา เป็นเวลาไม่นานนัก ขบวนรถไฟฟ้าที่สั่งซื้อในครั้งนี้ จะเริ่มทยอยส่งมอบประมาณต้นปี พ.ศ. 2561 และจะส่งมอบแล้วเสร็จทั้งหมดภายในปี2563
เมื่อเริ่มเปิดให้บริการในปี พ.ศ. 2542 บริษัทฯ มีขบวนรถไฟฟ้าให้บริการทั้งหมด35 ขบวน ความยาวขบวนละ 3 ตู้ รวมเป็น 105 ตู้ ผลิตโดยบริษัท ซีเมนส์ จํากัด ซึ่งในปัจจุบัน บริษัทฯ มีรถไฟฟ้าให้บริการ ทั้งสิ้น 52 ขบวน ความยาวขบวนละ 4 ตู้ รวม 208 ตู้ โดย 35 ขบวนเป็นขบวนรถที่ผลิตจาก บริษัท ซีเมนส์ จํากัด และจากบริษัท ซีอาร์อาร์ซี ฉางชุน เรลเวย์ เวฮิเคิล จํากัด จํานวน 17 ขบวน ให้บริการในระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร ระยะทาง 23.5 กิโลเมตร และส่วนต่อขยายระบบขนส่งมวลชน กรุงเทพมหานครสายสีลม จากสถานีสะพานตากสิน-สถานีบางหว้า ระยะทาง 7.5 กิโลเมตร และส่วนต่อขยายโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานครสายสุขุมวิท ช่วงสถานีอ่อนนุช-สถานีแบริ่ง ระยะทาง 5.25 กิโลเมตร รวมเป็น 36.25 กิโลเมตร 34 สถานีเมื่อขบวนรถไฟฟ้าใหม่ส่งมอบครบหมดแล้วจะทําให้บริษัทฯ มีขบวนรถไฟฟ้าให้บริการทั้งสิ้น 98 ขบวน รวม 392 ตู้ และจะให้บริการในเส้นทางสายสีลมจาก สถานีสนามกีฬาแห่งชาติถึงสถานีบางหว้า ระยะทางรวม 14 กิโลเมตร และสายสุขุมวิทจากสถานีคูคตถึงสถานีสมุทรปราการ ระยะทางรวม 55 กิโลเมตร ซึ่งคาดว่าจะสามารถรองรับปริมาณผู้โดยสารในเส้นทางที่ให้บริการดังกล่าวได้อีกไม่น้อยกว่า 10 ปี จากนี้ไป
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะดําเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วตามนโยบายของรัฐบาลและกรุงเทพมหานครที่ต้องการให้ประชาชนได้ใช้บริการให้เร็วที่สุดเพื่ออํานวยความสะดวกให้กับประชาชนในการเดินทางเข้าและออกเมืองได้อย่างรวดเร็ว สะดวกสบาย และปลอดภัย
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความยินดีที่ได้มีการลงนามสัญญาซื้อขบวนรถไฟฟ้าในวันนี้ ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออย่างดียิงของภาคเอกชนกับรัฐบาลในการที่จะร่ วมพัฒนาโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ให้มีความสมบูรณ์ สามารถเชื่อมโยงขนส่ง ประชาชนจากชานเมืองเข้าสู่ใจกลางเมืองได้อย่างรวดเร็ว อันจะเป็นการประหยัดพลังงาน ประหยัดเวลาในการเดินทาง และยังมีความสะดวกปลอดภัยในการเดินทางอีกด้วย ซึ่งเป็นนโยบายหลักที่รัฐบาลมุ่งส่งเสริม ให้มีการลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อให้เกิด ความยังยืนและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน
ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครต้องขอขอบคุณ รัฐบาลและการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยที่เล็งเห็นประโยชน์ของประชาชนในการที่จะได้รับ ความสะดวก ความปลอดภัย และความประหยัดจึงได้มอบหมายให้กรุงเทพมหานครเป็นหน่วยงาน รับผิดชอบในการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายไปสมุทรปราการและคูคต เพื่อให้กรุงเทพมหานคร รับผิดชอบการเดินรถสายสีเขียวตลอดทั้งสองเส้นทางโดยมุ่งหวังให้ประชาชนสามารถเดินทางได้อย่างต่อเนื่องในเส้นทางเดียวกัน และกรุ งเทพมหานครจะเร่งดําเนินการเพื่อให้สามารถทดลองเดินรถในเส้นทางสมุทรปราการ ได้ 1 สถานีคือที่สถานีสําโรง ภายในเดือนธันวาคม 2559นี้ และจะเปิดให้บริการได้ ภายในต้นปี 2560รวมทั้งจะทยอยเปิ ดให้บริการส่วนที่เหลือโดยเร็วที่สุดทั้งในเส้นทางสมุทรปราการและคูคต นอกจากนั้น รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้ความเห็นชอบให้กรุงเทพมหานครดําเนินการรถไฟฟ้าขนาดรองที่เป็นระบบเสริมของรถไฟฟ้าสายสีเขียวนี้ เช่น สายสีเทา สายสีทอง และรถไฟฟ้า LRT บางนาไปสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อให้การเดินทางของประชาชนเกิดความสะดวกสบายยิ่งขึ้น
ทั้งนี้นายหวัง เริน ประธานกรรมการ บริษัท ซีอาร์อาร์ซี ฉางชุน เรลเวย์ เวฮิเคิล จํากัด และดร. โรลันด์ บุช กรรมการบริหาร บริษัท ซีเมนส์ เอจี ได้กล่าวแสดงความขอบคุณ และรู้สึกยินดีที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับประเทศไทยในโครงการระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ ซึ่งทั้งสองบริษัทมีความมั่นใจ ต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยว่ามีรากฐานที่ดี มีโอกาสในการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพราะนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นในเรื่องการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการเปิดโอกาสให้เอกชนทั้งภายในและนอกประเทศได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนา ทั้งนี้ทั้งสองบริษัทได้ให้ความมั่นใจว่า จะผลิตขบวนรถไฟฟ้าให้เร็วและดีที่สุดเพื่อนํามาให้บริ การประชาชนตามนโยบายรัฐบาลและ กรุงเทพมหานครที่ต้องการให้ประชาชนได้ใช้บริการอย่างเร็วที่สุด