ADS


Breaking News

เบ็นดิกซ์ ตั้งไทยเป็นฐานการผลิตประจำภูมิภาค เปิดโรงงานใหม่ นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด จ. ระยอง

เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2559     บริษัท เอฟ เอ็ม พี กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เอฟ เอ็ม พี ดิสทริบิวชั่น จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ผ้าเบรกเบ็นดิกซ์  จัดพิธีเปิดโรงงานเบ็นดิกซ์เฟสที่ 2 อย่างเป็นทางการ   โดยมี นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เข้าร่วมเปิดงาน พร้อมด้วย Mr. Graeme Dixon ผู้จัดการทั่วไป Mr. David Woolfson ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด และนายประพัฒน์ อัศวาดิศยางกูร ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาดประจำภูมิภาค และคณะผู้บริหารร่วมเป็นสักขีพยาน  
นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวว่า การเปิดโรงงานเบ็นดิกซ์เฟสที่ 2 ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง สำหรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์  ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ของจังหวัดระยอง และประเทศไทย ให้เติบโตยิ่งขึ้นไป  การขยายโรงงานของเบ็นดิกซ์ ถือเป็นการตอกย้ำจุดยืนของประเทศในการเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่สำคัญของโลกได้เป็นอย่างดี เพราะปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์ นับเป็นอุตสาหกรรมหลักที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดระยอง และประเทศไทยเป็นอย่างมาก  และขอชื่นชมการใส่ใจในคุณภาพ และสิ่งแวดล้อมของทุกกระบวนการผลิตของโรงงานเบ็นดิกซ์แห่งนี้ ที่ได้มีการบริหาร และจัดการสภาพแวดล้อมในการทำงานได้เป็นอย่างดี  ซึ่งการันตีด้วยการได้รับรางวัล อุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry)” จากในปีที่ผ่านๆมา

นายประพัฒน์ อัศวาดิศยางกูร  ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาดประจำภูมิภาค บริษัทเอฟ เอ็ม พี ดิสทริบิวชั่น จำกัด เปิดเผยถึงความสำเร็จทางยอดจำหน่ายผ้าเบรกเบ็นดิกซ์ในปีที่ผ่านมาว่า จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของผ้าเบรกเบ็นดิกซ์ กำลังการผลิตจากเดิมที่ได้ประมาณ 6 ล้านชิ้นต่อปี  นั้นไม่เพียงพอต่อความต้องการในตลาด  เราจึงได้มีการลงทุนเพิ่มเติมในการสร้างโรงงานผลิตผ้าเบรกเบ็นดิกซ์เฟสที่ 2 ขึ้น ซึ่งบริษัทฯ ได้ทุ่มงบครั้งใหญ่ 140 ล้านบาท ไม่รวมมูลค่าที่ดิน สร้างโรงงานเฟส 2 ในบริเวณเดียวกับโรงงานแรก เพื่อใช้เป็นฐานการผลิตหลักประจำภูมิภาค โดยสามารถขยายกำลังผลิตเพิ่มขึ้นอีกกว่าเท่าตัว  ทำให้เพิ่มจำนวนการผลิตได้รวมได้มากกว่า 13 ล้านชิ้นต่อปี  รวมทั้งมีการจ้างงานเพิ่มกว่าเท่าตัว จำนวนพนักงานรวม  250 คน ซึ่งจะสามารถรองรับความต้องการตลาดที่มีสูงมากทั้งใน และต่างประเทศ   และในส่วนของสายการผลิตนั้นทางบริษัทฯ ได้มีการนำเทคโนโลยีการผลิตล่าสุด Hybrid Fusion Technology เข้ามาช่วยพัฒนาผ้าเบรกให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ภายใต้นโยบาย โรงงานอุตสาหกรรมสีเขียว  
สำหรับ ในปี 2558 ที่ผ่านมานั้นบริษัทมียอดจัดจำหน่ายรวมมากกว่า 800 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20 %  เมื่อเทียบกับปี 2557  แบ่งสัดส่วนเป็นตลาดในประเทศ 50 % และ ตลาดต่างประเทศ 50%    ในปี 2559 นั้น  ทางบริษัทฯ ได้ตั้งเป้าการเติบโตไว้มากกว่า 40%  ยอดขายโดยรวมจะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 1,100 ล้านบาท  หากภาวะเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น  และคาดหวังว่าการเติบโตของบริษัท ฯ จะเป็นอีกแรงขับเคลื่อนที่สำคัญที่ช่วยผลักดันภาคเศรษฐกิจของไทยให้เติบโตยิ่งขึ้น
     ทางด้านการตลาด และการประชาสัมพันธ์  ในปีนี้ทางบริษัทฯ ได้จัดเตรียมงบประมาณอีกไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาท  เพื่อใช้ในการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่างๆ  รวมไปถึงการขยายจำนวนร้านค้าตัวแทนจำหน่าย และฝึกอบรมเทคนิคการรักษาระบบเบรกแก่ช่าง  ที่เป็นศูนย์บริการตัวแทนของผ้าเบรกเบ็นดิกซ์  เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าที่เข้ารับบริการ และเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในทุกระดับ นอกจากนั้น ยังมีการจัดกิจกรรม และโปรโมชั่นต่างๆให้กับร้านค้า ตัวแทนจำหน่ายและผู้บริโภค รวมถึงการสนับสนุนมอเตอร์สปอร์ต เพื่อเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำของผ้าเบรกเบ็นดิกซ์ และสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคต่อไปนายประพัฒน์ กล่าวปิดท้าย