ทรู อินเตอร์เนชั่นแนล เกตเวย์ คว้ามาตรฐาน ISO 9001-2008
รับรองคุณภาพบริการ
พร้อมชูโครงการร่วมมือไทย-จีน-สิงคโปร์ “แฮนด์ อิน แฮนด์” ของกลุ่มทรูเพื่อยกระดับศักยภาพธุรกิจสู่มาตรฐานสากล
กรุงเทพฯ 20 เมษายน 2559 — ทรู อินเตอร์เนชั่นแนล เกตเวย์ (TIG) ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเกตเวย์และวงจรเช่าระหว่างประเทศชั้นนำของไทยภายใต้กลุ่มทรู ได้รับการรับรองมาตรฐานการจัดการ ISO 9001:2008 อันเป็นมาตรฐานระบบบริหารจัดการคุณภาพที่ได้รับการยอมรับมากที่สุด ตอกย้ำตำแหน่งผู้นำตลาดผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเกตเวย์และวงจรเช่าระหว่างประเทศ เดินหน้าสร้างศักยภาพธุรกิจสู่ระดับสากลด้วยการต่อยอดบริการคุณภาพให้ลูกค้าได้รับความพึงพอใจสูงสุด พร้อมเสริมแกร่งบริการระหว่างประเทศจากการลงนามบัญทึกความเข้าใจกรอบความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ภายใต้โครงการ “แฮนด์ อิน แฮนด์” (Hand-in-Hand Program) กับ ไชน่าโมบายล์และสตาร์ฮับ นำเสนอบริการที่ไร้รอยต่อให้ลูกค้าได้สัมผัสสุดยอดประสบการณ์การทำงานและการใช้ชีวิตในโลกดิจิทัลที่สมบูรณ์แบบอย่างไร้พรมแดน หวังเสริมสร้างรายได้และสนับสนุนการเติบโตเนื่องให้กับกลุ่มทรูอย่างยั่งยืน
นายสุพจน์ มหพันธ์ ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจบริการระหว่างประเทศ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรู อินเตอร์เนชั่นแนล เกตเวย์ (TIG) จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบัน TIG ให้บริการอินเทอร์เน็ตเกตเวย์ กับลูกค้า ทั้ง บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต ซึ่งให้บริการบรอดแบนด์ตามบ้านที่มีจำนวนลูกค้ากว่า 2 ล้าน ราย กลุ่มลูกค้าผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) รายอื่นๆ ในประเทศไทย และกลุ่มลูกค้าผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตและผู้ให้บริการมือถือในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว กัมพูชา และพม่า ซึ่งการให้บริการของเราเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจของลูกค้า ดังนั้นถ้าหากคุณภาพของบริการไม่ได้ตามมาตรฐานก็จะส่งผลให้ลูกค้าของเรามีปัญหากับลูกค้าอีกทอดหนึ่งได้ ดังนั้นบริษัทจึงพิถีพิถันในการบริหารจัดการทุกขั้นตอนการดำเนินงานของบริษัท โดยเฉพาะการบริการลูกค้า ให้ได้รับความพึงพอใจสูงสุด นอกจากนี้ บริษัทยังให้บริการวงจรเช่าระหว่างประเทศ ซึ่งลูกค้าจะเป็นองค์กรที่มีสาขาในต่างประเทศ และผู้ให้บริการโทรคมนาคมในต่างประเทศที่ต้องการวงจรเชื่อมต่อมาในประเทศไทยหรือประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งต้องการวงจรที่มีเสถียรภาพสูงและบริการที่ดีเยี่ยม”
“TIG จึงให้ความสำคัญกับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001-2008 โดย TIG ได้รับการรับรองผ่านสถาบันที่มีชื่อเสียงอย่างบริษัท บีเอสไอ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งการได้รับการรับรองมาตรฐานดังกล่าวนอกจากจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าแล้ว ยังช่วยให้บริษัทพัฒนาคุณภาพการให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์สูงสุดของลูกค้า โดยมาตรฐาน ISO 9001-2008 ที่บริษัทได้รับนั้นจะมุ่งเน้นการพัฒนาระบบบริหารจัดการที่เข้มแข็งและกระบวนการทำงานที่ถูกต้องและเหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้บริการของบริษัทมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องยั่งยืน รวมถึงทำให้ฝ่ายบริหารเห็นภาพในเชิงกว้างขององค์กรได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น” นายสุพจน์ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา บริษัทสามารถทำผลงานได้ตามเป้าหมาย มีการเติบโตของรายได้กว่า 20% สำหรับปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายว่าจะเติบโตมากกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากโครงสร้างการให้บริการมีการขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของ บริการอินเทอร์เน็ตเกตเวย์ เพื่อรองรับการใช้งานของลูกค้าโทรศัพท์มือถือ บรอดแบนด์ รวมทั้งผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ทั้งในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งปีนี้บริษัทจะเร่งการขยายขีดความสามารถในการให้บริการ เพื่อเพิ่มความจุช่องสัญญาณให้มากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
TIG มีการขยายแบนด์วิธอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตเกตเวย์ และวงจรเช่าระหว่างประเทศ ที่เติบโตขึ้นทุกปี โดย ณ สิ้นปี 2558 บริษัทมีขนาดแบนด์วิธของเครือข่ายหลัก (Backbone Network) อยู่ประมาณ 350 Gbps ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะขยายเพิ่มเป็น 800 Gbps ภายในสิ้นปีนี้
ในส่วนของบริการวงจรเช่าระหว่างประเทศ ปัจจุบันกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ของ TIG เป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ซึ่งมีที่ตั้งสาขาในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค โดยลูกค้ากลุ่มนี้มีความต้องการแบนด์วิธปริมาณมากและคุณภาพการให้บริการที่ดีเยี่ยม ในส่วนของกลุ่มลูกค้าองค์กร TIG เล็งเห็นความต้องการใช้งานวงจรไปยังประเทศปลายทางที่หลากหลายมากขึ้น TIG จึงร่วมมือกับพันธมิตรผู้ให้บริการโทรคมนาคมระดับโลก เพื่อขยายพื้นที่การให้บริการในต่างประเทศให้ครอบคลุมเพิ่มมากขึ้น
“ล่าสุด กลุ่มทรูได้ลงนามบันทึกความเข้าใจกรอบความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ภายใต้โครงการ “แฮนด์ อิน แฮนด์”(Hand-in-Hand Program) กับบริษัทไชน่าโมบายล์ อินเตอร์เนชันแนล จำกัด จากประเทศจีน และบริษัทสตาร์ฮับ จากประเทศสิงคโปร์ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างแพลตฟอร์มแบบบูรณาการสำหรับกลุ่มพันธมิตรผู้ให้บริการนานาชาติที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อส่งมอบบริการที่ไร้รอยต่อนั้น จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ TIG สามารถพัฒนาบริการให้ทั้งลูกค้าบุคคลและองค์กร ได้สัมผัสสุดยอดประสบการณ์การทำงานและการใช้ชีวิตในโลกดิจิทัลที่สมบูรณ์แบบอย่างไร้พรมแดน โดยพัฒนาการต่าง ๆ เหล่านี้ช่วยเสริมสร้างรายได้ให้กับบริษัทและสนับสนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่องให้กับกลุ่มทรูอีกด้วย” นายสุพจน์ กล่าวเสริม