ADS


Breaking News

LHBANK ประกาศจับมือ CTBC BANK ไต้หวัน ร่วมเป็นพันธมิตร เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านเงินทุน

 เผย Tier-1 พุ่งขึ้นแตะ 21% รับรองการขยายธุรกิจและก้าวสู่ Digital Banking
บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (“LHBANK”) ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงพันธมิตร   (MOU in relation to Share Subscription Agreement) กับ CTBC Bank Co., Ltd. (“CTBC Bank”) สถาบันการเงินชั้นนำจากไต้หวัน โดยร่วมมือเป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์เสริมความแข็งแกร่งด้านเงินทุน และเสริมศักยภาพในการขยายธุรกิจของธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งในการร่วมเป็นพันธมิตร กลุ่มแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และ  CTBC Bank จะมีสัดส่วนการถือหุ้นที่เท่ากันที่ 35.6% และมีจำนวนกรรมการที่เท่ากัน
นายรัตน์ พานิชพันธ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า LHBANK ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงพันธมิตรร่วมกับ CTBC Bank เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2559 เพื่อตกลงในหลักการเกี่ยวกับการออกและจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายต่อบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ให้แก่         CTBC Bank ในราคาหุ้นละ 2.20 บาท คิดเป็นมูลค่าประมาณ 16,599 ล้านบาท  หรือคิดเป็นสัดส่วน 35.6% โดยเป็นสัดส่วนการถือหุ้นเท่ากับสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (“LH”) และบริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (“QH”) ซึ่งถือหุ้นรวมกันเท่ากับ 35.6%  และภายหลังเสร็จสิ้นการซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว  CTBC Bank จะเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารบริษัท และธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) โดยจะมีกรรมการจาก CTBC Bank เข้ามาเป็นกรรมการในจำนวนเท่ากันกับกรรมการที่มาจาก LH และ QH  และจะมีผู้บริหารของ CTBC Bank เข้ามาอีก 3 – 4 ท่าน   เพื่อมาดูแลการทำธุรกิจด้านการบริหารการเงินส่วนบุคคล (Wealth Management) ดิจิตอลแบงกิ้ง (Digital Banking) และเทรดไฟแนนซ์ (Trade Finance) ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญ
หลังจากการลงนามบันทึกข้อตกลงพันธมิตรในครั้งนี้ จะมีการทำ Due Diligence และการเจรจาเพื่อเข้าทำสัญญาจองซื้อหุ้น (Share Subscription Agreement) โดยการทำธุรกรรมในครั้งนี้ต้องได้รับอนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ คณะกรรมการกำกับดูแลสถาบันการเงินในไต้หวัน รวมทั้งผู้ถือหุ้นของ LHBANK ทั้งนี้ คาดว่าความร่วมมือเป็นพันธมิตรในการเพิ่มทุนครั้งนี้จะดำเนินการแล้วเสร็จประมาณปลายไตรมาสที่ 3 ของปี 2559
    การเป็นพันธมิตรระหว่าง LHBANK และ CTBC Bank จะนำไปสู่ความร่วมมือที่จะเอื้อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย ซึ่งจะทำให้ฐานเงินทุนของธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ โตมากกว่าเท่าตัวหรือกว่า 32,000 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 เพิ่มขึ้นจากจากระดับ 10.2% ณ สิ้นปี 2558 เป็น 21.3% สูงสุดในระบบธนาคาร        พาณิชย์  ซึ่งจะรองรับการปล่อยสินเชื่อในอนาคตที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง และสามารถปล่อยสินเชื่อให้โครงการ    ขนาดใหญ่มากขึ้น หรือการเข้าร่วมปล่อยกู้แบบซินดิเคทโลน ร่วมกับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่

นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มศักยภาพในการรองรับการเติบโตและขยายกิจการของธนาคารไปยังต่างประเทศ        และเป็นการยกระดับการให้บริการทางการเงินของธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ด้วยความเชี่ยวชาญทางด้านการบริหารการเงินส่วนบุคคล (Wealth Management) ดิจิตอลแบงกิ้ง (Digital Banking) และเทรดไฟแนนซ์ (Trade Finance) ของ CTBC Bank รวมทั้งเป็นการเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด  บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ แอดไวเซอรี่ จำกัด  
CTBC Bank เป็นบริษัทในเครือ CTBC Financial Holding กลุ่มการเงินขนาดใหญ่ของไต้หวัน CTBC Bank เป็นธนาคารเอกชนที่มีสินทรัพย์ขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 1 ของไต้หวัน ที่มีมูลค่ากว่า 109 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ      หรือ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 3.83 ล้านล้านบาท และเป็นธนาคารที่มีเครือข่ายและตัวแทน 106 แห่ง ครอบคลุมในกว่า 14 ประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ญี่ปุ่น อินเดีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ฮ่องกง สิงคโปร์ และจีน เป็นต้น CTBC Bank มีความเชี่ยวชาญด้านคอนซูเมอร์ไฟแนนซ์ โดยมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ในไต้หวัน ในเรื่องของการบริหารการเงินส่วนบุคคล (Wealth Management) และธุรกิจบัตรเครดิต นอกจากนี้ CTBC Bank ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) อยู่ที่ระดับ A2 โดย Moody’s 
    นางศศิธร พงศธร (ฉัตรศิริวิชัยกุล) กรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กล่าวว่าปัจจุบัน LH BANK มีสาขา 127 สาขาทั่วประเทศไทย มีสินทรัพย์รวมกว่า 200 พันล้านบาท และมีอัตราการเติบโตของสินทรัพย์รวม สินเชื่อรวมและกำไรสุทธิในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 20.2% 16.8% และ 35.5% ตามลำดับ ปัจจุบันธนาคารมีสัดส่วนพอร์ตสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการขนาดใหญ่มากที่สุดอยู่ที่ 62% สัดส่วนพอร์ตสินเชื่อเอสเอ็มอี 17% และสัดส่วนสินเชื่อรายย่อย 21% ด้านคุณภาพของสินทรัพย์ มีอัตราส่วน Gross NPL ต่อสินเชื่อรวมต่ำเพียง 1.89% ลดลงจาก 1.92% ในปี 2557 โดยธนาคารได้ตั้งเป้าสำหรับการเติบโตของสินเชื่อก่อนการร่วมทุน (Business as usual) ในปี 2559 ที่ 10-15% โดยเน้นการขยายตัวของสินเชื่อผู้ประกอบการขนาดใหญ่ที่ธนาคารตั้งเป้าเติบโต 15-20% จากแนวโน้มการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่คาดว่าจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นในปีนี้ ธนาคารมีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 8 สาขา          ซึ่งจะทำให้สิ้นปี 2559 ธนาคารมีสาขารวมทั้งสิ้น 134 สาขา และธนาคารตั้งเป้าควบคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)  ปี 2559 ไม่เกิน 2.00%  ขณะที่ธนาคารมีนโยบายรักษาระดับ NPL coverage ratio ไม่ต่ำกว่า 100% นอกจากนี้ ธนาคารได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) อยู่ที่ระดับ A- โดย TRIS