“ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก” พร้อมเปิดตัวโฉมใหม่ ยิ่งใหญ่ เต็มรูปแบบ ก.ค. 59 นี้
- เพิ่มเซ็กเม้นท์ใหม่ในกลุ่มสินค้าบริการ “ไลฟ์สไตล์และไดนิ่ง” ที่มีเอกลักษณ์ริมน้ำเจ้าพระยา มั่นใจดึงดูดกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ที่ชอบเสพงานศิลป์ สะสมงานอาร์ต และไลฟ์สไตล์ฮิป ช้อปปิ้ง พักผ่อน ริมน้ำ
- ทุ่ม 280 ล้าน สู่การเป็นเดสทิเนชั่นแห่ง “การชม ช้อป ประมูล ศิลปะและโบราณวัตถุ” ที่ครบครัน และดีที่สุดในเอเชีย เปี่ยมด้วยภูมิความรู้และแรงบันดาลใจ พร้อมเตรียมจัดงานใหญ่ฉลองเปิดตัว “มิติใหม่” ที่ร่วมสมัย ต้อนรับการครบรอบปีที่ 31
บริษัท เจ้าพระยา ดีเวล๊อปเมนต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในเครือบริษัทอิตัลไทยกรุ๊ป ผู้บริหารศูนย์การค้า ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก จัดงาน RIVER CITY BANGKOK PRESS PREVIEW & OPEN HOUSE งานประกาศศักยภาพความพร้อมครั้งยิ่งใหญ่ เตรียมการเปิดตัวโฉมใหม่เต็มรูปแบบของ ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก ในเดือนกรกฎาคม 2559 นี้ โดยรูปลักษณ์โฉมใหม่นี้จะเกิดขึ้นอย่างหรูหรา ร่วมสมัยในสไตล์ที่คลาสสิคลงตัว ตอบรับคอนเซ็ปต์ THE ANCHOR OF ARTS AND ANTIQUES รวมพื้นที่ให้บริการ 47,400 ตร.ม. แบ่งเป็นพื้นที่ขายและบริการภายใน 46,000 ตร.ม. และพื้นที่ริมน้ำอีก 1,400 ตร.ม. ใช้งบลงทุนในการตกแต่งและปรับปรุงรวม 280 ล้านบาท ปรับลุคส์สู่การเป็นศูนย์การค้า 5 ชั้นที่ร่วมสมัยสุดคลาสสิค ลุยเพิ่มเซ็กเม้นท์ใหม่ สินค้าบริการกลุ่ม “ไลฟ์สไตล์และไดนิ่ง” ที่มีเอกลักษณ์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มั่นใจดึงดูดกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ที่ชอบเสพงานศิลป์ สะสมงานอาร์ต และชื่นชอบไลฟ์สไตล์ฮิป ช้อปปิ้ง ท่องเที่ยว พักผ่อน ริมแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมเผยแผนงานฉลอง GRAND OPENING CELEBRATION ต้อนรับการฉลองครบรอบปีที่ 31 ในเดือนกรกฏาคมนี้ และภาพความร่วมมือกับพันธมิตรในนามกลุ่ม BANGKOK RIVER PARTNERS และ CREATIVE DISTRICT PROJECT ในการสร้างสรรค์ “แม่น้ำเจ้าพระยา” เส้นเลือดใหญ่ของกรุงเทพมหานคร ให้เป็นหนึ่งในเดสทิเนชั่นระดับโลก ทั้งในเชิงธุรกิจและในเชิงสุนทรียะของชุมชน
วรพงศ์ สุขธีรอนันตชัย กรรมการผู้จัดการ ศูนย์การค้า ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก กล่าวว่า ทางบริษัท เจ้าพระยา ดีเวล๊อปเมนต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้ดำเนินการปรับโฉม ศูนย์การค้า ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 30 ปี โดยใช้งบประมาณกว่า 280 ล้านบาทรีโนเวทให้ทั้งอาคารของศูนย์การค้ามีความร่วมสมัยคลาสสิค ย้ำภาพความเป็นศูนย์รวมศิลปะและโบราณวัตถุแห่งแรกในเอเชียที่ผสานสอดรับรูปแบบการใช้ชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้หลงใหลในศิลปวัฒนธรรมอย่างลงตัว ภายใต้สโลแกน THE ANCHOR OF ARTS & ANTIQUES เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจศูนย์การค้าริมแม่น้ำเจ้าพระยา ประกอบกับเทรนด์ไลฟ์สไตล์ใหม่เชิงสุนทรียะและการลงทุนในศิลปะและโบราณวัตถุ
“คอนเซ็ปต์การออกแบบในการปรับโฉมใหม่ครั้งนี้ เราได้วางผังพื้นที่ใหม่ และปรับพื้นที่ของ ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก ทั้งภายในศูนย์และพื้นที่ริมน้ำให้ดูโดดเด่น และตอบโจทย์ความต้องการในการจัดการพื้นที่มากยิ่งขึ้น เริ่มตั้งแต่รอบนอกตัวอาคารทั้งฝั่งด้านหน้าและฝั่งริมน้ำได้ปรับปรุงพื้นที่ให้โปร่ง ร่มรื่น และดูทันสมัย เน้นการดีไซน์ฟังก์ชั่นของการใช้งานทั้งทางรถและทางเดิน เพิ่มตัวอาคารใหม่เป็น BOAT/CRUISE TOUR CENTER เพื่อรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้าออกตลอดวัน ส่วนตัวอาคารกระจกใสมีการปรับลุคใหม่ให้ดูทันสมัยและโดดเด่น มีชีวิตชีวาทั้งกลางวันและยามค่ำคืนด้วยสติ๊กเกอร์พิเศษที่เล่นกับแสงไฟยามค่ำ ตามด้วยงานตกแต่งภายในศูนย์การค้าฯ ที่ทางดีไซน์เนอร์ได้เลือกใช้วัสดุและโทนสีที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ของ ริเวอร์ ซิตี้ แบ็งค็อก คือ “สีดำ สีขาว และสีทอง” และอีกหนึ่งไฮไลท์เด่นของการปรับโฉมครั้งนี้ คือ พื้นที่ฮอลล์ ชั้น 1 ที่ได้ปรับให้เปิดโล่ง สูงโปร่งจรดเพดานถึง 4 ชั้น เน้นงานดีไซน์ลวดลายร่วมสมัย ปูพื้นลายสีดำขาวตารางหมากรุก โซน RCB ARTERY รองรับการจัดงานทุกรูปแบบ รายล้อมด้วยร้านค้าที่เพิ่มขึ้นใหม่กับวินโดว์วอลล์สูง 3 ชั้น สวยสง่า รวมถึงการปรับพื้นที่ใหม่พร้อมฟังก์ชั่นสำหรับการจัดแสดงนิทรรศการงานศิลปะโดยเฉพาะในสไตล์แกลลอรี่ อย่างห้อง RCB GALLERIA ชั้น 2 ส่วนห้องประมูลงานศิลปะและโบราณวัตถุที่มีตำนานมายาวนานกว่า 30 ปี ได้มีการปรับทั้งภาพลักษณ์ การตกแต่งให้ร่วมสมัยเป็นส่วนผสมที่ลงตัวกับการโชว์งานแอนทีค ที่สำคัญคือการเปลี่ยนชื่อใหม่จาก รีเวอร์ไซด์ อ๊อคชั่น เฮ้าส์ เป็น RCB AUCTIONS ที่มีความเฉพาะและโดดเด่นในระดับสากลยิ่งขึ้น” วรพงศ์ กล่าว
ริเวอร์ ซิตี้ แบ็งค็อก โฉมใหม่ แบ่งสัดส่วนร้านค้าเป็นร้านศิลปะและวัตถุโบราณ 60%, ร้านสินค้าไลฟ์สไตล์20% อาทิ เครื่องหนัง ผ้าไหม ตัดสูท ร้านเฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งบ้าน, และร้านอาหารและคาเฟ่ 20% รวม 160 ร้านค้า มีพื้นที่ขายและจัดแสดงงานศิลปะรวม 4 ชั้นตามประเภทของกลุ่มสินค้า โดย ชั้น 3 และ ชั้น 4 ได้รวบรวมกลุ่มร้านค้าประเภทศิลปะและวัตถุโบราณที่นับเป็นจุดแข็งหลักของศูนย์ฯ ที่ทำให้เราเป็น THE ANCHOR OF ARTS AND ANTIQUES ที่ดีที่สุดของเอเชีย จนได้รับการกล่าวขานในกลุ่มนักสะสมงานศิลปะทั่วโลกว่า ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก เป็นดั่ง “พิพิธภัณฑ์มีชีวิต” คือสามารถชมความงามของงานศิลป์ชิ้นที่หายากมากประหนึ่งเดินอยู่ในพิพิธภัณฑ์ชื่อดังของโลก และยังสามารถเลือกซื้อครอบครองเป็นเจ้าของชิ้นงานนั้นๆ ได้อีกด้วย ทำให้บรรดาผู้ชื่นชมและนักสะสมงานศิลป์ทั่วโลกต่างมุ่งมาที่เรา
นอกจากนี้ เรายังมี “อาร์ ซี บี อ๊อคชั่น” ซึ่งเป็นบริษัทจัดงานประมูลศิลปะและโบราณวัตถุระดับประเทศที่จะมีการจัดงานประมูลสำคัญๆ เป็นประจำในวันเสาร์แรกของทุกเดือนมาตลอด 30 ปี จัดการประมูลมาแล้ว 367 ครั้ง มีสินค้าที่นำมาประมูลกว่า 80,000 รายการ ด้วยยอดประมูลกว่า 700 ล้านบาท ซึ่งสินค้าทุกชิ้นผ่านการตรวจสอบโดยกรรมการจากสมาคมเผยแพร่และส่งเสริมศิลปวัตถุ และสามารถออกใบรับรองความเป็นวัตถุโบราณ โดยในเดือนเมษายนนี้จะจัดประมูลครั้งที่ 368 “THE FIRST GRAND AUCTION 2016” งานประมูลศิลปะและโบราณวัตถุครั้งใหญ่ รวมงานศิลปะถึง 360 ชิ้น อาทิ เครื่องเงิน, เครื่องเซรามิก, เครื่องเบญจรงค์, เครื่องไม้, เฟอร์นิเจอร์ ชิ้นงานไฮไลท์คือ ชามเบญจรงค์ลายน้ำทองลายพระอภัยมณี ศิลปะไทยรัตนโกสินทร์ ซึ่งคาดการณ์มูลค่าการประมูลครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท สามารถเข้าร่วมประมูลได้ทุกเดือน โดยจะเป็นการประมูลใหญ่ 3 ครั้งในเดือน เมษายน สิงหาคม และธันวาคม
ขณะที่ ชั้น 1 และ ชั้น 2 จะประกอบไปด้วยร้านค้ากลุ่มสินค้าและบริการด้านไลฟ์สไตล์และไดนิ่ง ได้แก่ ร้านผ้าไหม, ร้านแฟชั่นตัดสูท, สปา, เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน รวมถึง ร้านอาหารและคาเฟ่ริมแม่น้ำ นอกจากนี้ ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อกยังตอบสนองไลฟ์สไตล์การเป็น ทัวร์ริส เดสทิเนชั่น ด้วย BOAT/CRUISE TOUR CENTER และ 3 ท่าเรือที่ได้มาตรฐาน สำหรับ รับ-ส่ง “DINING CRUISES” ที่ดีที่สุดในเมืองไทย อาทิ WONDERFUL PEARL, CHAOPHRAYA CRUISE, CHAOPHRAYA PRINCESS, WHITE ORCHID, WAN-FAH, APSARA เป็นต้น, “เรือ SHUTTLE BOAT” จากโรงแรมชั้นนำและคอนโดริมแม่น้ำเจ้าพระยา, “เรือธงฟ้า เจ้าพระยา ทัวร์ริส โบ๊ท” ที่รองรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ และ “เรือล่องท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมทางน้ำ” ทั้งในกรุงเทพมหานครถึงอยุธยาในช่วงกลางวัน
กลุ่มเป้าหมายหลักของ ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก ได้แก่ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 70% และลูกค้าชาวไทย 30% โดยสัดส่วนลูกค้าต่างประเทศ 5 อันดับ ได้แก่ 1.จีน 2. ยุโรป (เยอรมัน, สวิตเซอร์แลนด์, ฝรั่งเศส) 3.อินเดีย 4. สหรัฐอเมริกา 5. ฮ่องกง/สิงคโปร์ ปัจจุบันจำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการภายในศูนย์ฯ ทุกวันประมาณ 3,500 – 4,500 คน หลังจากเปิดให้บริการครบเต็มรูปแบบในเดือนกรกฎาคม 2559 คาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้น 25%
ผู้บริหารริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก ได้ทิ้งท้ายถึงวิสัยทัศน์แห่งการขับเคลื่อนของ ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก ว่า “การทำศูนย์การค้าให้ประสบความสำเร็จในระยะยาวต้องมี CONCEPT และ POSITIONING ที่ชัดเจน ที่สำคัญคือต้องสร้างความแตกต่างและมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน การปรับปรุงศูนย์การค้า ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก ให้เป็นศูนย์การค้าเฉพาะด้าน ARTS & ANTIQUES ที่ครบครันสมบูรณ์ พร้อมการเพิ่มเซ็กเม้นท์กลุ่มร้านไลฟ์สไตล์และไดนิ่งเสริมทัพ และการเป็นท่าเรือที่สมบูรณ์แบบของเรา จึงเป็นการพัฒนาเพื่อสร้างความแตกต่างและจุดยืนที่ชัดเจนให้สามารถดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน และด้วยจุดแข็งด้านทำเลที่ตั้งของ ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก ในการเดินทางที่สะดวกทั้งทางน้ำและทางรถ จะทำให้ศูนย์การค้าแห่งนี้เป็นศูนย์กลางทางธุรกิจริมน้ำบนฝั่งพระนครต่อไป”
พบกับปรากฏการณ์โฉมใหม่ของ ศูนย์การค้า ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก ในคอนเซ็ปต์ THE ANCHOR OF ARTS & ANTIQUES ศูนย์ศิลปะและโบราณวัตถุแห่งแรกในเอเชียที่ผสานสอดรับรูปแบบการใช้ชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้หลงใหลในศิลปวัฒนธรรมอย่างลงตัวหนึ่งเดียวในประเทศไทยริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองไทยได้เร็วๆ นี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ 02-237-0077 ถึง 78 หรือ www.rivercitybangkok.com และ https://www.facebook.com/RiverCityBangkok/
###
กลุ่มบริษัทอิตัลไทย คือ กลุ่มธุรกิจสำคัญกลุ่มหนึ่งในวงการธุรกิจอุตสาหกรรมก่อสร้าง และธุรกิจพัฒนาโครงการเพื่อการพาณิชย์และฮอสพิทาลิตี้ของประเทศไทย ตลอดระยะเวลา 60 ปีที่ผ่านมา โดยธุรกิจของกลุ่มบริษัทอิตัลไทยแบ่งเป็น 2 กลุ่มธุรกิจในสัดส่วนพอๆ กัน และเป็นกลุ่มธุรกิจที่เป็นรากฐานที่สำคัญของเศรษฐกิจประเทศไทย ได้แก่ ‘กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลและรับเหมาก่อสร้างแบบครบวงจร’ ที่เชื่อมโยงกับโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศ และ ‘กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมบริการและ ไลฟ์สไตล์’ ที่เชื่อมโยงกับภาคการท่องเที่ยวของไทยซึ่งสามารถแข่งขันได้กับทั่วโลก
กลุ่มบริษัทอิตัลไทย ตั้งเป้าผลักดันยอดขายธุรกิจในเครือให้เติบโตขึ้น 2 เท่า ภายในระยะเวลา 5 ปี ให้มียอดขายต่อปีอยู่ที่ 25,800 ล้านบาท เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับสถานภาพทางการแข่งขันของกลุ่มบริษัทอิตัลไทย และทุ่มเงิน 11,000 ล้านบาทลงทุนในส่วนของศูนย์บริการ สิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ๆ และโรงงาน ตลอดจนการบริการใหม่ๆ รวมไปถึงการพัฒนาศักยภาพองค์กร