ฟอร์เรสเตอร์ยกให้ “แซส” เป็นผู้นำโซลูชั่นด้านระบบการจัดการ “การทุจริตในองค์กร”
กรุงเทพฯ- มีนาคม 2559 – ฟอร์เรสเตอร์ รีเสิร์ซ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยชั้นนำด้านการวิจัยของโลกจัดอันดับยกให้แซสเป็นผู้นำด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก โดยในรายงานของฟอร์เรสเตอร์ประจำไตรมาส 1 ปี 2016 (The Forrester Wave: Enterprise Fraud Management,Q12016) ระบุว่า โซลูชั่นด้านการจัดการ การทุจริตในองค์กรนั้นมีความครอบคลุมสำหรับการรวบรวมข้อมูล การจัดการขั้นตอน การสร้างโมเดลใหม่ๆ ของการทำงาน และยังครอบคลุมไปถึงธุรกรรมใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในขณะนั้นอีกด้วย
บริษัท แซส ซอฟท์แวร์ (ไทยแลนด์) จำกัด เป็นผู้นำในตลาดซอฟต์แวร์และบริการด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงธุรกิจ (Business Analytics) ด้วยโซลูชั่นเชิงนวัตกรรมที่ให้ลูกค้าในรูปของ Integrated Framework และเทคโนโลยีสำหรับการรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ และการเข้าถึงข้อมูลช่วยให้ลูกค้าของแซสที่มีมากกว่า 75,000 แห่งทั่วโลก สามารถตัดสินใจทางธุรกิจได้ดี และรวดเร็วยิ่งขึ้น และนับตั้งแต่ปี 2519 เป็นต้นมา แซส เดินหน้าอย่างมุ่งมั่นในการเป็น "พลังแห่งการรอบรู้" หรือ The Power to Know® สำหรับลูกค้าทั่วโลก
จากรายงานวิจัยของฟอร์เรสเตอร์ได้ประเมินถึงเกณฑ์ที่จะบ่งบ่องถึง 7 บริษัทชั้นนำที่เป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวกับการจัดการทุจริตออกมาทั้งหมด 15 ข้อ และแซสมีความโดดเด่นโดยอยู่ท่ามกลางบริษัทที่ได้รับคะแนนสูงสุดเหล่านั้น โดยได้รับคะแนนสูงสุดในประเภทการนำเสนอแผนกลยุทธ์ และการตลาด (Strategy and market Presence) ฟอร์เรสเตอร์ยังได้อ้างถึงกลยุทธ์ทางเทคนิคในการพัฒนาโซลูชั่นของแซสอย่างต่อเนื่องที่มีความโดดเด่น ประกอบด้วย 1. สามารถออกแบบเทคโนโลยี SAS Visual Analytics ให้เป็นสถาปัตยกรรมที่คำนวณผลในลักษณะของ In-Memory Analytics ที่โดดเด่น เพื่อช่วยให้ผู้ใช้เรียกดูข้อมูลได้ง่ายดายจากการแสดงผลข้อมูลขนาดใหญ่ หรือบิ๊ก ดาต้า ในเชิงลึกแบบกราฟิกได้อย่างรวดเร็วแบบเรียลไทม์ได้ในทุกที่ ซึ่งบ่งชี้ถึงประสิทธิภาพในการทำงาน 2.เพิ่มการดีไซน์และสร้างโมเดลภาพจำลองต่อปริมาณข้อมูลจำนวนมาก 3.สามารถปรับปรุงการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกด้วยการบูรณาการเครื่องมือใหม่ๆ และข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าเข้าด้วยกัน
การเรียนรู้เครื่องมือใหม่ๆ คือกุญแจสำคัญ
หนึ่งในกุญแจสำคัญที่จะสร้างความแตกต่างระหว่างผู้ให้บริการโซลูชั่นด้านการจัดการการทุจริตในองค์กรได้ก็คือ การเรียนรู้เครื่องมือใหม่ๆ ในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ซึ่งในรายงานระบุไว้ด้วยว่า “หากมีเทคโนโลยีในการจัดการความเสี่ยงของการทุจริตเกิดการล้าหลังและไร้ประสิทธิภาพและมีอยู่ทางเลือกเดียวในขณะนั้น การปรับปรุงการบริหารจัดการ และการเรียนรู้เครื่องมือใหม่ ๆ นำมาใช้ให้เหมาะกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้คน รวมทั้งสามารถจำลองสถานการณ์การวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างอัตโนมัติ และการติดตามแบบเฉพาะเจาะจงจะเป็นตัวชี้วัดว่าผู้ให้บริการเจ้าไหนเป็นผู้นำอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ ระบบการบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีอยู่ มีโอกาสที่จะผิดผลาดหรือล้มเหลวในตัวบ่งชี้ของข้อมูลที่ถูกรวบรวมมาได้เสมอ แต่ในทางกลับกัน การเรียนรู้เครื่องมือใหม่ๆ ที่เรียกว่า Machine Learning ก็ถือเป็นการปรับระบบการทำงานให้เข้ากับพฤติกรรมของคนที่เปลี่ยนไปผ่านโมเดลการวิเคราะห์ได้อย่างอัตโนมัต ซึ่งจะทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกราบรื่น ซึ่งแซสคุ้นเคยเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว และความสามารถของเครื่องมือใหม่ ๆ ถูกผนวกไว้ในโซลูชั่นด้านการจัดการทุจริตในองค์กรของแซส อย่างตั้งใจ ซึ่งจะทำให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไปแบบ Complex data ได้สะดวกยิ่งขึ้น
นายทวีศักดิ์ แสงทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท แซส ซอฟต์แวร์ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า แซสยังคงมุ่งมั่นในการมอบโซลูชั่นการวิเคราะห์ข้อมูลการทุจริตในองค์กร ซึ่งเป็นโซลูชั่นที่ดีที่สุดในตลาด โดยบริษัทยังคงผลักดันนวัตกรรมการตรวจจับการทุจริตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากองค์กรในปัจจุบันล้วนต้องการโมเดลการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกการทำงานที่รวดเร็วและแม่นยำที่สามารถจัดการกับข้อมูลจำนวนมากได้ในเวลาเดียวกัน สำหรับการจัดการการทุจริต สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือห้ามล่าช้า เพราะคุณไม่สามารถรอจนถึงวันถัดไปแล้วพึ่งค้นพบว่าบัญชีของคุณถูกโดนโจมตี ดังนั้นคุณต้องรู้ในทันทีที่คุณจ่ายเงิน และโซลูชั่นด้านการทุจริตของแซสก็ให้ความสามารถที่จำเป็นเหล่านี้
เกี่ยวกับบริษัท แซส
บริษัท แซส ซอฟท์แวร์ (ไทยแลนด์) จำกัด เป็นผู้นำในตลาดซอฟต์แวร์และบริการด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงธุรกิจ (Business Analytics) ด้วยโซลูชั่นเชิงนวัตกรรมที่ให้ลูกค้าในรูปของ Integrated Framework และเทคโนโลยีสำหรับการรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ และการเข้าถึงข้อมูลช่วยให้ลูกค้าของแซสที่มีมากกว่า 75,000 แห่งทั่วโลก สามารถตัดสินใจทางธุรกิจได้ดี และรวดเร็วยิ่งขึ้น และนับตั้งแต่ปี 2519 เป็นต้นมา แซส เดินหน้าอย่างมุ่งมั่นในการเป็น "พลังแห่งการรอบรู้" หรือ The Power to Know® สำหรับลูกค้าทั่วโลก