ไอพีพีเอสเผยตลาดอี-อีวอลเล็ทไตรมาสแรกเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ไอพีพีเอส ผู้ให้บริการอีวอลเล็ท PayforU และบัตรเติมเงินสด Pay4Cash เผยธุรกิจตลาดอีคอมเมิร์ซของไทยในไตรมาสแรกของปีนี้ ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งมาจากกระแส 4 G ทำให้เทรนด์การใช้งานระบบอีวอลเล็ทเติบโตเพิ่มขึ้น คาดว่าในปีนี้จะมีรายได้ประมาณ 350-450 ล้านบาท ทำให้มียอด transaction การใช้ผ่านบริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์อย่างน้อย 100,000 – 200,000 ครั้งต่อวัน
ดร.กนกวรรณ ว่องวัฒนะสิน ประธานกรรมการบริหารบริษัท ไอพี เพย์เมนท์ โซลูชั่น จำกัด ผู้ให้บริการ PayforU ระบบกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์และผู้ให้บริการบัตรเงินสดดิจิตอล(Digital Cashcard) Pay4Cash เปิดเผยว่า กระแสธุรกิจตลาดอีคอมเมิร์ซของไทยในไตรมาสแรกของปีนี้ ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องและเริ่มเข้าสู่ยุคที่ผู้ใช้บริการมีความเข้าใจในการใช้งานได้ดีมากขึ้น มีความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยีการชำระเงินมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้บริการเข้าถึงบริการได้สะดวกรวดเร็วขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาก 4G นอกจากนี้ก็เป็นผลมาจากเทรนด์การใช้จ่ายหรือทำธุรกรรมต่าง ๆ ในการใช้งานผ่านอินเตอร์เน็ตและโมบายมากขึ้น และมีการสนับสนุนที่สำคัญที่สุด คือภาครัฐ ที่ประกาศเป็นนโยบายแห่งชาติ ซึ่งนโยบายนี้จะช่วยส่งเสริมเป็นอย่างมาก ในการผลักดันในแง่ของผู้ให้บริการแอพลิเคชั่น ทำให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น มีฟังก์ชั่นสนับสนุนการใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้น เช่น เติม จ่าย โอน ถอน เป็นต้น
ดร.กนกวรรณ กล่าวว่า สำหรับผู้ให้บริการอีวอลเล็ทในปีนี้จะต้องปรับตัวตลอดเวลา เพื่อที่จะต้องรองรับพฤติกรรมในการใช้ อีคอมเมิร์ซที่มีความหลากหลายขึ้นและการใช้งานโมบายคอมเมิร์ซ ก็มีบทบาทมากขึ้น เพื่อให้ทุกองค์ประกอบพร้อมให้บริการ เพื่อให้โลกของการบริโภคสินค้าและบริการผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ ขับเคลื่อนได้ดีขึ้น ปลอดภัยขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการช็อปปิ้ง ดูหนัง การดาวน์โหลดต่าง ๆ หรือตลาดใหม่ ๆ ธุรกิจใหม่ ๆ ที่ทำผ่านแอปพลิเคชั่น ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
สำหรับบริการ PayforU ภายใต้ชื่อ PayForU Mobile Wallet เป็นบริการเพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น ซึ่งนอกจากจะมี Pay4U ที่เป็นกระเป๋าเงินอีเล็กทรอนิกส์แล้ว จะยังมี Pay4U Payment Gateway ที่ช่วยให้ชำระเงินผ่านบัตรเครดิตได้สะดวกและปลอดภัยขึ้น และยิ่งเพิ่มความสะดวกด้วยการใช้ระบบ single ID และ PayforU secure payment ซึ่งเป็นเทคโนโลยีและมาตรฐานของระบบที่ให้ความปลอดภัยในการใช้งานมากยิ่งขึ้น ในส่วนของพันธมิตรทางธุรกิจในปัจจุบัน เราเป็นพันธมิตรกับทุก ๆ บริษัท ทั้งในส่วนของค่ายโทรศัพท์มือถือทั้งสามค่าย ก็ใช้กระเป๋าเงินผ่าน Pay forU ไปซื้อ topup มือถือ หรือชำระบิลค่าน้ำค่าไฟจากบริการต่าง ๆ หรือไปรษณีย์ไทย เติมเงินเข้า PayforU และขายบัตรเงินสด Pay4Cash หรือจะเป็นกลุ่มดูหนังออนไลน์ เกมออนไลน์และโมบายชั้นนำ รวมถึงกลุ่มธุรกิจขายตรงก็มีพันธมิตรที่เป็นลูกค้าที่ใช้บริการเราอยู่ในลักษณะ Co- Branding นอกจากนี้ก็ยังมีผู้ให้บริการ IP TV และพันธมิตรทางด้านธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง เช่น บิ๊กซี เทสโก้โลตัส และร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ทุกสาขา หรือกลุ่มธุรกิจธนาคาร ก็เป็นลูกค้าของเราผ่านทางการเติมเงินเข้ากระเป๋าในช่องทาง ATM และเคาน์เตอร์เซอร์วิสทุกสาขาทั่วประเทศ
ดร.กนกวรรณ กล่าวต่อว่าในปีนี้ กลุ่มธุรกิจธุรกิจกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ และการทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ เติบโตสูงมาก IPPS ได้ตั้งเป้าหมายแบบก้าวกระโดด โดยเริ่มจากการปรับสร้าง และเพิ่มฟังก์ชั่นและพัฒนระบบและการบริหารลูกค้า และการแข่งขันกับตัวเอง ในเรื่องของการสร้างฐานลูกค้า ทำให้ในปี 2558 มีลูกค้าเกือบ 1 ล้านราย และในปีนี้( 2559 ) ตั้งเป้าหมายว่าเติบโตมากกว่า 100 เปอร์เซ็นต์ โดยคาดว่าจะมียอดลูกค้าแตะ 2 ล้านราย และมียอด transaction การใช้ผ่านบริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์อย่างน้อย 100,000 – 200,000 ครั้งต่อวัน นอกจากนี้ได้มีพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มในส่วนของกลุ่มเทเลคอมและรุกตลาดอีเคอมเมิร์ซมากขึ้น โดยเป็นทั้งผู้ให้บริการ Payment Gateway
“ตั้งแต่เริ่มเปิดให้บริการอย่างไม่เป็นทางการ IPPS มุ่งเน้นการให้บริการแบบ Anywhere, Any device โดยเริ่มจากบริการ Payment Gateway , Digital Wallet , Pay4Cash และล่าสุดคือบริการ Pay foryou Mobile Wallet เพื่อเพิ่มความสะดวก แก่การใช้งานบนมือถือ และยิ่งเพิ่มความสะดวก ด้วยการใช้ระบบ single ID และ PayforU secure payment ซึ่งเป็นเทคโนโลยีและมาตรฐานของระบบที่ให้ความปลอดภัยในการใช้งานมากยิ่งขึ้นโดยคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 350-450 ล้านบาทต่อปี” ดร.กนกวรรณกล่าว
