“มาสเตอร์คูล” เปิดตัวพัดลมไอเย็นโฉมใหม่ 3 รุ่น เปิดกลยุทธ์ปี 59 บุกตลาดทุกช่องทางตั้งเป้าโต 40%
“มาสเตอร์คูล” เปิดตัวพัดลมไอเย็นโฉมใหม่ “KOOLBOT” 3 รุ่น ดีไซน์กะทัดรัด เจาะลูกค้าบ้าน-คอนโด พื้นที่ใช้สอยจำกัด ตั้งเป้าโกยยอดขายเฉพาะรุ่น 200 ล้านบาท เปิดกลยุทธ์ปี 2559 บุกตลาดครอบคลุมทุกช่องทาง ทั้งในและต่างประเทศ คาดยอดขายเติบโต 40%
นายนพชัย วีระมาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในวันนี้ (24 ก.พ.59) บริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์พั ดลมไอเย็นโฉมใหม่ “คูลบอท” (KOOLBOT) 3 รุ่น ซึ่งเป็นพัดลมไอเย็นแบบเคลื่ อนที่รุ่นแรกของโลกที่ดึงลมเข้ ารอบทิศทาง สามารถลดอุณหภูมิได้สูงสุด 15 องศา แต่ประหยัดกว่าแอร์ 10 เท่าได้แก่ รุ่น MIK-07EC รุ่น MIK-07EX และรุ่น MIK-15EX ซึ่งเป็นการพัฒนานวัตกรรมและดี ไซน์ให้มีขนาดกะทัดรัด และประสิทธิภาพการใช้งาน ตอบโจทย์ลูกค้าบ้านพักอาศัย และคอนโด ที่มีพื้นที่การใช้งานจำกัด โดยมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ จะสามารถตอบสนองตลาดได้เป็นอย่ างดี โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายสำหรั บสินค้าพัดลมไอเย็นรุ่นใหม่นี้ ประมาณ 200ล้านบาท และในปี 2559 บริษัทวางแผนที่ จะทำการตลาดในเชิงรุกครอบคลุมทุ กช่องทาง ทั้งตลาดในประเทศและตลาดส่งออก รวมไปถึงช่องทางออนไลน์ ซึ่งคาดว่ายอดขายเติบโตประมาณ 40%
“แนวคิดในการพัฒนารูปลักษณ์ ของพัดลมไอเย็น “คูลบอท” (KOOLBOT) บริษัทต้องการตอบโจทย์ผู้บริ โภคในยุคปัจจุบันที่ มุ่งเน้นการใช้สอยในพื้นที่ ขนาดเล็กมากขึ้น ประมาณ 12-17 ตารางเมตร
ทำให้พัดลมไอเย็นตัวใหม่มี ความสามารถในการทำความเย็นได้สู งกว่าพัดลมไอเย็นปกติ ด้วยเทคโนโลยีการออกแบบที่ สามารถดึงลมเข้ารอบทิศทาง เพิ่มพื้นที่ในการแลกเปลี่ ยนความร้อน สามารถลดอุณหภูมิได้สูงสุด 15 องศา ช่วยให้เกิดความคุ้มค่ าและประหยัดพลังงาน” นายนพชัย กล่าว
ทำให้พัดลมไอเย็นตัวใหม่มี
พร้อมกันนี้ บริษัทได้วางกลยุทธ์ การทำตลาดในปี 2559 ที่ยังคงตอกย้ำความเป็นที่1ด้านนวัตกรรมพัดลมไอเย็น และมียอดขายอันดับ 1 จากการดำเนินธุรกิจมาเป็ นระยะเวลากว่า 10 ปี ที่ให้ความสำคัญกับการพั ฒนาและคิดค้นนวัตกรรมด้วยตนเอง ใส่ใจในคุณภาพสินค้า มีการพัฒนาต่อยอดคิดค้นนวั ตกรรมสินค้า จนได้รับรางวัลผู้พิชิตรางวั ลยอดเขานวัตกรรม จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริ มนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ สวทช. (ITAP) โดยในแต่ละปีบริษัทมี แผนการทำตลาดสินค้าใหม่อย่างต่ อเนื่อง ซึ่งขณะนี้ยังมีสินค้าอีก 2 -3 รายการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาร่ วมกับ ITAP
ทั้งนี้ บริษัท ได้วางงบประมาณด้ านการทำตลาดประมาณ 60 ล้านบาท ซึ่งแบ่งช่องทางบีโลว์เดอะไลน์ (Below the Line) อะโบฟเดอะไลน์ (Above the Line)ประมาณ 30 ล้านบาท ผ่านการจัดกิจกรรม ณ จุดขาย การสร้างการรับรู้ในตัวผลิตภั ณฑ์ และการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ และอีก 30 ล้าน จะเป็นการทำโปรโมชั่นการขายต่ างๆ ซึ่งได้มีการเจรจากับพั นธมิตรเพื่อเพิ่มช่ องทางการการขายที่เข้าถึงกลุ่ มลูกค้าที่ยังเข้าไม่ถึง
ปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนของรายได้ จากการขายในประเทศประมาณ 80 % และส่งออก อยู่ที่ประมาณ 20 % โดยตลาดในประเทศจะเน้ นการทำตลาดในช่องทางร้านโมเดิร์ นเทรด และค้าปลีก ผ่านตัวแทนจำหน่าย และดีลเลอร์ทั่วประเทศ รวมไปถึงช่องทางออนไลน์ที่กำลั งเป็นที่ตอบรับและเริ่มจะมี การเติบโตมากขึ้น
ส่วนตลาดส่งออก ปัจจุบันมีการทำตลาดไปแล้วกว่า 40 ประเทศทั่วโลก โดยในปีนี้ได้มีการเซ็นสัญญาแต่ งตั้งตัวแทนจำหน่ายเพิ่มเติ มจากเดิมที่อยู่แล้ว ทั้งในประเทศ เกาหลี ไต้หวัน ญี่ปุ่น อังกฤษ แคนาดา อเมริกา และพม่า รวมไปถึงประเทศอิตาลี ซึ่งประเทศเหล่านี้มีความต้ องการสินค้าดีไซน์และนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ของไลฟ์สไตล์ผู้บริ โภค
สำหรับแนวโน้มและทิ ศทางของเศรษฐกิจในปีนี้ แม้ว่าจะยังชะลอตัว แต่มั่นใจว่า บริษัทยังมีโอกาสที่ จะทำตลาดและเติบโตได้ เนื่องจากสภาพอากาศที่ยังคงร้ อนอย่างต่อเนื่องและอาจจะมีอุ ณภูมิที่สูงขึ้นผิดปกติกว่าทุ กปีจากภาวะเอลนินโญ่ รวมทั้งจะมีระยะเวลาที่ ยาวนานกว่าเดิม
ขณะเดียวกัน สำหรับการที่มีผู้เล่นในตลาดพั ดลมไอเย็นเพิ่มมากขึ้น มองว่าจะไม่กระทบกับบริษัทและนั บเป็นโอกาสและความได้เปรียบ เนื่องจากบริษัทมีสินค้าที่มี นวัตกรรมของตนเอง
คาดการณ์มูลค่าตลาดพัดลมไอเย็ นในปี 2558 อยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยมาสเตอร์คูลยังคงมีส่วนแบ่ งตลาดเป็นอันดับ 1
สำหรับมูลค่าตลาดเครื่ องทำความเย็นทั้งแอร์ และพัดลม โดยรวมอยู่ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาท และคาดการณ์ว่าขนาดของตลาดพั ดลมไอเย็นน่าจะมีส่วนแบ่ งจากตลาดแอร์และพัดลมได้ 10-20% คิดเป็น 3,000-6,000 ล้านบาท ภายในปี 2564