ก.วิทย์ฯ โดย สวทช. จัดงาน ITAP: ปลดล็อกข้อจำกัดทางธุรกิจด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม
มอบรางวัล
“ผู้พิชิตยอดเขานวัตกรรม” ประกาศผลสำเร็จการพัฒนาศักยภาพ SMEs ไทยเชิงรุก
สนองนโยบายรัฐบาลพร้อมชี้หวั งเติบโตก้าวกระโดด
ในปี 2559
กรุงเทพฯ
:
11 มกราคม 2559 - กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งชาติ
(สวทช.) ดำเนินโปรแกรมสนับสนุนการพั ฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย
(Innovation and Technology Assistance Program: ITAP) จัดงาน
“ITAP: ปลดล็อกข้อจำกัดทางธุรกิจด้ วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม” เพื่อนำเสนอกลไกเชิงรุกในการสนั บสนุนภาคเอกชน พร้อมมอบรางวัลให้กับบริษัทผู้ ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุ รกิจบนพื้นฐานการพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรม
โดยมี ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณ ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เป็นประธานเปิดงาน
บุคคลในภาพ (จากซ้าย)
1.ดร.ฐิตาภา สมิตินนท์ ผู้อำนวยการโปรแกรมสนับสนุ นการพัฒนาเทคโนโลยีของอุ ตสาหกรรมไทย
(ITAP)
ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี, สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งชาติ
2.ศ.ดร.ชัชนาถ เทพธรานนท์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่ าการกระทรวงวิทยาศาตร์ และเทคโนโลยี
3.ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณ
ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
4.ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิ ทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
(สวทช.)
5.ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการศูนย์ บริหารจัดการเทคโนโลยี , สวทช.
มอบรางวัล
“ผู้พิชิตยอดเขานวัตกรรม” ให้กับบริษัทผู้มีการดำเนินธุ รกิจจากการไต่ระดับเทคโนโลยี
ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม 5
บริษัท บริษัท แดรี่โฮม จำกัด : ผลิตภัณฑ์นมออแกนิค บริษัท เอส พี เอ็ม
อาหารสัตว์ จำกัด : ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ บริษัท เอส.บี.พี.
ทิมเบอร์กรุ๊ป จำกัด : นวัตกรรมงานไม้ บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล
จำกัด (มหาชน) : นวัตกรรมพัดลมไอน้ำ และ บริษัท คอมแพ็ค
อินเตอร์เนชั่นแนล(1994) จำกัด : ผลิตภัณฑ์ผ้าเบรค
ไร้ใยหิน และจัดแสดงนิทรรศการด้านการไต่ ระดับเทคโนโลยีและ
จัดแสดงผลงานของบริษัทผู้รั บรางวัล
ITAP มุ่งมั่นและเปิดรับที่จะให้ ความช่วยเหลือสนับสนุน ให้คำแนะนำ เป็นพี่เลี้ยง และพันธมิตรธุรกิจ ดำเนินงานเพื่อพัฒนาศั กยภาพของวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม
(SMEs) ให้มีขีดความสามารถทางเทคโนโลยี สูงขึ้น ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรม
โดยใช้กลไกการถ่ายทอดเทคโนโลยี ที่มีความเหมาะสมกับสภาพความต้ องการของภาคอุตสาหกรรม
เพื่อปลดล็อกข้อจำกัดทางธุรกิ จด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม และพัฒนาศักยภาพของ SMEs
ให้ยั่งยืนและเข้มแข็งต่อไป
บุคคลในภาพ (จากซ้าย)
1.คุณเกษม อิสระพิทักษ์กุล
กรรมการผู้จัดการบริษัท
บริษัท คอมแพ็ค อินเตอร์เนชั่นแนล(1994)
จำกัด: ผลิตภัณฑ์ผ้าเบรคไร้ใยหิน
2.คุณนพชัย วีระมาน กรรมการผู้จัดการบริษัท
บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
(มหาชน) : นวัตกรรมพัดลมไอน้ำ
3.ดร.สมชาย ฉัตรรัตนา
รองเลขาธิการสำนั กงานคณะกรรมการนโยบายวิ ทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.)
4.ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล
รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิ ทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
(สวทช)
และผู้อำนวยการศูนย์บริหารจั ดการเทคโนโลยี
5.ศ.ดร.ชัชนาถ เทพธรานนท์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่ าการกระทรวงวิทยาศาตร์ และเทคโนโลยี
6.ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล
ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิ ทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
(สวทช.)
7.คุณยิวลี่ บุญธำรงกิจ กรรมการผู้จัดการบริษัท
บริษัท เอส.บี.พี. ทิมเบอร์กรุ๊ป จำกัด :
นวัตกรรมงานไม้
8.นายพฤฒิ เกิดชูชื่น
กรรมการผู้จัดการบริษัท
บริษัท แดรี่โฮม จำกัด : ผลิตภัณฑ์นมออแกนิค
9.นายสรพหล นิติกาญจนา
กรรมการผู้จัดการบริษัท
บริษัท เอส พี เอ็ม อาหารสัตว์ จำกัด :
ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์
สวทช. จัดงาน ITAP: ปลดล็อกข้อจำกัดทางธุรกิจด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ประกาศผลสำเร็จการพัฒนาศักยภาพ SMEs โดยมีพันธมิตรมาผนึกกำลัง แสดงความยินดีกว่า 60 หน่วยงาน
จากประสบการณ์ที่สนับสนุนภาคเอกชนมานานกว่า 20 ปี จากการดำเนินงานที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน ITAP ได้ดำเนินการวิเคราะห์และวินิจฉัยปัญหาทางเทคนิคให้กับ SMEs จำนวน 7,000 ราย และเกิดจำนวนโครงการให้คำปรึกษาในเชิงลึกมากกว่า 5,000 โครงการ ครอบคลุมทุกประเภทของโครงการด้านการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและปรับปรุงการผลิต การสร้างมาตรฐานและการทดสอบ โครงการด้านการวิจัยและพัฒนา รวมทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรม คิดเป็นสัดส่วนความสำเร็จของโครงการถึงร้อยละ 80 และมีความเชื่อมโยงกับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางจากภาคการศึกษา สถาบันวิจัย รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศกว่า 1,300 คน จากการประเมินผลระหว่างปี 2556 – 2558 สร้างผลกระทบจากการลงทุนและการจ้างงานที่เกิดจากการดำเนินโครงการถึง 6,000 ล้านบาท นับว่าเป็นการสร้างประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศและยังส่งผลถึงการยกระดับการแข่งขันของภาคธุรกิจด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมอีกด้วย
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ดำเนินโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (Innovation and Technology Assistance Program: ITAP) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ให้คำแนะนำ พี่เลี้ยง และพันธมิตรธุรกิจ ดำเนินงานเพื่อพัฒนาศักยภาพของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้มีขีดความสามารถทางเทคโนโลยีสูงขึ้น ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยใช้กลไกการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่มีความเหมาะสมกับสภาพความต้องการของภาคอุตสาหกรรม และจัดงาน “ITAP: ปลดล็อกข้อจำกัดทางธุรกิจด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม” เพื่อนำเสนอกลไกเชิงรุกในการสนับสนุนภาคเอกชน พร้อมมอบรางวัลให้กับบริษัทผู้ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม
ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณ ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า “กระทรวงฯ มีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนการทำวิจัยและพัฒนาภาคอุตสาหกรรมและสังคม มอบหมายให้ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย หรือ ไอแทบ (ITAP) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีความเข้มแข็งในการเชื่อมโยงด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปสู่ภาคเอกชน พร้อมทั้งสร้างแรงจูงใจให้ภาคเอกชนหันมาลงทุนในงานวิจัยและพัฒนาเพื่อนำไปสู่การสร้างนวัตกรรมและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจพร้อมกระตุ้นและยกระดับเศรษฐกิจของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมยังมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ต้องการสร้างขีดความสามารถให้มีนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่างและคุณภาพที่ดี แต่ในทางปฏิบัติการสร้างสรรค์นวัตกรรมของ SMEs เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก เนื่องจากเงินทุนน้อย บุคลากรจำกัด ไม่มีผู้เชี่ยวชาญในการวิจัย หาก SMEs จะมีหน่วยงานวิจัยและพัฒนาเป็นของตนเองไม่ใช่เรื่องง่าย พร้อมทั้งขาดประสบการณ์ในการบริหารโครงการวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ กระทรวงฯ เห็นความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ITAP / สวทช. จึงเป็นหน่วยงานที่ตอบสนองความต้องการในการสนับสนุน SMEs เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์และสร้างความเข้มแข็งด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมไปพัฒนาธุรกิจให้เกิดมูลค่าเพิ่มและสร้างโอกาสใหม่ๆ อันจะนำไปสู่การเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของภาคการผลิตและบริการ รวมถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้เข้มแข็งอย่างยั่งยืน ตลอดจนการมุ่งผลักดันให้ประเทศไทยแข็งแกร่งและเจริญรุ่งเรืองบนเวทีเศรษฐกิจระดับโลก”
ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า “โปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (ITAP) ดำเนินงานเพื่อสร้างความเข้มแข็งของ SMEs เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการ และเผยแพร่มาตรการภาครัฐในการส่งเสริมให้นำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาพัฒนาธุรกิจ แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือของภาครัฐที่จะเชื่อมโยง SMEs ให้เข้าถึงองค์ความรู้และทรัพยากรที่จำเป็น สามารถนำไปใช้ในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันในภาคอุตสาหกรรม เพื่อปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต พัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์และกระบวนการใหม่ อันจะนำมาซึ่งขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืนในภาคอุตสาหกรรมให้สามารถบรรลุเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการให้ SMEs เป็นแกนหลักของเศรษฐกิจ
จากประสบการณ์ที่สนับสนุนภาคเอกชนมานานกว่า 20 ปี จากการดำเนินงานที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน ITAP ได้ดำเนินการวิเคราะห์และวินิจฉัยปัญหาทางเทคนิคให้กับ SMEs จำนวน 7,000 ราย และเกิดจำนวนโครงการให้คำปรึกษาในเชิงลึกมากกว่า 5,000 โครงการ ครอบคลุมทุกประเภทของโครงการด้านการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและปรับปรุงการผลิต การสร้างมาตรฐานและการทดสอบ โครงการด้านการวิจัยและพัฒนา รวมทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรม คิดเป็นสัดส่วนความสำเร็จของโครงการถึงร้อยละ 80 และมีความเชื่อมโยงกับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางจากภาคการศึกษา สถาบันวิจัย รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศกว่า 1,300 คน จากการประเมินผลระหว่างปี 2556 – 2558 สร้างผลกระทบจากการลงทุนและการจ้างงานที่เกิดจากการดำเนินโครงการถึง 6,000 ล้านบาท นับว่าเป็นการสร้างประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศและยังส่งผลถึงการยกระดับการแข่งขันของภาคธุรกิจด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมอีกด้วย”
ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี กล่าวว่า “การเข้าร่วมโครงการกับ ITAP เปรียบเสมือนบริษัทได้มีหน่วยวิจัยและพัฒนาเฉพาะกิจ นอกจากนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญที่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาเทคโนโลยีช่วยบริหารโครงการวิจัย SMEs หาที่ปรึกษาที่เหมาะสมกับสภาพปัญหาและหัวข้อที่ต้องการวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม รวมถึงแหล่งเงินทุนสนับสนุน ทำให้ผู้ประกอบการลดความเสี่ยงในการทำโครงการวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม สามารถตัดสินใจลงทุนได้รวดเร็วขึ้น ซึ่ง ITAP ได้ให้การสนับสนุนภาคเอกชนจนประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม สามารถวิเคราะห์จัดลำดับปัญหา และเสาะหาผู้เชี่ยวชาญได้อย่างถูกจุด โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัย และสถาบันวิจัยเฉพาะทาง การบริการของภาครัฐ และแหล่งเงินทุน โดยเฉพาะบุคลากรและเทคโนโลยีของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช่วยบริหารโครงการด้วยความเข้าใจทั้งภาษาธุรกิจและภาษาวิจัย พร้อมทั้งสนับสนุนการลงทุนบางส่วนให้กับ SMEs ในการทำโครงการ ซึ่งสามารถให้การดูแลและบริการให้คำปรึกษาอย่างทั่วถึง โดยมีสาขาให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศ และมีพันธมิตรในการเชื่อมโยงงานในมิติต่างๆ”
ทั้งนี้ งาน “ITAP: ปลดล็อกข้อจำกัดทางธุรกิจด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม” มีกิจกรรมหลักในงานประกอบด้วย ปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “Business @ The Speed of Light, Why INNOVATION Must be Addressed” และการรายงานพิเศษกลไกการทำงาน “ITAP: The Right Solutions for Thai SMEs” โดย ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล รองผู้อำนวยการ สวทช. และผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี และการมอบรางวัล “ผู้พิชิตยอดเขานวัตกรรม” ให้กับบริษัทผู้มีการดำเนินธุรกิจจากการไต่ระดับเทคโนโลยี ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยมีผู้ได้รับรางวัล คือ
- บริษัท แดรี่โฮม จำกัด : ผลิตภัณฑ์นมออแกนิค (ที่ 2 จากซ้าย)
- บริษัท เอส พี เอ็ม อาหารสัตว์ จำกัด : ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์
(ที่ 5 จากซ้าย) - บริษัท เอส.บี.พี. ทิมเบอร์กรุ๊ป : นวัตกรรมงานไม้
(ที่ 3 จากซ้าย) - บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) : นวัตกรรมพัดลมไอน้ำ
(ที่ 4 จากซ้าย) - และ บริษัท เอเซีย คอมแพ็ค จำกัด : ผลิตภัณฑ์ผ้าเบรค ไร้ใยหิน
(ที่ 1 จากซ้าย)
รวมทั้งการจัดแสดงนิทรรศการด้านการไต่ระดับเทคโนโลยีและจัดแสดงผลงานของบริษัทผู้รับรางวัล
การจัดงานครั้งนี้ ได้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของลูกค้าของ ITAP ที่ไม่ย่อท้อ ค่อยๆ พัฒนาจากวิสาหกิจ ธุรกิจเล็กๆ หรือเทคโนโลยีพื้นฐานสู่เทคโนโลยีขั้นสูง ทำให้กิจการเติบโตขึ้นมีการส่งออก สามารถเข้าสู่โมเดิร์นเทรดได้ หรือเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ กิจการที่ได้รับรางวัลไม่จำเป็นต้องเป็นบริษัทใหญ่ แต่สามารถพัฒนาเป็นผู้นำและมีนวัตกรรมได้ ขอเพียงมีความมุ่งมั่น ITAP จะเป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมเดินไปด้วยกันสู่ยอดเขานวัตกรรม ซึ่งเป็นการนำเสนอกิจการที่ทำโครงการกับ ITAP แล้วมีพัฒนาการและการเติบโตที่ชัดเจน โดย ITAP มุ่งมั่นและเปิดรับที่จะให้ความช่วยเหลือสนับสนุน เพื่อปลดล็อกข้อจำกัดทางธุรกิจด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม และพัฒนาศักยภาพของ SMEs ให้ยั่งยืนและเข้มแข็งต่อไป
สอบถามรายละเอียดโครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (ITAP)
นางสาวธรินทร์ญา ตามไท ที่ปรึกษาโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (ITAP)
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
โทรศัพท์ ๐ ๒๕๖๔ ๗๐๐๐ ต่อ ๑๓๐๐ มือถือ ๐๘๙ ๑๔๓ ๙๒๒๕ โทรสาร ๐ ๒๕๖๔ ๗๐๘๒
email : tharinya.tamthai@nstda.or.th สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
โทรศัพท์ ๐ ๒๕๖๔ ๗๐๐๐ ต่อ ๑๓๐๐ มือถือ ๐๘๙ ๑๔๓ ๙๒๒๕ โทรสาร ๐ ๒๕๖๔ ๗๐๘๒
แดรี่โฮม พัฒนาไม่หยุดยั้ง ผู้นำผลิตภัณฑ์นมออแกนิค
“แดรี่โฮม” เจ้าแรกของผลิตภัณฑ์นมวัวออแกนิคแห่งแรกของประเทศไทย
ร่วม iTAP พัฒนาผลิตภัณฑ์ สร้างสรรค์ความแตกต่าง คืนคุณภาพสู่ผู้บริโภค
บริษัท แดรี่โฮม จำกัด ผู้ริเริ่มการผลิตนมอินทรีย์มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 ด้วยวิสัยทัศน์ของคุณพฤฒิ เกิดชูชื่น กรรมการผู้จัดการบริษัท มีแนวคิดในการเลี้ยงโคนมที่ไม่ใช้สารเคมี เพื่อช่วยลดต้นทุน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และลดความเสี่ยงจากสารเคมีที่มีโอกาสตกค้างในผลิตภัณฑ์ที่จะส่งผลต่อสุขภาพของผู้บริโภค ถึงแม้ขณะนั้นจะยังไม่มีมาตรฐานนมอินทรีย์ของประเทศไทย แต่บริษัทฯก็มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนามาตรฐานนมอินทรีย์และผ่านการรับรองมาตรฐานนมอินทรีย์เป็นรายแรกของประเทศ เป็นผลจากการที่เกษตรกรต้องปรับไปสู่การเลี้ยงขั้นพื้นฐานที่สำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นฟูแปลงหญ้า การเลี้ยงวัวไม่ใช้สารเคมีต่างๆ เป็นผลให้ผลผลิตและคุณภาพน้ำนมของแม่วัวเพิ่มสูงขึ้น นับเป็นการสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันกับอุตสาหกรรมนมรายใหญ่และอุตสาหกรรมนมข้ามชาติจุดเริ่มต้น ของ Bedtime Milk มาจากความต้องการพัฒนานมที่ช่วยทำให้นอนหลับได้ดี แต่ไม่มีหน่วยงานไหนที่สามารถตอบสนองงานวิจัยและพัฒนาได้ จนมาพบกับโครงการ iTAP เครือข่ายมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีที่ช่วยจัดหาผู้เชี่ยวชาญที่ตรงกับความต้องการ ร่วมกันพัฒนานมที่มีสารเมลาโทนิน เพื่อหาแนวทางที่จะกระตุ้นให้วัวผลิตนมที่มีสารเมลาโทนินมากกว่านมทั่วไปแล้วนำมาวิเคราะห์ในห้องปฎิบัติการ จนได้นมที่มีคุณสมบัติตามต้องการ ซึ่งสามารถผลักดันผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด ในปี 2552 และถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นของบริษัท
เมื่อบริษัทเริ่มเข้มแข็งด้วยการเป็นผู้นำนมและผลิตภัณฑ์จากนมออแกนิคแล้ว สิ่งหนึ่งที่บริษัทต้องการผลักดันให้เกิดขึ้นคือการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) โดยขอรับการสนับสนุนจาก iTAP อย่างต่อเนื่องในโครงการด้านการนำพลังงานความร้อนเหลือทิ้งมาใช้ประโยชน์และยังต่อยอดในการนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ เพื่อลดการใช้พลังงานอีกขั้นของการเป็นผู้นำอุตสาหกรรมสีเขียวปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ใกล้เคียงอีกด้วย
อีกหนึ่งโครงการที่บริษัทให้ความสนใจที่จะแสดงความมุ่งมั่นที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งการเลี้ยงวัวและการบริโภคผลิตภัณฑ์จากวัว มีการปลดปล่อยคาร์บอนซึ่งเป็นตัวการของปัญหาโลกร้อนมากที่สุด ยิ่งทำให้เกิดแรงกระตุ้นให้ไฟฟ้าภายในโรงงาน นอกจากนี้ยังมีการบริหารจัดการน้ำเสียในโรงงานให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่โดยไม่ปล่อยทิ้งที่จะทำให้เกิดบริษัทต้องการพิสูจน์ให้เห็นจริงว่า ถ้าผลิตนมแบบอินทรีย์แล้วผลที่ได้จะเป็นเช่นไร จึงนำไปสู่การขอรับการสนับสนุนจาก iTAP ในโครงการ “พิชิตฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นต์ผลิตภัณฑ์นมสดพาสเจอร์ไรส์และโยเกิร์ตแดรี่โฮม” เพื่อหาค่าการปลดปล่อยคาร์บอนจากผลิตภัณฑ์ของบริษัททั้งหมด 39 ผลิตภัณฑ์ จากผลการประเมิน พบว่า นมวัวอินทรีย์แดรี่โฮม มีค่าคาร์บอนฟุตพริ้นต์ต่ำกว่านมวัวธรรมดาถึง 13% โดยปริมาตร และบริษัทยังมีความมุ่งมั่นที่จะตั้งเป้าหมายที่จะลดค่าคาร์บอนฟุตพริ้นต์ลง จากการปรับปรุงตลอดห่วงโซ่การผลิตที่จะช่วยให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตอกย้ำการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
บริษัท เอส พีเอ็ม อาหารสัตว์ จำกัด : ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์
กลุ่มบริษัท เอส พี เอ็ม เป็นกลุ่มบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านอาหารสัตว์และปศุสัตว์ครบวงจร โดยยึดหลักการดำเนินธุรกิจที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการวิจัยและพัฒนา รวมทั้งการนำเทคโนโลยีอันทันสมัยมาใช้ในการผลิตเพื่อสร้างความแตกต่างอย่างยั่งยืน จนธุรกิจหลักของบริษัทเติบโตจนกลายเป็นผู้ผลิตเนื้อสัตว์และอาหารสัตว์ขนาด ใหญ่รายหนึ่งของประเทศไทย
ปัจจุบัน สินค้าของบริษัท สามารถแบ่งออกได้เป็น สี่กลุ่มหลักๆ คือ อาหารสัตว์เศรษฐกิจเช่น สุกร , สุกรขุนมีชีวิตและสายพันธุ์สุกร , เนื้อสัตว์อนามัย และ ปุ๋ยอินทรีย์-ชีวภาพ โดยกระบวนการผลิตของบริษัททั้งหมดจะถูกควบคุมตามหลักการของระบบมาตร ฐานสากล อาทิเช่น GMP/HACCP และ ISO9001 ประกอบกับการคัดเลือกวัตถุดิบที่เข้มงวด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสินค้าของบริษัทมีคุณภาพตามที่ลูกค้าต้องการและปราศจากสิ่งเจือปนที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภคทั้งทางตรงและทางอ้อม
จุดเริ่มต้นจากการขอรับการสนับสนุนจากโครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (iTAP) สวทช. ด้วยจาการที่บริษัทฯ มีแนวคิดการนำวัตถุดิบชีวภาพมาใช้ ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ แต่เนื่องจากผลิตภัณฑ์ชีวภาพเหล่านั้นจะต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศและมีราคาสูง ซึ่งในประเทศไทยถือว่าเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการผลิตผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ทั้งในด้านของวัตถุดิบ งานวิจัย และนักวิจัยที่มีความสามารถ จึงได้ริเริ่มดำเนินโครงการวิจัยด้านการนำเชื่อจุลินทรีย์จากในระดับห้องปฏิบัติการ นำมาพัฒนาจนสามารถผลิตได้ในระดับอุตสาหกรรม เพื่อใช้ประโยชน์ในด้านการเป็นส่วนผสมของอาหารสัตว์ประเภทต่างๆ
เมื่อโครงการประสบผลสำเร็จ บริษัทฯจึง จัดตั้งโรงงานผลิตเชื้อจุลินทรีย์แห่งแรกในประเทศขึ้น เพื่อเป็นแหล่งผลิตสินค้าที่มีราคาถูกและมีคุณภาพดี ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการยกระดับเทคโนโลยีการผลิตของประเทศที่มีการนำงานวิจัยของไทยที่มีอยู่แล้ว มา Upscale การผลิตในระดับอุตสาหกรรม
จากจุดเริ่มต้นจากการเป็นผู้ใช้เทคโนโลยี ก้าวไปสู่บริษัทที่ใช้การวิจัยและพัฒนาอย่างเข้มข้น เพื่อการผลิตสินค้าในอุตสาหกรรมปศุสัตว์และอาหารสัตว์ ที่ส่งผลในวงกว้าง ทั้งในด้านของเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ที่สามารถใช้อาหารสัตว์ที่ผสมเชื้อจุลินทรีย์โปรไบโอติกที่สามารถต้านทานโรค เพิ่มอัตราการดูดซึมอาหาร ลดความยุ่งยากในการดูแลและอัตราการตายที่ลดลง ส่งผลให้ต้นทุนการเลี้ยงลดต่ำลง ผลผลิตที่ได้สูงขึ้น นอกจากนี้ ยังส่งผลถึงผู้บริโภค ที่ได้บริโภคเนื้อสัตว์ที่ไม่มีสารตกค้างจากฮอร์โมนและยาปฏิชีวนะต่างๆ ซึ่งเป็นผลให้เกิดความเข้มแข็งทั้งด้านธุรกิจและการเพิ่มมูลค่าให้กับเกษตรกรอย่างยั่งยืน