“แทร็กช้างฯ” ระเบิดความมันส์ 3 เรซ ระดับโลก “จีที เอเชีย - ทีซีอาร์ - ทีซีอาร์ เอเชีย” 23-25 ตุลาคมนี้
ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต สนามแข่งรถมาตรฐานโลกของเมืองไทย แถลงข่าวจัดการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบระดับอินเตอร์เนชั่นแนล 3 รายการใหญ่ อย่าง จีที เอเชีย ซีรีส์, ทีซีอาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์ และ ทีซีอาร์ เอเชีย ซีรีส์ ภายใต้เทศกาลมอเตอร์สปอร์ต บุรีรัมย์ เฟสติวัล ออฟ สปีด 2015 โดยจะดวลความเร็วครั้งแรกในเมืองไทย ระหว่างวันที่ 23-25 ตุลาคมนี้
โดยมี นายเนวิน ชิดชอบ ประธานบริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต, นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ ผู้อำนวยการบริษัทฯ และ นายสกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทยร่วมกับ มร.เดวิด โซเนนเชอร์ (David Sonensher) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มอเตอร์สปอร์ต เอเชีย ฝ่ายจัดการแข่งขัน จีที เอเชีย ซีรีส์ และ ทีซีอาร์ เอเชีย ซีรีส์ ร่วมงานแถลงข่าว
นายเนวิน เปิดเผยว่า “นี่คืออีกหนึ่งงานท้าทายของพวกเรา ทีมงานของสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ทำงานกันหนักมาก เราอยากให้แฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยได้สัมผัสเกมการแข่งขันระดับโลกอย่างหลากหลาย ซึ่งที่ผ่านมาเราดึง ซูเปอร์จีที และ เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ มาแล้ว พร้อมกับประสบความสำเร็จด้วยจำนวนผู้ชมอย่างล้นหลาม และเป็นการสร้างฐานแฟนมอเตอร์สปอร์ตในเมืองไทยให้มากขึ้นด้วย”
“บุรีรัมย์ เฟสติวัล ออฟ สปีด รวมเอาสุดยอดการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบเอาไว้ถึง 3 รายการ จีที เอเชีย ซีรีส์ มีความดุดัน ความมันส์ และความเข้มข้นไม่แพ้ ซูเปอร์จีที ขณะเดียวกันยังมีนักแข่งไทยทั้งที่ลงแข่งเต็มฤดูกาล และทีมไวด์การ์ดอีก 2 ทีม ซึ่งจะทำให้แฟนๆ ได้เชียร์ และส่งกำลังใจให้พวกเขาได้ขึ้นโพเเดี้ยม หรือแม้กระทั่งคว้าแชมป์ต่อหน้าแฟนๆ ในบ้านเกิด โดยผมในนามของสนามช้างฯ ยินดี ที่จะเปิดสนามให้ทุกทีมลงทำการซ้อม เพื่อเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่”
"ส่วนอีก 2 รายการ ทั้ง ทีซีอาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์ และ ทีซีอาร์ เอเชีย ซีรีส์ ถือเป็นรายการใหม่ที่จะสร้างความเร้าใจให้แฟนมอเตอร์สปอร์ตได้สัมผัส ผมเชื่อว่า 3 รายการนี้จะประสบความสำเร็จอย่างสูง และคาดว่าจะมีแฟนความเร็วเข้าชมการแข่งขันไม่ต่ำกว่า ซูเปอร์จีที และ เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ ที่มียอดผู้ชมเดินทางสู่สนามแข่งของเราเป็นจำนวนมาก"
สำหรับการแข่งขัน จีที เอเชีย ซีรีส์ 2015 ดวลความเร็วทั้งสิ้น 6 สนาม เริ่มจาก เกาหลีใต้ (ยองอัม), ญี่ปุ่น (โอกายาม่า), ญี่ปุ่น (ฟูจิ สปีด เวย์), มาเลเซีย (เซปังฯ) และ จีน (เซี่ยงไฮ้) โดยประเทศไทยถูกบรรจุเป็นสนามที่ 6 ซึ่งเป็นเรซสุดท้ายของปีที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ จะมีขึ้นในวันที่ 23-25 ตุลาคมนี้ โดยจะเป็นสนามวัดแชมป์ประจำปีเพื่อชิงความเป็นจ้าวเอเชีย
ส่วนศึก ทีซีอาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์ นับเป็นการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบประเภททัวริ่งคาร์รายการใหม่เอี่ยมของโลก ที่เพิ่งเปิดตัวในปี 2015 เป็นฤดูกาลแรก จากแนวคิดของอดีตประธาน เวิลด์ ทัวร์ริ่งคาร์ อย่าง มาร์เซโล ล็อตติ ด้วยรถแข่งทัวร์ริ่งคาร์เครื่องยนต์ 2,000 ซี.ซี. เทอร์โบชาร์จ เพิ่มความแรงจากในอดีต ด้วยจำนวนรถแข่งกว่า 36 คัน จากผู้ผลิตรถยนต์ 5 แบรนด์ ดวลความเร็ว 11 สนาม 10 ประเทศทั่วโลก มาเลเซีย, จีน, สเปน, โปรตุเกส, อิตาลี, ออสเตรีย, รัสเซีย และ สิงคโปร์ ซึ่งประเทศไทยถูกบรรจุเป็นสนามที่ 10 ของปี ที่ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 23-25 ตุลาคมนี้ ขณะที่สนามสุดท้ายแข่งขันกันที่ มาเก๊า
นับเป็นครั้งแรกที่ ทีซีอาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์ จัดการแข่งขันในเมืองไทย และเป็นโอกาสแรกที่แฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทย จะได้สัมผัสเกมความเร็วระดับโลก ที่มีนักขับชั้นนำของโลกเข้าร่วมการแข่งขันกว่า 36 คน ขณะที่การแข่งขันในเมืองไทยจะเป็นสนามรองสุดท้ายของฤดูกาล ซึ่งจะยิ่งทวีความเข้มข้นขึ้นอย่างแน่นอน
ด้านการแข่งขันรายการ ทีซีอาร์ เอเชีย ซีรีส์ เกมความเร็วเครือข่ายของรายการแม่อย่าง ทีซีอาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์ ใช้รถแข่งสเป็กเดียวกันทั่วโลก โดยจะมีการแข่งขันทุกทวีป อาทิ ยุโรป และ อเมริกา สำหรับในเอเชีย จะแข่งขัน 4 สนาม ในฤดูกาล 2015 ซึ่งเป็นปีแรก เปิดตัวครั้งแรกที่ เซปังฯ เซอร์กิต มาเลเซีย, สนาม 2 ที่ มารีน่า เบย์ สตรีท เซอร์กิต ใน สิงคโปร์ ไนท์เรซ ขณะที่ไทยถูกบรรจุเป็นสนาม 3 แข่งขัน 23-25 ตุลาคมนี้ ที่ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต บุรีรัมย์ ก่อนจะปิดฉากที่ มาเก๊า ในเดือนพฤศจิกายน
สำหรับ บุรีรัมย์ เฟสติวัล ออฟ สปีด 2015 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 23-25 ตุลาคมนี้ ส่วนบัตรเข้าชมการแข่งขัน ไซด์สแตนด์ ราคา 500 บาท เข้าชมได้ 3 วัน, แกรนด์สแตนด์ ราคา 1,000 บาท เข้าชมได้ทั้ง 3 วัน, บัตรวีไอพี ราคา 2,000 บาท ต่อ 1 วัน และ 3,000 บาท ชมได้ 2 วัน จำหน่ายบัตรทาง thaiticketmajor ทุกสาขา และ www.bric-ticket.com หรือ Call Center : 091-716-3366 เริ่มจำหน่าย เวลา 9.00 – 18.00 น.
