ADS


Breaking News

โอลิมปัสเปิดตัวกล้อง OM-D E-M10 Mark II มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ 5 แกน

     ประเทศไทย – 25 สิงหาคม 2558 บริษัท โอลิมปัส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวกล้องรุ่นที่ 2 ที่จัดอยู่ในระดับเริ่มต้นของกล้องกลุ่ม OM-D โดยกล้องรุ่น E-M10 Mark II ตัวใหม่นี้มาพร้อมคุณลักษณะพิเศษของโอลิมปัส ไม่ว่าจะเป็น ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ 5 แกน ช่องมองภาพ OLED viewfinder ที่มีความละเอียดถึง 2.36 ล้าน-ดอท ฟังก์ชั่นแชร์ภาพสุดแอดวานซ์ พร้อมรูปลักษณ์ดีไซน์สุดโมเดิร์น-คลาสสิค เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นการถ่ายภาพด้วยกล้องแบบ SLR นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ และกลุ่มครอบครัว
     กล้องรุ่น E-M10 Mark II ระบบ 5-Axis IBIS ช่วยให้ผู้ถ่ายสะดวกในการเคลื่อนไหวและอิสระในการถ่ายภาพได้มากขึ้นเมื่อเทียบกับกล้องที่เปลี่ยนเลนส์ได้ซึ่งจัดอยู่ในระดับเริ่มต้นและระดับกลางของกล้องตัวอื่น ๆ ในกลุ่มนี้ พร้อมด้วยความคมชัดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ได้ภาพที่สวยงามคมชัดเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง และยังมอบความยืดหยุ่นในการถ่ายให้แก่ผู้ที่สนใจถ่ายภาพหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพภูมิทัศน์ในมุมกว้าง การถ่ายภาพบุคคล การจับภาพเคลื่นไหว วีดีโอ การเดินทาง การถ่ายภาพขนาดเล็กในระยะใกล้ ตลอดไปจนถึงการถ่ายภาพกิจกรรมกีฬาในระยะไกล ด้วยเทคโนโลยี 5-Axis IS ที่สามารถป้องกันการสั่นไหวแบบ 5 แกนของโอลิมปัส ที่มอบภาพคมชัดสวยงามแม้มือสั่น
     นอกจากนั้นกล้องรุ่น E-M10 Mark II ยังช่วยส่งเสริมการจัดองค์ประกอบภาพที่สร้างสรรค์ ด้วยระบบป้องกันภาพสั่นไหวอันสุดยอดนี่เองที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถถือกล้องและจัดวางภาพก่อนกดถ่ายได้อย่างเป็นอิสระ   พร้อมกับการใส่กลไก IS ที่ประกอบมาพร้อมกับตัวกล้อง ทำให้ไม่ว่าจะเปลี่ยนใส่เลนส์ตัวไหนก็สามารถใช้ประโยชน์จากความนิ่งของกล้องรุ่น E-M10 Mark II นี้ได้ จึงเป็นการเพื่อทางเลือกที่หลากหลายในการเลือกใช้เลนส์แก่ผู้ใช้อีกด้วย 
     สำหรับการมองภาพ กล้องรุ่น E-M10 Mark II ใช้ช่องมองภาพแบบดิจิตอลความละเอียด 2.36 ล้าน ดอท OLED ที่ยอดเยี่ยมสามารถทำให้มองเห็นภาพได้แบบเรียลไทม์ พร้อมครอบคลุมการมองได้ถึง 100% ทำให้สามารถควบคุมกระบวนการถ่ายภาพได้ทั้งหมดด้วยการดูภาพที่ต้องการควบคุมค่าแสง ณ ขณะนั้น รวมทั้งการตั้งค่าอื่นๆ ซึ่งจะช่วยทำให้คอนเซ็ปการเรียนรู้การถ่ายภาพง่ายมากขึ้น และยังช่วยให้ผู้ถ่ายภาพสามารถสร้างสรรค์ภาพในแบบใหม่ๆ ได้อีกด้วย

     พร้อมกันนี้ ชิ้นแก้วพิเศษ (advanced aspherical optics) ในช่องมอง จะช่วยให้ไม่เกิดการบิดเบี้ยวของภาพที่เห็นด้วยกำลังขยายถึง 1.23 เท่า พร้อมช่องมองกระจกขนาด 19.2 มม. ที่สบายตา ส่วน S-OVF ซึ่งเป็นการตั้งค่าช่องมองภาพ ’จำลอง’ แสงแบบพิเศษจะช่วยเลียนแบบการมองเห็นประหนึ่งใช้กล้อง SLR แบบดั้งเดิม การใช้เทคโนโลยี HDR เพื่อเสริมช่วงการรับแสง Live View ช่วยมอบประสบการณ์การมองเห็นที่สมจริง ทั้งนี้ S-OVF Live View ยังช่วยปรับการมองเห็นให้ดียิ่งขึ้นเมื่อถ่ายย้อนแสง และยังมอบองค์ประกอบของการ สร้างสรรค์รูปแบบใหม่ๆ อย่างเป็นธรรมชาติสำหรับกล้อง SLR
     มร.ชินโช อิเคดะ กรรมการบริษัทและผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์กล้องถ่ายภาพและอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ บริษัท โอลิมปัส (ประเทศไทย) จำกัด (คนกลาง), นางสาวสุชาดา ตั้งเลิศสัมพันธ์ ผู้จัดการส่วนงานการตลาด (คนที่ 2 จากขวา), และนายอมรศักดิ์ เตียวสกุล เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด (คนที่ 2 จากซ้าย) ทั้ง 3 ร่วมให้ข้อมูลในการเปิดตัว E-M10 Mark II

     สำหรับการบันทึกวีดีโอแบบ Full HD นั้นได้รวมเทคโนโลยี ‘OM-D Movie’ ของโอลิมปัสซึ่งเคยมีในกล้องรุ่น E-M5 Mark II สู่กล้องระดับเริ่มต้น โดย OM-D Movie ได้รวมกลไกการทำงานขั้นสูงและระบบป้องกันภาพสั่นแบบ 5 แกน ไว้ด้วยกันเพื่อช่วยให้จับภาพได้ง่ายอย่างไร้กังวล ซึ่งการสั่นไหวในการถ่ายวีดีโอด้วยมือเปล่า นอกจากนั้นยังมีโหมด “CLIPS” พิเศษ ที่จะทำให้คุณสามารถสร้างหนังสั้นคุณภาพสูงได้ในเวลาจำกัด พร้อมกลุ่มวีดีโอที่วางแผนไว้ล่วงหน้าซึ่งสามารถนำไปใช้รวมกับกล้องได้อย่างสะดวก 
     กล้อง E-M10 Mark II ออกแบบมาเพื่อให้เชื่อมต่อกับโลกโซเซียลได้เป็นอย่างดี พร้อมการรวมกับสมาร์ทโฟนขั้นล่าสุด และด้วยแอพพลิเคชั่น OI.Share ของโอลิมปัส (สำหรับ iOS และ Android) คุณสามารถส่งรูปภาพและวีดีโอแบบไร้สายจากกล้องสู่มือถือ และโพสลงกลุ่มสังคมออนไลน์ได้ทันที โดย OI.Share เพิ่มความสามารถในการแนบ geotags  และการควบคุมกล้องจากระยะไกล (ด้วย Remote Live View)   
     นับได้ว่า OM-D E-M10 Mark II รุ่นใหม่นี้ ได้สร้างมาตรฐานใหม่สำหรับกล้องในระดับแรกเริ่มของกลุ่มกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้เลยทีเดียว

ราคา (รวม VAT)
E-M10 Mark II Body : 24,990 บาท
E-M10 Mark II 14-42EZ Kit : 29,990 บาท
E-M10 Mark II DZ (14-42EZ + 40-150R) Kit : 34,990 บาท

กริ๊ป ECG-3  (ราคา: 2,490 บาท)
กริ๊ปซึ่งถอดออกได้ชิ้นนี้ทำขึ้นเป็นพิเศษเพื่อกล้องรุ่น E-M10 Mark II ที่จะช่วยในการถือกล้องให้กระชับ และเพียงการกดครั้งเดียวที่ฐานกล้องก็สามารถเปิดฝาถอดเปลี่ยนแบตเตอร์รี่และ Memory Cardได้อย่างง่ายดาย
สายสะพายกล้องหนังแท้ CSS-S119L   (ราคา: 2,790 บาท)
สายสะพายกล้องหนังแท้มอบความหรูหรา ตัวสายสามารถกันน้ำได้ดี  ความกว้างของสายที่มีขนาดกำลังดี ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและคล่องตัวขณะคล้องคอ  (จากในภาพ) ห่วงบนสายสะพายสามารถร้อยใส่พวงเครื่องประดับตกแต่งให้ดูเก๋หรือใช้คล้องเกี่ยวอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ได้ด้วย
 
1. ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ 5 แกน รุ่นล่าสุดที่ประกอบมาในตัวกล้อง


เดิมทีคุณภาพของภาพถ่ายเกิดขึ้นได้จาก 3 ปัจจัยหลักคือ เลนส์ที่มีคุณภาพ เซ็นเซอร์ภาพ และการประมวลผลภาพในกล้อง โดยโอลิมปัสเชื่อว่าในความเป็นจริง ผู้ที่ถ่ายภาพนั้นมักจะถือกล้องถ่ายเอง ฉะนั้นความเสถียร (IS) ของภาพจึงเป็นฟังก์ชั่นคุณภาพลำดับที่ 4 ที่เพิ่มขึ้นมา องค์ประกอบของกล้องจึงเป็นพื้นฐานของศักยภาพในการทำงานทั้งหมดเพื่อให้เกิดภาพของระบบกล้อง  


เพื่อมอบระบบ IS ที่มีประสิทธิภาพที่จะตอบโจทย์การสั่นไหวของตัวกล้องสำหรับกล้องรุ่น E-M10 Mark II โอลิมปัสจึงใส่ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ 5 แกน หรือ 5-axis VCM image stabiliser ในกล้องระดับเริ่มต้นของซีรีส์ OM-D เป็นครั้งแรก ซึ่งทำให้สามารถชดเชยกันสั่นได้มากถึง 4 EV Step (4 steps of shutter speed*) อันทรงประสิทธิภาพได้อีกด้วย


นอกจากการป้องกันภาพสั่นไหวแบบ  2 แกน ที่แก้ไขการหันเหและเอียงในกล้อง SLR ส่วนใหญ่ ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ 5 แกน ของโอลิมปัสยังช่วยชดเชยการเคลื่อนไหวของแกน yaw และ pitch ที่พบบ่อยในการถ่ายภาพเวลากลางคืนที่ใช้มือถือกล้องและใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำ และการเคลื่อนไหวของกล้องที่เปลี่ยนไปในแนวนอนและแนวตั้งในการถ่ายภาพมาโครด้วยมือ


ส่วน OM-D Movie นั้นหมายถึงความเสถียรของภาพในระดับที่ใช้ถ่ายภาพยนตร์เลยทีเดียว นับเป็นการเปิดตัวครั้งแรกในโมเดลกล้อง E-M5 Mark II ระบบรักษาเสถียรภาพของวิดีโอที่ก้าวล้ำ ผนวกกับระบบ IS แบบ 5 แกนพร้อมกับดิจิตอล IS ที่ทันสมัย ช่วยไม่ให้กล้องสั่นไหวจากการเคลื่อนที่ หรือการถือจับได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งส่งผลให้ได้ภาพ footage ของวิดีโอที่ลื่นไหลและคงความเสถียรอย่างที่สุด โดยมีประสิทธิภาพสามารถบันทึกภาพวิดีโอคุณภาพสูงลดการสั่นไหวได้แม้จะถือกล้องด้วยมือเดียว


2. การทำงานแบบไฮ-สปีด ที่จะช่วยให้คุณไม่พลาดการบันทึกเหตุการณ์สำคัญ


กล้อง E-M10 Mark II มาพร้อมกับชัตเตอร์โฟกัสอัตโนมัติระบบสัมผัส (Touch AF Shutter) และโฟกัสอัตโนมัติที่ทำงานอย่างรวดเร็ว (FAST-AF) เพื่อความสามารถในการแตะและกดถ่ายได้ทันที ส่วนระยะเวลาระหว่างถ่ายภาพถัดไป (Shooting time-lag) และการทำงานอย่างรวดเร็ว ซึ่งจัดว่าดีที่สุดในกลุ่มกล้องชนิดนี้ ยังช่วยทำให้ผู้ถ่ายมั่นใจได้ว่าสามารถเก็บภาพได้ในเสี้ยววินาที นอกจากนั้นความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องซึ่งเร็วถึง 8.5 เฟรมต่อวินาที ก็เป็นการพัฒนาที่สำคัญที่เพิ่มขึ้นมากจากโมเดล OM-D E-M10 รุ่นแรก


3. ช่องมองภาพ (viewfinder) แบบอิเลคโทรนิคขนาดใหญ่
ช่องมองภาพ OLED electronic viewfinder (EVF) ความละเอียด 2.36 ล้าน ดอท ทำให้สามารถเห็นภาพที่ต้องการถ่ายได้ถนัดตาแม้ว่าจะอยู่กลางแดดจ้า ซึ่งมีคุณสมบัติการมองเห็นเต็ม 100% ของภาพที่จะถ่าย เป็นสเปคที่เหนือกว่าช่องมองวิวไฟเดอร์ที่มีในกล้องระดับ SLR ส่วนใหญ่ ช่องมองภาพล่าสุดให้อัตราขยายถึง 1.23 เท่า (เทียบเท่ากล้อง 35 มม.: 0.62 เท่า) โดยมีจุดสายตาที่ 19.2 มม. ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดีขึ้นกว่ากล้อง E-M10 รุ่นแรกมาก


ด้วยช่องมองภาพ (OVF) ในกล้อง SLR ทำให้วัตถุที่มีแสงน้อยนั้นยากต่อการมองเห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้กับเลนส์ที่ไม่ไวแสง แต่ช่องมองภาพแบบอิเลคโทรนิคของกล้อง E-M10 Mark II กลับจะช่วยให้เห็นภาพของวัตถุหรือฉากที่มีแสงน้อยด้วยการเพิ่มความสว่างในการมองเห็นอย่างเหมาะสมเพื่อให้ดูรายละเอียดของสิ่งที่จะถ่ายได้ง่าย และด้วยการตั้งค่า Live Preview ให้เปิดอยู่เสมอ ช่วยให้ EVF สร้างประสบการณ์การถ่ายภาพแบบเห็นภาพเต็ม 100% ขณะพรีวิว (WYSIWYG) มอบความรู้สึกว่าคุณเป็นผู้ควบคุมการถ่ายเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดรับแสงสมดุลความขาว และการตั้งค่าที่สร้างสรรค์อื่นๆ


กล้อง E-M10 Mark II เป็นกล้อง OM-D รุ่นแรกที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่น AF Targeting Pad ขณะที่คุณกวาดตามองภาพในวิวไฟน์เดอร์ ก็สามารถใช้นิ้วโป้งเลื่อนบนจอสัมผัสด้านหลังเพื่อเลือกจุดโฟกัสได้โดยง่าย เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการใช้งานและควบคุมการโฟกัสอัตโนมัติ


4. ฟังก์ชั่นการถ่ายภาพแบบครีเอทีฟต่างๆ


กล้อง E-M10 Mark II มาพร้อมกับคุณลักษณะสุดครีเอทีฟที่หลากหลาย:


I) Art Filters 14 รูปแบบ (พร้อม Art Effect หลายหลายแบบ)


ฟิลเตอร์ดิจิตัลที่สามารถเรียกดูได้ก่อน ช่วยเสริมความแปลกใหม่ให้แก่ทั้งภาพนิ่งและวีดีโอ


  • ป๊อป อาร์ท (Pop Art)
  • ซอฟ์ทโฟกัส (Soft Focus)
  • สีซีดและสีอ่อน  (Pale & Light colour)
  • โทนสว่าง  (Light Tone)
  • ฟิล์มภาพยนต์โบราณ (Grainy Film)
  • กล้องรูเข็ม (Pin Hole)
  • ภาพ 3 มิติ (Diorama)
  • ภาพแบบครอส โพรเซส (Cross Process)
  • ซีเปียแนวอ่อนโยน (Gentle Sepia)
  • ภาพโทนสีเด่นเพิ่มอารมณ์  (Dramatic Tone)
  • ภาพคีย์ไลน์ (Key Line)
  • ภาพสีน้ำ (Watercolour)
  • ภาพวินเทจ (Vintage)
  • ภาพที่ให้สีส่วนหนึ่ง (Partial colour)


II) Photo Story 5 รูปแบบ


รวมหลายๆ ภาพเป็นแผ่นเดียวกันโดยใช้แบบที่มีให้


III) Live Bulb และ Live Time


การตั้งค่าแสงที่ทันสมัยทำให้เห็นถึงพัฒนาการที่ต่อเนื่องของภาพบนจอ LCD ด้านหลังขณะตั้งค่า มีประโยชน์มากกับการถ่ายภาพเวลากลางคืน


IV) Live Composite


เป็นโหมดเปิดค่าแสงเพื่อให้ถ่ายอย่างช้าๆสุดทันสมัย โดย Live Composite จะรวมการรับหลายๆภาพไว้เป็นภาพเดียวโดยจะป้องกันการเกิดแสงมากในส่วนที่สว่างกว่าในรูปอย่างอัตโนมัติ โหมดถ่ายพิเศษนี้จะเกิดการจับภาพที่แต้มด้วยแสงอย่างสดใสสวยงาม (แม้อยู่ในสภาวะที่สว่าง) ทำให้การถ่ายภาพเส้นทางของแสงดาวเป็นไปได้ง่าย และยังช่วยประกันความงามของการถ่ายพลุที่จะงามเด่นอยู่บนฉากผืนพรมอันมืดมิดของท้องฟ้ายามราตรี
เกี่ยวกับ บริษัท โอลิมปัส (ประเทศไทย) จำกัด
บริษัท โอลิมปัส (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทในเครือของโอลิมปัส คอร์ปอเรชั่น ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น โดย บริษัท โอลิมปัส (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบในด้านการตลาดและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของโอลิมปัสในประเทศไทย  ครอบคลุมผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปรวมถึงอุปกรณ์สำหรับถ่ายภาพนิ่งและวีดีโอ กล้องส่องทางไกล และเครื่องอัดเสียงดิจิตอล โดยถือคติพจน์ " Your Vision, Our Future." http://olympusimaging-th.com/

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ โอลิมปัส: บริษัท โอลิมปัส (ประเทศไทย) จำกัด , แผนกผลิตภัณฑ์ถ่ายภาพ, imaging.oth@olympus-ap.com         22/112 อาคารสรชัย ชั้น 27 ซอยสุขุมวิท 63 (เอกมัย) ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110 ประเทศไทย, โทรศัพท์: +66 2 787 8200