BJCHI เฮ!!! คว้างานบราซิล ดันงานในมือพุ่งกว่า 7 พันล้านบาท ลั่นยังมีโอกาสรับงานเพิ่มเติมอีกเพียบในอนาคต
บมจ.บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี BJCHI
รุกคืบ! คว้างานจาก Joint Venture (JV) ที่มี Petrobras Netherlands B.V.
ในประเทศบราซิลถือหุ้นใหญ่ มูลค่ามากกว่า 5 พันล้านบาท ดันปริมาณงานในมือ
(Backlog) พุ่งกว่า 7 พันล้านบาท ด้านผู้บริหารหนุ่มไฟแรง 'เซิง วู ลี'
โชว์ศักยภาพความพร้อมทั้งในด้านเงินทุน ประสบการณ์
คุณภาพของงานและการส่งมอบงานตรงสเปค-ทันเวลา
ชูจุดแข็งความสามารถในการผลิตภายในโรงงานของบริษัทช่วยลดต้นทุน
ย่นเวลาการทำงาน
พร้อมทั้งผลิตงานที่มีคุณภาพที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าเชื่อมั่นรายได้ปี
นี้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 15% แน่นอน ( บริษัท บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ BJCHI ผู้ดำเนินธุรกิจวิศวกรรม ด้านการรับจ้างผลิต และการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในกระบวนการผลิต ในโรงงานอุตสาหกรรม ตามแบบและขนาดที่ลูกค้ากำหนด โดยบริษัทสามารถผลิตสินค้า และบริการรองรับการใช้งาน ของลูกค้าได้ในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น พลังงาน โรงกลั่นน้ำมัน โรงไฟฟ้า ก๊าซธรรมชาติ ปิโตรเคมี และเหมืองแร่ )
ท่านแรก คุณอุ่นศักดิ์ แสงอาสภวิริยะ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย BJCHI ,ท่านที่สอง คุณเซิง วู ลี รองกรรมการผู้จัดการบริษัท บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ BJCHI ,ท่านที่สาม คุณวิทยา เชียงอุทัย ผู้จัดการฝ่ายงานนักลงทุนสัมพันธ์ BJCHI (ตามลำดับจากซ้าย)
นายเซิง วู ลี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) (BJCHI) ผู้ดำเนินธุรกิจวิศวกรรมด้านการรับจ้างผลิต และการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในกระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมตามแบบและขนาดที่ลูกค้ากำหนด เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามเซ็นสัญญารับงานใหม่ ซึ่งเป็นงานแปรรูปและประกอบโครงสร้างกลุ่มชิ้นงานขนาดใหญ่ ประเภท Floating Production Storage and Offloading (FPSO)(แท่นขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่งบนเรือบรรทุก) สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ของบริษัทร่วมลงทุน (Joint Venture) ที่มี Petrobras Netherlands B.V. ในประเทศบราซิลถือหุ้นใหญ่ ชื่อโครงการ TUPI โดยมีมูลค่ามากกว่า 5 พันล้านบาท และมีระยะเวลาของโครงการประมาณ 18 เดือน นอกจากนี้ ถ้าลูกค้าพึงพอใจกับคุณภาพและบริการของโครงการนี้นั้น จะทำให้บริษัทมีโอกาสสูงที่จะสามารถรับงานลักษณะดังกล่าวเพิ่มเติมอีกกว่า 5 พันล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่างานจากโครงการดังกล่าวมีโอกาสเพิ่มขึ้นถึงระดับ 1 หมื่นล้านบาทในอนาคต
ทั้งนี้ การคว้างานดังกล่าวส่งผลให้บริษัทมีปริมาณงานในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้นกว่า 7 พันล้านบาท จากปัจจุบัน ณ สิ้นไตรมาส 1/2558 อยู่ที่มากกว่า 2 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดว่าจะสามารถทยอยรับรู้เป็นรายได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ในปี 2558 นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างรอลุ้นผลประมูลงานโครงการที่มีศักยภาพสูง (High Potential Project) อยู่อีกกว่า 5 พันล้านบาท
“การรับงานแปรรูปและประกอบโครงสร้างกลุ่มชิ้นงานขนาดใหญ่ในครั้งนี้ เป็นงานที่บริษัทมีประสบการณ์มาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งส่งผลให้บริษัทนั้นมีความพร้อมในทุกๆ ด้าน ทั้งทีมงาน และเครื่องจักร เพื่อส่งมอบงานตามสเปคที่ลูกค้ากำหนด และสามารถส่งมอบงานได้ตามเวลาที่ตกลงกันไว้ และจากปริมาณงานในมือที่เพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทเชื่อมั่นว่า รายได้ของบริษัทในปีนี้จะสามารถเติบโตตามเป้าหมายที่บริษัทวางไว้ไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อน” นายเซิง วู ลี กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทยังมีโรงงานและอุปกรณ์ในการผลิตที่ทันสมัย เช่น โรงชุบสังกะสี (Galvanizing Shop) โรงผลิตเหล็กตะแกรง (Grating Shop) โรงผลิตและประกอบคานเหล็กเพื่อใช้กับงานโครงสร้าง (Built-up Beam Shop) โรงพ่นขัดโลหะและพ่นสี (Blasting and Painting Shop) ที่ได้มาตรฐานสากล ซึ่งทำให้บริษัทสามารถแปรรูปและประกอบโครงสร้างชิ้นส่วนขนาดใหญ่ได้ครบทุก ขั้นตอนการผลิตภายในบริษัทเองทั้งหมด โดยนอกจากจะเป็นการประหยัดต้นทุน และได้ชิ้นงานตามสเปคที่ต้องการแล้ว ยังช่วยในการประหยัดระยะเวลาการทำงานซึ่งทำให้สามารถทำงานได้เร็วขึ้นอีก ด้วย
“การที่บริษัทได้รับงานเพิ่มเติมจากประเทศบราซิลนั้น นอกจากส่งผลดีต่อการเติบโตของรายได้ของบริษัท แล้วนั้น ยังทำให้ผู้ให้บริการรับเหมาก่อสร้างในด้านอุตสาหกรรมหนักของไทยให้เป็นที่ รู้จักและได้รับการยอมรับในชื่อเสียงและคุณภาพงานจากลูกค้าในต่างประเทศ อีกด้านหนึ่ง ยังคงส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยและทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักมาก ขึ้นในตลาดต่างประเทศ” นายเซิง วู ลี กล่าว
ท่านแรก คุณอุ่นศักดิ์ แสงอาสภวิริยะ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย BJCHI ,ท่านที่สอง คุณเซิง วู ลี รองกรรมการผู้จัดการบริษัท บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ BJCHI ,ท่านที่สาม คุณวิทยา เชียงอุทัย ผู้จัดการฝ่ายงานนักลงทุนสัมพันธ์ BJCHI (ตามลำดับจากซ้าย)
นายเซิง วู ลี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) (BJCHI) ผู้ดำเนินธุรกิจวิศวกรรมด้านการรับจ้างผลิต และการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในกระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมตามแบบและขนาดที่ลูกค้ากำหนด เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามเซ็นสัญญารับงานใหม่ ซึ่งเป็นงานแปรรูปและประกอบโครงสร้างกลุ่มชิ้นงานขนาดใหญ่ ประเภท Floating Production Storage and Offloading (FPSO)(แท่นขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่งบนเรือบรรทุก) สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ของบริษัทร่วมลงทุน (Joint Venture) ที่มี Petrobras Netherlands B.V. ในประเทศบราซิลถือหุ้นใหญ่ ชื่อโครงการ TUPI โดยมีมูลค่ามากกว่า 5 พันล้านบาท และมีระยะเวลาของโครงการประมาณ 18 เดือน นอกจากนี้ ถ้าลูกค้าพึงพอใจกับคุณภาพและบริการของโครงการนี้นั้น จะทำให้บริษัทมีโอกาสสูงที่จะสามารถรับงานลักษณะดังกล่าวเพิ่มเติมอีกกว่า 5 พันล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่างานจากโครงการดังกล่าวมีโอกาสเพิ่มขึ้นถึงระดับ 1 หมื่นล้านบาทในอนาคต
ทั้งนี้ การคว้างานดังกล่าวส่งผลให้บริษัทมีปริมาณงานในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้นกว่า 7 พันล้านบาท จากปัจจุบัน ณ สิ้นไตรมาส 1/2558 อยู่ที่มากกว่า 2 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดว่าจะสามารถทยอยรับรู้เป็นรายได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ในปี 2558 นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างรอลุ้นผลประมูลงานโครงการที่มีศักยภาพสูง (High Potential Project) อยู่อีกกว่า 5 พันล้านบาท
“การรับงานแปรรูปและประกอบโครงสร้างกลุ่มชิ้นงานขนาดใหญ่ในครั้งนี้ เป็นงานที่บริษัทมีประสบการณ์มาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งส่งผลให้บริษัทนั้นมีความพร้อมในทุกๆ ด้าน ทั้งทีมงาน และเครื่องจักร เพื่อส่งมอบงานตามสเปคที่ลูกค้ากำหนด และสามารถส่งมอบงานได้ตามเวลาที่ตกลงกันไว้ และจากปริมาณงานในมือที่เพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทเชื่อมั่นว่า รายได้ของบริษัทในปีนี้จะสามารถเติบโตตามเป้าหมายที่บริษัทวางไว้ไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อน” นายเซิง วู ลี กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทยังมีโรงงานและอุปกรณ์ในการผลิตที่ทันสมัย เช่น โรงชุบสังกะสี (Galvanizing Shop) โรงผลิตเหล็กตะแกรง (Grating Shop) โรงผลิตและประกอบคานเหล็กเพื่อใช้กับงานโครงสร้าง (Built-up Beam Shop) โรงพ่นขัดโลหะและพ่นสี (Blasting and Painting Shop) ที่ได้มาตรฐานสากล ซึ่งทำให้บริษัทสามารถแปรรูปและประกอบโครงสร้างชิ้นส่วนขนาดใหญ่ได้ครบทุก ขั้นตอนการผลิตภายในบริษัทเองทั้งหมด โดยนอกจากจะเป็นการประหยัดต้นทุน และได้ชิ้นงานตามสเปคที่ต้องการแล้ว ยังช่วยในการประหยัดระยะเวลาการทำงานซึ่งทำให้สามารถทำงานได้เร็วขึ้นอีก ด้วย
“การที่บริษัทได้รับงานเพิ่มเติมจากประเทศบราซิลนั้น นอกจากส่งผลดีต่อการเติบโตของรายได้ของบริษัท แล้วนั้น ยังทำให้ผู้ให้บริการรับเหมาก่อสร้างในด้านอุตสาหกรรมหนักของไทยให้เป็นที่ รู้จักและได้รับการยอมรับในชื่อเสียงและคุณภาพงานจากลูกค้าในต่างประเทศ อีกด้านหนึ่ง ยังคงส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยและทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักมาก ขึ้นในตลาดต่างประเทศ” นายเซิง วู ลี กล่าว