สมาคมสถาปนิกฯปลื้ม การจัดงานสถาปนิก’58 บรรลุวัตถุประสงค์ มีผู้สนใจเข้าชมงานทั้งในส่วนของนิทรรศการสมาคม การจัดสัมมนา และชมบูธวัสดุก่อสร้างคับคั่ง ผู้เข้าชมงานเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา 5% จำนวนผู้ประกอบการเข้าร่วมแสดงสินค้า 800 ราย ผู้ประกอบการจากต่างประเทศร่วมออกบูธกว่า 300 รายเพิ่มขึ้น 50%จากปีที่ผ่านมา
สมาคมสถาปนิกฯปลื้ม การจัดงานสถาปนิก’58 บรรลุวัตถุประสงค์ มีผู้สนใจเข้าชมงานทั้งในส่วนของนิทรรศการสมาคม การจัดสัมมนา และชมบูธวัสดุก่อสร้างคับคั่ง ผู้เข้าชมงานเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา 5% จำนวนผู้ประกอบการเข้าร่วมแสดงสินค้า 800 ราย ทั้งในและต่างประเทศ ต่างยกทัพนวัตกรรม มาประชันโฉมกันอย่างคับคั่ง พร้อมอัดโปรโมชั่นพิเศษ สำหรับงานนี้โดยเฉพาะ ทำให้กระแสตอบรับ จากผู้เข้าชมงานนั้น ดีเกินคาด ที่สำคัญในปีนี้เรามุ่งเน้น ความเป็น International มากขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับ AEC ทำให้เรามีผู้ประกอบการชาวต่างชาติ ที่สนใจร่วมออกบูธภายในงาน เพิ่มสูงเป็นประวัติการณ์ประมาณ 300 ราย เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 50% โดยประเทศที่นำสินค้าร่วมกิจกรรม อาทิ จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน ตุรกี ตลอดจนสินค้าจากยุโรป ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย ถือเป็นสัญญาณที่ดี ว่าต่างชาติเริ่มมั่นใจ และมองเห็นโอกาส ในการทำตลาดในอาเซียน
ลำดับภาพจากซ้ายไปขวา 1. นายชนะ สัมพลัง ประธานจัดงานสถาปนิก’58 ,2. นายพิชัย วงศ์ไวศยวรรณ นายกสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ,3. นายชาตรี มรรคา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีทีเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
นายชนะ สัมพลัง ประธานจัดงานสถาปนิก’58 กล่าวว่า ภาพรวมการจัดงาน “สถาปนิก’58 ASA NEXT ตัวตนคนไทย”ระหว่างวันที่ 28 เมษายน – 3 พฤษภาคม 2558 ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1-3 ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี นับว่าประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีจำนวนผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมทั้งในส่วนของการจัดแสดงนิทรรศการ การสัมมนา และกิจกรรมส่งเสริมองค์ความรู้ด้านวิชาชีพสถาปัตยกรรมและ การเข้าชมผลงานของสถาปนิกไทย ที่นำมาจัดแสดงในงาน อย่างคับคั่งตลอดระยะเวลาในการจัดงาน 6 วัน ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการแสดงตัวตน ศักยภาพของสถาปนิกไทย สู่เวทีโลก
ด้านนายชาตรี มรรคา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีทีเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้จัดการสถาปนิก'58 กล่าวว่า งานสถาปนิก’58 ปิดฉากลงแล้วอย่างสวยงาม งานดังกล่าวยังคงความยิ่งใหญ่ อัดแน่นด้วยสาระความรู้ นวัตกรรมและเทคโนโลยีวัสดุก่อสร้าง รวมถึงการบริการ ด้านงานสถาปัตยกรรมไว้อย่างครบถ้วน โดยตลอดงานทั้ง 6 วัน มียอดผู้เข้าชม ทั้งจากในและต่างประเทศทะลุ 360,000 ราย ซึ่งเพิ่มสูงกว่าปีที่แล้ว ประมาณ 5%
ในส่วนของผู้แสดงสินค้าจำนวนทั้งสิ้นกว่า 800 ราย ทั้งในและต่างประเทศ ต่างยกทัพนวัตกรรมมาประชันโฉมกันอย่างคับคั่ง พร้อมอัดโปรโมชั่นพิเศษ สำหรับงานนี้โดยเฉพาะ ทำให้กระแสตอบรับ จากผู้เข้าชมงานนั้นดีเกินคาด ที่สำคัญในปีนี้ เรามุ่งเน้นความเป็น International มากขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับ AEC ทำให้เรามีผู้ประกอบการชาวต่างชาติที่สนใจร่วมออกบูธภายในงานเพิ่มสูงเป็นประวัติการณ์ประมาณ 300 ราย เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 50% โดยประเทศที่นำสินค้าร่วมกิจกรรม อาทิ จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน ตุรกี ตลอดจนสินค้าจากยุโรป ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่าต่างชาติเริ่มมั่นใจและมองเห็นโอกาสในการทำตลาดในอาเซียน
ลำดับภาพจากซ้ายไปขวา 1. นายชนะ สัมพลัง ประธานจัดงานสถาปนิก’58 ,2. นายพิชัย วงศ์ไวศยวรรณ นายกสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ,3. นายชาตรี มรรคา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีทีเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
นายชนะ สัมพลัง ประธานจัดงานสถาปนิก’58 กล่าวว่า ภาพรวมการจัดงาน “สถาปนิก’58 ASA NEXT ตัวตนคนไทย”ระหว่างวันที่ 28 เมษายน – 3 พฤษภาคม 2558 ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1-3 ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี นับว่าประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีจำนวนผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมทั้งในส่วนของการจัดแสดงนิทรรศการ การสัมมนา และกิจกรรมส่งเสริมองค์ความรู้ด้านวิชาชีพสถาปัตยกรรมและ การเข้าชมผลงานของสถาปนิกไทย ที่นำมาจัดแสดงในงาน อย่างคับคั่งตลอดระยะเวลาในการจัดงาน 6 วัน ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการแสดงตัวตน ศักยภาพของสถาปนิกไทย สู่เวทีโลก
ในส่วนของผู้แสดงสินค้าจำนวนทั้งสิ้นกว่า 800 ราย ทั้งในและต่างประเทศ ต่างยกทัพนวัตกรรมมาประชันโฉมกันอย่างคับคั่ง พร้อมอัดโปรโมชั่นพิเศษ สำหรับงานนี้โดยเฉพาะ ทำให้กระแสตอบรับ จากผู้เข้าชมงานนั้นดีเกินคาด ที่สำคัญในปีนี้ เรามุ่งเน้นความเป็น International มากขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับ AEC ทำให้เรามีผู้ประกอบการชาวต่างชาติที่สนใจร่วมออกบูธภายในงานเพิ่มสูงเป็นประวัติการณ์ประมาณ 300 ราย เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 50% โดยประเทศที่นำสินค้าร่วมกิจกรรม อาทิ จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน ตุรกี ตลอดจนสินค้าจากยุโรป ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่าต่างชาติเริ่มมั่นใจและมองเห็นโอกาสในการทำตลาดในอาเซียน