ADS


Breaking News

KSAM ตั้งเป้าเอยูเอ็ม 3.3 แสนล้าน พร้อมมุ่งมั่นให้ความรู้และคำแนะนำการลงทุนผ่านงานสัมมนา "ลงทุนอย่างไรให้ได้ 100 ล้าน"

     บลจ.กรุงศรี ตั้งเป้าเพิ่มเอยูเอ็ม 22% พร้อมขยายฐานลูกค้าผ่านเครือข่ายธนาคารกรุงศรี ควบคู่ไปกับการให้ความรู้และคำแนะนำการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
จากซ้ายท่านที่ 1 คุณฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงศรี ท่านที่ 2 คุณไบรอัน ตัน ผู้บริหารระดับสูงของเจพีมอร์แกน แอสเสทแมเนจเมนต์ ท่านที่ 3 คุณประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.กรุงศรี

     นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงศรี เปิดเผยว่า "สำหรับ ทิศทางธุรกิจของบริษัทในปี 2558 บริษัทตั้งเป้า มูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) ที่ 3.3 แสนล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 22% จากสิ้นปี 2557 ที่อยู่ระดับ 2.7 แสนล้านบาท โดยแผนการดำเนินงานในปีนี้ จะมุ่งเน้นการขยายลูกค้าผ่านเครือข่ายสาขาธนาคารกรุงศรี 654 สาขาทั่วประเทศ นอกจากนี้ บริษัทยังคงศึกษาและแสวงหาโอกาส และผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้าสามารถจัดสรรการลงทุนที่เหมาะสมกับทุกสภาวะการลง ทุน และมุ่งมั่นรักษาคุณภาพของกระบวนการลงทุน และการบริหารจัดการกองทุนให้มีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างสม่ำเสมอ"
      "จากการที่ บลจ.กรุงศรี ให้ความสำคัญกับหลักการลงทุนเพื่อสร้างความมั่นคง มั่งคั่งอย่างยั่งยืนให้กับผู้ลงทุน บริษัทจึงมุ่งมั่นในการให้ความรู้และคำแนะนำ ด้านการวางแผนการเงินให้กับลูกค้าและบุคคลทั่วไปมากว่า 6 ปี ผ่านงานสัมนา "ลงทุนอย่างไรให้ได้ 100 ล้านอย่างง่าย ๆ" ซึ่งประกอบด้วยหลักสูตรสัมมนา 6 ภาค พร้อม Workshop รวมถึงการจัดพอร์ตการลงทุนรายบุคคล เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถวางแผนการลงทุนระยะยาวและจัดสรรเงินลงทุนได้อย่าง เหมาะสม สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่ตนเองรับได้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการลงทุนและได้รับผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอในระ ยาว"
      "งานสัมมนา 'ลงทุนอย่างไรให้ได้ 100 ล้านอย่าง ง่าย ๆ' ได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และ มีจำนวนผู้เข้าร่วมสัมมนาแล้วกว่า 9,000 ราย ทั้งนี้ จากข้อมูลทางสถิติพบว่าการเข้าร่วมสัมมนาดังกล่าว ช่วยให้ผู้ลงทุนมีผลลัพธ์ทางการเงินที่ดี ดังเห็นได้จากมูลค่าพอร์ตการลงทุนเฉลี่ยของกลุ่มลูกค้าที่เข้าสัมมนาจะสูง กว่ากลุ่มลูกค้าที่ไม่ได้เข้าร่วมงานสัมมนาดังกล่าว"
      "สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2557 ที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จและมีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก โดยบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มสูงขึ้นมาอยู่อันดับที่ 6 ของอุตสาหกรรม และทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารโดยรวมเติบโต 37% ในขณะที่อุตสาหกรรมมีการเติบโต 20%"
      “ผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นของ บลจ.กรุงศรี ในปีที่ผ่านมา ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นปันผล (KFSDIV) ที่เป็นกองทุนหุ้นทั่วไปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรม และกองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวปันผล (KFLTFDIV) ที่มีขนาดกองทุนที่สุดในกลุ่มกองทุน LTF เนื่องจากมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นอย่างสม่ำเสมอ ส่งผลให้มีเงินลงทุนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ภาพรวมของกองทุนหุ้น กองทุน LTF และกองทุนตราสารหนี้ มีการเติบโตสูงกว่าอุตสาหกรรมแบบก้าวกระโดด โดยกองทุนหุ้นมีอัตราการเติบโต 50% ในขณะที่อุตสาหกรรมมีการเติบโต 34% กองทุน LTF มีอัตราการเติบโต 51% ในขณะที่อุตสาหกรรมมีการเติบโต 27% กองทุนตราสารหนี้ มีอัตราการเติบโต 48% ในขณะที่อุตสาหกรรมมีการเติบโต 22% นอกจากนี้ บริษัทยังมีจำนวนบัญชีลูกค้าใหม่เพิ่มสูงขึ้น 31% สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและความไว้วางใจที่ผู้ลงทุนมอบให้กับบริษัท เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ บลจ.กรุงศรี มุ่งมั่นที่จะรักษาผลการดำเนินงานที่ดีอย่างสม่ำเสมอเพื่อสร้างความมั่งคั่ง อย่างยั่งยืนให้ผู้ลงทุนเพื่อสร้างผลประโยชน์ที่สูงสุดแก่ผู้ลงทุนเป็น สำคัญ”


     ทางด้าน นายไบรอัน ตัน ผู้บริหารระดับสูงของเจพีมอร์แกน แอสเสทแมเนจเมนต์ กล่าวว่า "ทางเจพีมอร์แกน แอสเสทแมเนจเมนต์ ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทจัดการลงทุนระดับโลก รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ บลจ. กรุงศรี ในการเพิ่มโอกาสการลงทุนในต่างประเทศให้แก่นักลงทุนไทยผ่านกองทุนที่จด ทะเบียนในประเทศไทยและนำเงินไปลงทุนในกองทุนของเจพีมอร์แกนที่มีการกระจาย การลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท เพื่อโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ ซึ่งทางเราเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์แก่นักลงทุนในด้านการกระจายการลงทุนและ สร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอให้แก่นักลงทุน เนื่องจากในสถานการณ์ปัจจุบันที่การขยายตัวของเศรษฐกิจและนโยบายการเงินของ แต่ละประเทศมีความแตกต่างกันอย่างมาก ดังนั้น การกระจายการลงทุนและการบริหารการลงทุนที่มีความยืดหยุ่นมีความสำคัญอย่าง มาก”

     นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.กรุงศรี เปิดเผยว่า “สำหรับเศรษฐกิจไทย ปี 2558 ภาคการส่งออกยังคงอยู่ในช่วงที่ต้องปรับตัวรับกับความต้องการสินค้าในตลาด โลกที่เปลี่ยนไป อย่างเช่น ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ที่ตอนนี้ความต้องการในตลาดโลกลดลง เนื่องจากผู้บริโภคหันไปใช้แท็ปเล็ตแทนคอมพิวเตอร์ แต่การส่งออกรถยนต์น่าจะดีขึ้น เพราะราคาน้ำมันที่ลดลงมีผลให้ยอดขายรถยต์ในหลายๆประเทศโตในระดับเกิน 10% ทั้งนี้ บลจ. กรุงศรี คาดว่ายอดส่งออกจะขยายตัวในระดับต่ำมาก เพราะนอกจากปัจจัยที่กล่าวไปแล้ว ยังมีเรื่องของการย้ายฐานการผลิต และการถูกตัด GSP สำหรับการบริโภคภายในประเทศคาดว่าจะยังคงอ่อนแอ เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรอยู่ในระดับต่ำ และหนี้ภาคครัวเรือนอยู่ในระดับสูง ซึ่งส่งผลให้ธนาคารต่างๆมีความเข้มงวดในการปล่อยกู้มากขึ้น นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังกังวลเกี่ยวกับรายจ่ายในอนาคต ในส่วนของการลงทุนของภาคเอกชน ยังคงรอดูความชัดเจนจากภาครัฐ ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่จะเริ่มได้เมื่อไหร่ ส่งผลให้แรงกระตุ้นจากภาครัฐยังไม่พอที่จะช่วยผลักดันการฟื้นตัวของ ๆ นี้”
      “เมื่อมองในภาพรวมแล้ว คาดว่าบรรยากาศเศรษฐกิจในปีนี้จะยังคงดูไม่สดใสนัก เพราะปัจจัยขับเคลื่อนหลักทั้งการส่งออก และการอุปโภคบริโภคภายในประเทศอ่อนแอ ในขณะที่การลงทุนของภาครัฐ ซึ่งรัฐบาลหวังว่าจะให้เป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีนี้ ยังคงต้องรอระยะเวลาพอสมควรจึงจะเห็นผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ ดังจะเห็นได้จากผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินล่าสุดมีมติให้ลดอัตรา ดอกเบี้ยนโยบายลงเหลือ 1.75% จากระดับ 2.0% เพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่น”
      “สำหรับทิศทางการลงทุนที่น่าสนใจในปีนี้ คาดว่าการลงทุนในตลาดตราสารทุนยังคงสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจ เนื่องจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับต่ำ และสภาพคล่องยังอยู่ในระดับสูง จากการอัดฉีดเม็ดเงินจากธนาคารกลางขนาดใหญ่ โดยภูมิภาคที่จะได้อานิสงค์จากมาตรการผ่อนคลายทางการเงินในขณะนี้ ได้แก่ ยุโรป และญี่ปุ่น โดยกองทุนแนะนำของ บลจ.กรุงศรี ได้แก่ กอง KF-HEUROPE และ กอง KF-HJAPAND” นายประภาส กล่าว